สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน
สำหรับรีวิวนี้ ผมจะมาแนะนำเครื่องกรองอากาศตัวหนึ่งครับ
ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผมตามเจ้าตัวนี้มาจากโพสของ อาจารย์เจษฎ์ซึ่งผมติดตามอยู่
เจ้าตัวกรองอากาศตัวนี้เป็นของ Osram มีชื่อว่า AirZing Car UV Air Sterilizer
ผมได้อ่านคุณสมบัติคร่าวๆจากคำแนะนำของอาจารย์เจษฎ์มาและรู้สึกสนใจมากครับ
เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่ภายในกรุงแบบนี้ด้วย ฝุ่นในรถจากการที่เราไปสัมผัสจากด้านนอกมาด้วย
กลิ่นอับจากอาหารการกินของคนที่บ้าน เชื่อโรคจากคนเป็นหวัดไอจามมากมาย ผสมปนเปกันอยู่ในรถซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลย ครับว่ามันมีมากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ล่ะครับที่เป็นเหตุให้ผมสนใจเจ้าตัวนี้แต่ที่สนใจมากเป็นพิเศษส่วนหนึ่งมาจากการที่ผมใช้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นพวกหลอดไฟของ Osram อยู่แล้วด้วย
เลยแปลกใจว่ามีเครื่องกรองอากาศแบบนี้ด้วยเหรอ
บวกกับคำแนะนำจากอาจารย์เจษฎ์เลยตัดสินใจลองสั่งมาครับ
ผมสั่งมาจาก Osram official store บน Shopee ราคา 2,240 บาท
รีวิวนี้ผมจะลองทดสอบดูครับว่าความรู้สึกจากกลิ่นรถปกติ กับการใช้เจ้านี่สักระยะจะรู้สึกเป็นยังไง
แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับเรื่องกลิ่นหรือความรู้สึกเราอาจจะบรรยายอออกมาให้เชื่อไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
เเต่ผมจะขออธิบายตามความรู้สึกส่วนตัวและวัดค่าฝุ่นจากเครื่องวัดดูนะครับ
ก่อนจะไปทดสอบกันก่อนอื่นไปดูคุณสมบัติคร่าวๆของเจ้าตัวนี้กันก่อนครับ
เจ้า Osram AirZing ตัวนี้ มีคุณสมบัติก็คือ
สามารถจำกัดแบคทีเรียได้ถึง 99%
ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 และกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ถึง 90%
สุดท้ายคือมีขนาดที่เล็กเหมาะที่จะพกพา สะดวกด้วยสามารถใช้สาย USB ชาร์ตไปด้วยในรถได้
หลักการก็คือว่า อากาศในรถจะผ่านเข้าไปที่เครื่อง ซึ่งจะมีแผ่นกรอง (filter) ที่ทำจาก titanium อยู่ จากนั้นก็จะมีหลอด LED ที่สร้างแสง UV ที่ช่วงความยาวคลื่นประมาณ 350 ถึง 360 นาโนเมตร มาช่วยในการฆ่าเชื้อโรคได้ 99% และกำจัดกลิ่นและสารเคมีที่เป็นอันตรายได้ถึง 90%
นี่คือคุณสมบัติและการทำงานคร่าวๆ ของเจ้าตัวนี้ ครับ
เอาล่ะครับมาดูกันครับว่าเจ้าตัวนี้หน้าตาเป็นยังไง
รูป 1 . รูป กล่องของตัว Osram AirZing Car UV Air Sterilizer
ไปดูอุปกรณ์ภายในกล่องกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง
เดี๋ยวเราจะมาแนะนำอุปกรณ์กันทีละชิ้นนะครับ
1. ตัวเเรกจะเป็น แม่เหล็กที่จะคอยเชื่อมระหว่างเจ้าตัวกรองกับช่องปรับอากาศครับ
รูป 2 . แม่เหล็กที่จะคอยเชื่อมระหว่างเจ้าตัวกรองกับช่องปรับอากาศครับ
2. ตัวแม่เหล็กที่จะคอยเชื่อมระหว่างเจ้าตัวกรองกับช่องปรับอากาศ
สายชาร์จเพื่อให้เครื่องกรองอากาศทำงานครับ
รูป 3 . สายชาร์จจะเป็น Type-C ครับ ตัวนี้ต้องเสียบไว้ตลอดเพื่อการทำงานของตัวกรองครับ
(รถคันไหนไม่มี USB สามารถหาซื้อหัวแปลงกับที่จุดบุหรี่ไฟฟ้าเอาครับ ในกล่องไม่มีแถมมาให้)
3. ตัวเครื่องกรองอากาศ
รูป 4 . ตัวของเครื่องกรองอากาศครับ
เอาหล่ะครับ เราก็ได้ทราบอุปกรณ์ของเจ้าตัว Osram AirZing กันไปแล้ว
คราวนี้มาดูวิธีติดตั้งกันดีกว่าครับว่าเราจะติดตั้งเจ้าตัวนี้ไว้ตรงไหนดี
รูป 5 .ตำเเหน่งใหนการติดตั้ง
ในส่วนของผมจะติดไว้ตรงช่องแอร์แบบนี้ครับแล้วเสียบปลั๊กเป็นอันติดตั้งเสร็จเรียบร้อย
(หรือรถใครมีคอนโซลวางจะวางไว้เฉยๆก็ได้)แล้วเรามาดูกันดีกว่าครับว่ามันจะช่วยลดฝุ่นได้บ้างมั้ย
รูป 6. ภาพเปรียบเทียบค่าฝุ่นในภายด้านนอก, ภายในรถก่อนที่จะใช้ Osram AirZing
และ ด้านในรถที่หลังจากที่มีการเปิด Osram AirZing ไว้ 30 นาที ครับ
ซึ่งค่าแต่ละตัวจะบอกถึงความอันตรายของอากาศต่อสุขภาพครับ
151 (สีแดง) = มีผลกระทบต่อสุขภาพ
85 (สีส้ม) = ค่อนข้างมีผลต่อสุขภาพ
25 (สีเขียว) = คุณภาพอากาศดี
ส่วนตัวนะครับรู้สึกว่ามีกลิ่น ไอออนที่เหมือนกลิ่นเหล็กจางๆเหมือนกับมันกำลังไปจับพวกฝุ่นอยู่
ในตอนแรกที่มีกลิ่นอับรู้สึกว่ากลิ่นหายไปนะครับ แต่ไม่ทั้งหมดยังมีกลิ่นบ้างแต่ถ้าอาศัยเวลาหน่อยกลิ่นน่าจะหายไปมากกว่านี้ครับ
ส่วนตัวมองว่าโอเคนะครับกับราคาที่ไม่แพงมากและจากการวัดค่าฝุ่นในรถ
ก็พอใจนะครับ ซึ่งมันเเสดงให้เห็นว่าสามารถดักจับและกรองฝุ่นได้จริงๆครับผม
แนะนำครับสำหรับคนที่แพ้อากาศ หรือ ไอจามบ่อยๆ แสดงว่ารถของคุณน่าจะมีฝุ่นบ้างแล้ว
ถ้ามองหาเครื่องกรองฝุ่นในรถยนต์อยู่ผมมองว่า Osram AirZing ตัวนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้ตัวอื่นเหมือนกัน
เอาหล่ะครับ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาดูรีวิวของผมในครั้งนี้
หวังว่าสิ่งที่ผมนำมาแนะนำจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนไม่มากก็น้อยนะครับผม
สำหรับกระทู้นี้ขอจบเพียงเท่านี้นะครับ
สวัสดีครับผม
[CR] แนะนำเครื่องกรองฝุ่นในรถใหม่ล่าสุดจาก Osram
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้