ภูเก็ตโมเดล กับ ประเทศไทย

ภูเก็ตโมเดล กับ ประเทศไทย

ถ้าเปรียบสถานการ์ณ ตอนนี้ก็เหมือนในหนังที่ติดเชื้อ กลายเป็นซอมปี้กันทั้งโลก

ถามว่า ควรเปิดประเทศไหม?

ก็เหมือนเราขังตัวเองไว้ในบ้านไม่ออกไปนอกบ้านไม่รับใครเข้ามา ถามว่าอยู่ได้ไหม?
-อยู่ได้สิครับ ตราบที่ในบ้านยังมีของกิน หรือ ไปหาอาหารจากที่ปรอดภัยได้

แต่วันใดอาหารหมด !
คุณจะรอปาฏิหาริย์?ให้มียาหรือวัคซีน ก็มีคำถามว่ารอถึงเมือไร?ใช้ได้ไหม?จะอดตายก่อนไหม!

แต่ละบ้านก็มีอาหารเก็บไว้ไม่เท่ากัน บ้างบ้านไม่มีตู้เย็น จะอยู่ได้กี่วัน บ้านที่มีเยอะหน่อยก็ไม่เดือดร้อน บ้านที่ไม่มีทำยังไง?

ถ้าเราแชร์ กันได้ คนมีมากให้คนไม่มี กัดฟันสู้กันแบบโลกสวย ก็คงดี แต่ในความเป็นจิง ๆ อย่างในหนังก็ดี ฆ่าคนด้วยกันเพื่อแย่งอาหารกันก็ดี แกล้งเปิดบ้าน(คนข้างบ้าน)ให้ซอมปี้เข้าไปในบ้านก็ดี

ถามว่าประเทศไทยเป็นบ้านหลังไหน?

ถามว่าปิดเกาะเที่ยว คนภูเก็ตเห็นด้วยไหมก็ต้องมีอยู่แล้ว มีคนไม่เห็นด้วยไหมก็มี จะเที่ยวกันเองพึ่งกันเองยังไง ก็ยอมรับความจิงเถอะครับ มันไม่พอ จะมาบอกเศรษฐกิจพอเพียง ไม่พึงต่างชาติเลยก็ไม่ใช่แค่พึ่งให้น้อยและพอดี

ถ้าจะมากักตัวก่อน 14 วันถามใจท่านดูใครจะมาเที่ยว

คหสต.
1.ลองดู เวียดนามโมโดล ที่จะเปิด 15 กย นี้ มาดูข้อดีข้อด้อยแล้วปรับใช้

2.จะเปิด ก็ต้องมีกฏเกณฑ์ คนที่ฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ (ไม่ต้องรอภูมิขึ้น 3 เดือนนะ สัก 7-10วันก็เพียงพอ) อย่ามองว่าแบนเป็นประเทศอย่างจีน รัสเซีย มลฑลหนึ่ง ใหญ่กว่าหลายๆประเทศอีก แบนเป็นเมืองก็พอ ดูจากจุดที่สนามบินขึ้น มองจีนกับรัสเซีย เป็นหลักก่อน 2 ประเทศนี้ ก็ เบอร์ 1-3 ที่คนมาเที่ยวไทยอยู่แล้ว(เพราะ2ประเทศนี้จะเริ่มฉีดวัคซีนในคนได้แล้ว)

3.ท่าเรือ ก็คุมให้ดี เกาะภูเก็ตถึงจะใหญ่ แต่เกาะก็ออกได้ทางเดียวคือเรือ ส่วนสะพาน ไม่น่าห่วงคุมง่ายกว่า คนจ้องดูเยอะ ส่วน สมุยทำได้ไหมก็ได้แต่ติดที่สักยภาพสนามบินเครื่องขยาดใหญ่ลงไม่ได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่