เศรษฐกิจแบบนี้ใ

เรื่องบนโต๊ะอาหาร ซื้อของออนไลด์รายได้ไปอยู่ที่ใคร
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563 รายการอาหารเช้านี้ กะเพราถั่ว..ซาบะย่าง...ปีกไก่ตุ๋น..ไข่ทอด ทานอาหารตรงเวลารักษาสุขภาพ เชียงใหม่วันนี้ฟ้าแจ่มใส แต่จิตใจผู้คนหม่นๆ เป็นกลุ่มใหญ่ เศรษฐกิจที่ทรุดไม่หยุด มีแต่รายจ่ายที่ต้องออกไปแต่รายรับกลับเข้ามาน้อยมาก บางวันแทบจะหากันไม่ได้
หลายกลุ่มต่างยินดีกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้โดยเฉพาะนายทุนรายใหญ่ที่การทำมาค้าขายดีขึ้นกันชนิดฉุดไม่อยู่ ไม่ต้องมีโปรโมชั่นซื้อแลกแจกแถมให้เปลืองงบเหมือนที่เคยทำมา เพราะชาวบ้านต่างเดินเข้าหาซื้อสินค้ากันไม่หยุดที่ส่งพัสดุถึงบ้านการจับจ่ายใช้สอยออนไลด์เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกันทำเอาการขนส่งรายได้เพิ่มขึ้นตาม ส่วนร้านอาหารดังในอดีต แทบจะไม่มีคนเข้ามานั่งกินแต่มีรถมอเตอร์ไซด์ส่งอาหารมารอรับอาหารไปส่งจอดอยู่หน้าร้านรอรับอาหารนับสิบคัน ราคาอาหารต้องเพิ่มขึ้นสร้างรายได้ให้กับบริษัทรับส่งอาหารที่มีเพียงแต่ชื่อจดทะเบียนไว้ตัวจริงมีไหนไม่รู้ โดยมีชาวบ้านที่มีรถมอเตอร์ไซค์มาสมัครเป็นคนรับส่งอาหารรับส่วนแบ่งค่าส่งหนึ่งในสี่ คิดส่วนต่างการลงทุนอาหารต่อถุงแล้วบริษัทรับส่งอาหารยังได้รับเงินมากกว่าเจ้าของร้านอาหารผู้ทำอาหารเสียอีก ตัวอย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวถุงละ 25 บาท ถ้าส่งถึงประตูบ้าน เป็นถุงละ 50 บาท 25 บาทให้ร้านอาหารที่ทำเป็นทุนค่าอาหาร 15 บาท ได้กำไร 10 บาท ส่วนคนส่งรับค่าส่งถุงละ 10 บาท แต่ต้องส่งเงินให้บริษัท 15 บาท ใครจะได้กำไรกว่ากันในจำนวนที่มากขึ้น
การพัฒนาการด้านการผลิตก็เช่นกันเดิมร้านค้ารายใหญ่ต่างต้องพึ่งพิงชาวบ้านผลิตสินค้า ปลูกพืชผักเลี้ยงสัตว์แล้วรวบรวมคัดเอาผลผลิตที่ดีที่สุดนำมาขายให้กับตัวแทนที่รับซื้อของห้างใหญ่ ที่เหลือจากการคัดแล้วนำไปขายตามตลาดนัดราคาถูกๆ ชาวบ้านต่างมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ต่อมานายห้างแอบไปกว้านซื้อที่ดินจ้างชาวบ้านกลับมาปลูกพืชผักเลี้ยงสัตว์ให้เป็นนายทุนคอยหาพันธ์เมล็ดพืชผักปุ๋ยฮอร์โมนยาฆ่าแมลงให้ชาวบ้านไปปลูกแล้วนำผลผลิตมาส่ง ชาวบ้านกลับกลายเป็นคนงานของนายห้างมีรายได้จากค่าจ้างไม่เท่าไร แต่ผลผลิตที่ได้นายห้างนำไปขายได้กำไรเต็มๆ ผักที่เคยขอกันกินต้นสองต้นได้กลับถูกกันไว้ต้องส่งให้ห้างใหญ่ ราคาที่เคยขายต้นละ 5 บาท 10 บาท ถูกนำไปล้างใส่ถุงใสดูสะอาดติดป้ายติดราคา กลายเป็นต้นละ 25 บาท นี่ก็กำไรชัดๆ ส่วนสัตว์การเกษตรก็ไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านเลี้ยงมาแล้วขายไม่ออกก็ต้องตกเป็นคนรับเลี้ยงไปในที่สุด เดินทางออกไปตามชนบทเห็นพืชพันธ์การเกษตรดูอุดมสมบูรณ์ไปหมด ส่วนย่านชายทะเลบ้านเรามีโป๊ะกระชังหลักไม้ปักเลี้ยงหอย ปู กุ้ง ปลา ดูท่าจะมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวจริงๆ แต่เสียงพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่นั่งอยู่ที่เพิงตะโกนบอกเล่าให้ฟังอย่างเต็มปากด้วยสีหน้าหม่นๆว่า พืชผักที่เห็น ปูปลา กุ้งหอยที่เป็นๆในกระชังนับร้อยนั้น ไม่ใช่ของลุงหรือชาวบ้านที่ไหน นายห้างเขาเหมาทำไปหมดแล้วละ ชาวบ้านอย่างเราได้แต่ดูแลให้นายแค่นั้นเอง ถึงเวลาเก็บผลผลิตก็จะมีคนที่อื่นเดินทางมาเก็บเอาไป ยายกับตาได้แต่มองหน้ากันทำตาปริบๆ รายได้ค่าแรงรายวันวันนี้วันศุกร์แล้วเงินคงออกแต่อาทิตย์ก่อนยายขอเบิกล่วงหน้าไปให้หมอเป็นค่ายาก่อนครึ่งหนึ่งแล้วใช่ป่าว อ้าวหมดหน้าซะแระ ขอให้เพื่อนโชคดีมีสุขในศุกร์นี้
Noohom Ja
17 / 7 / 63
เศรษฐกิจแบบนี้ใ
เรื่องบนโต๊ะอาหาร ซื้อของออนไลด์รายได้ไปอยู่ที่ใคร
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563 รายการอาหารเช้านี้ กะเพราถั่ว..ซาบะย่าง...ปีกไก่ตุ๋น..ไข่ทอด ทานอาหารตรงเวลารักษาสุขภาพ เชียงใหม่วันนี้ฟ้าแจ่มใส แต่จิตใจผู้คนหม่นๆ เป็นกลุ่มใหญ่ เศรษฐกิจที่ทรุดไม่หยุด มีแต่รายจ่ายที่ต้องออกไปแต่รายรับกลับเข้ามาน้อยมาก บางวันแทบจะหากันไม่ได้
หลายกลุ่มต่างยินดีกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้โดยเฉพาะนายทุนรายใหญ่ที่การทำมาค้าขายดีขึ้นกันชนิดฉุดไม่อยู่ ไม่ต้องมีโปรโมชั่นซื้อแลกแจกแถมให้เปลืองงบเหมือนที่เคยทำมา เพราะชาวบ้านต่างเดินเข้าหาซื้อสินค้ากันไม่หยุดที่ส่งพัสดุถึงบ้านการจับจ่ายใช้สอยออนไลด์เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกันทำเอาการขนส่งรายได้เพิ่มขึ้นตาม ส่วนร้านอาหารดังในอดีต แทบจะไม่มีคนเข้ามานั่งกินแต่มีรถมอเตอร์ไซด์ส่งอาหารมารอรับอาหารไปส่งจอดอยู่หน้าร้านรอรับอาหารนับสิบคัน ราคาอาหารต้องเพิ่มขึ้นสร้างรายได้ให้กับบริษัทรับส่งอาหารที่มีเพียงแต่ชื่อจดทะเบียนไว้ตัวจริงมีไหนไม่รู้ โดยมีชาวบ้านที่มีรถมอเตอร์ไซค์มาสมัครเป็นคนรับส่งอาหารรับส่วนแบ่งค่าส่งหนึ่งในสี่ คิดส่วนต่างการลงทุนอาหารต่อถุงแล้วบริษัทรับส่งอาหารยังได้รับเงินมากกว่าเจ้าของร้านอาหารผู้ทำอาหารเสียอีก ตัวอย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวถุงละ 25 บาท ถ้าส่งถึงประตูบ้าน เป็นถุงละ 50 บาท 25 บาทให้ร้านอาหารที่ทำเป็นทุนค่าอาหาร 15 บาท ได้กำไร 10 บาท ส่วนคนส่งรับค่าส่งถุงละ 10 บาท แต่ต้องส่งเงินให้บริษัท 15 บาท ใครจะได้กำไรกว่ากันในจำนวนที่มากขึ้น
การพัฒนาการด้านการผลิตก็เช่นกันเดิมร้านค้ารายใหญ่ต่างต้องพึ่งพิงชาวบ้านผลิตสินค้า ปลูกพืชผักเลี้ยงสัตว์แล้วรวบรวมคัดเอาผลผลิตที่ดีที่สุดนำมาขายให้กับตัวแทนที่รับซื้อของห้างใหญ่ ที่เหลือจากการคัดแล้วนำไปขายตามตลาดนัดราคาถูกๆ ชาวบ้านต่างมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ต่อมานายห้างแอบไปกว้านซื้อที่ดินจ้างชาวบ้านกลับมาปลูกพืชผักเลี้ยงสัตว์ให้เป็นนายทุนคอยหาพันธ์เมล็ดพืชผักปุ๋ยฮอร์โมนยาฆ่าแมลงให้ชาวบ้านไปปลูกแล้วนำผลผลิตมาส่ง ชาวบ้านกลับกลายเป็นคนงานของนายห้างมีรายได้จากค่าจ้างไม่เท่าไร แต่ผลผลิตที่ได้นายห้างนำไปขายได้กำไรเต็มๆ ผักที่เคยขอกันกินต้นสองต้นได้กลับถูกกันไว้ต้องส่งให้ห้างใหญ่ ราคาที่เคยขายต้นละ 5 บาท 10 บาท ถูกนำไปล้างใส่ถุงใสดูสะอาดติดป้ายติดราคา กลายเป็นต้นละ 25 บาท นี่ก็กำไรชัดๆ ส่วนสัตว์การเกษตรก็ไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านเลี้ยงมาแล้วขายไม่ออกก็ต้องตกเป็นคนรับเลี้ยงไปในที่สุด เดินทางออกไปตามชนบทเห็นพืชพันธ์การเกษตรดูอุดมสมบูรณ์ไปหมด ส่วนย่านชายทะเลบ้านเรามีโป๊ะกระชังหลักไม้ปักเลี้ยงหอย ปู กุ้ง ปลา ดูท่าจะมีผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวจริงๆ แต่เสียงพ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่นั่งอยู่ที่เพิงตะโกนบอกเล่าให้ฟังอย่างเต็มปากด้วยสีหน้าหม่นๆว่า พืชผักที่เห็น ปูปลา กุ้งหอยที่เป็นๆในกระชังนับร้อยนั้น ไม่ใช่ของลุงหรือชาวบ้านที่ไหน นายห้างเขาเหมาทำไปหมดแล้วละ ชาวบ้านอย่างเราได้แต่ดูแลให้นายแค่นั้นเอง ถึงเวลาเก็บผลผลิตก็จะมีคนที่อื่นเดินทางมาเก็บเอาไป ยายกับตาได้แต่มองหน้ากันทำตาปริบๆ รายได้ค่าแรงรายวันวันนี้วันศุกร์แล้วเงินคงออกแต่อาทิตย์ก่อนยายขอเบิกล่วงหน้าไปให้หมอเป็นค่ายาก่อนครึ่งหนึ่งแล้วใช่ป่าว อ้าวหมดหน้าซะแระ ขอให้เพื่อนโชคดีมีสุขในศุกร์นี้
Noohom Ja
17 / 7 / 63