ผ่าข้อดีข้อเสียคอนโด High-Rise

กระทู้สนทนา
นิวบ์เชื่อว่าหลาย ๆ คงจะต้องสะดุดตาและให้ความสนใจกับโครงการคอนโดมิเนียมประเภท High-Rise หรือตึกสูงเป็นอย่างแรก ๆ ด้วยความโดดเด่นของความสูงอาคาร และสัดส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่ความหลากหลายและทันสมัยกว่าเดิมมาก และโครงการเหล่านี้มักตั้งอยู่ในทำเลที่มีความเพียบพร้อม

แต่ในเมื่อมีจุดเด่นก็ย่อมมีจุดด้อยเป็นคู่ตรงข้าม ความยิ่งใหญ่ของคอนโดแบบ High-Rise ก็แลกมาด้วยปัญหาหลากหลายที่ผู้ซื้ออาจจะต้องพบเจอ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะชื่นชอบหรือปลื้มใจเป็นแน่

ทำความรู้จักอาคารสูง High-Rise

ตามนิยามของกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 https://download.asa.or.th/03media/04law/cba/cba22.pdf ของไทย ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 (พ.ศ.2535) https://download.asa.or.th/03media/04law/cba/mr35-33.pdf ในข้อ 1 ซึ่งระบุว่า

“อาคารสูง” คือ อาคารที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้โดยมีความสูงตั้งแต่ 23.00 เมตรขึ้นไป การวัดความสูงของอาคารให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงพื้นดาดฟ้า สำหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยาให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างยอดผนังของชั้นสูงสุด

ซึ่งหากคำนวณอย่างคร่าว ๆ ก็จะได้อาคารที่มีความสูงประมาณ 8 ชั้นนั่นเองครับ โดยอาคารที่สูงไม่เกิน 23.00 เมตรเหล่านี้จะนับเป็นอีกกลุ่มนิยามก็คืออาคารประเภท Low-Rise นั่นเองครับ

ข้อดีของคอนโด High-Rise

1. มักตั้งในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นความเพียบพร้อมของธุรกิจและกิจการต่าง ๆ โดยรอบ อย่างห้างสรรพสินค้าแหล่งจับจ่ายของกินของใช้ ใกล้แหล่งงานย่านธุรกิจ หรือใกล้เส้นทางคมนาคมในการเดินทางวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้า หรือถนนใหญ่ ถนนสายหลัก และจุดขึ้นลงทางด่วน เป็นต้น

2. ชั้นสูง วิวสวย มุมมองกว้าง
ด้วยความสูงของคอนโด High-Rise ที่สูงเกิน 8 ชั้นขึ้นไป ยิ่งหากเป็นยูนิตที่ตำแหน่งชั้นบน ๆ อย่างเกินชั้นที่ 15 – 20 ขึ้นไป ก็จะมีโอกาศที่ได้รับวิวทิวทัศน์ที่กว้างไกล และได้รับอากาศถ่ายเทจากกระแสลมโดยรอบได้ดี แต่ทั้งนี้ไม่รวมกรณีของคอนโดบล็อควิวนะครับ

3. ราคาดี และเป็นที่สนใจกับผู้เช่าหรือคนซื้อต่อ
จากข้อดีก่อนหน้าในเรื่องของวิวและการถ่ายเทอากาศของคอนโด High-Rise แล้ว หากผู้ซื้อหรือผู้เช่าไม่ได้เลือกคอนโดประเภทอื่นอย่าง Low-Rise เป็นการเฉพาะเจาะจง วิวก็ถือว่านับเป็นอีกปัจจัยบวกในแง่ของการเพิ่ม Capital Gain ในราคาขายต่อ หรือเรียกค่าเช่าที่สูงขึ้นได้อีกด้วย เพราะราคาของคอนโดมิเนียมจะยิ่งแพงขึ้นตามจำนวนชั้นที่สูงขึ้นนั่นเอง

4. ยิ่งชั้นสูงยิ่งสงบ
นอกจากนี้โอกาสที่ยิ่งชั้นสูงจะได้วิวดีและอากาศถ่ายเทแล้ว หากเป็นโครงการใกล้ถนนใหญ่หรือย่านที่พุกพล่าน ความสูงของตึกยังช่วยให้ห้องพ้นจากเสียงดังรบกวนของถนนด้านล่าง และห่างไกลจากแมลงที่สร้างความรำคาญอย่างเช่นยุงหรือแมลงวันอีกด้วย

5. พื้นที่ส่วนกลางหลากหลายครบครัน
เนื่องจากคอนโด High-Rise มักจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ยิ่งโครงการใหม่ ๆ ในช่วง 3 – 4 ปี ให้หลังจะมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่เพิ่มความสะดวกสบายและหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่ส่วนกลางให้เพียงที่จอดรถ และการรักษาความปลอดภัย ก็เริ่มมีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ไปจนถึงพื้นที่ Co-Sharing ต่าง ๆ อย่าง Co-Working Space และ Co-Kitchen นอกจากนั้นอาจจะยังมีพื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้าแบบ Rooftop Garden ให้ลูกบ้านได้ชมวิวกันอย่างทั่วถึงเลยทีเดียว

6. ค่าใช้จ่ายส่วนกลางมีเพื่อนบ้านช่วยหารเยอะ
สำหรับโครงการที่มีจำนวนยูนิตค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ 400 – 1,000 ยูนิต ขึ้นไป และมีสัดส่วนการเข้าอยู่อาศัย Occupancy Rate ที่ประมาณ 70% – 80% ก็นับว่ามากพอที่ทางนิติบุคคลของโครงการจะบริหารส่วนกลางได้เรียบร้อยอยู่จากจำนวนลูกบ้านที่มีอยู่ ยิ่งในตึกมีลูกบ้านเยอะ จำนวนของผู้ที่จะช่วยหารค่าธรรมเนียมส่วนกลางก็เยอะขึ้น

ข้อเสียของคอนโด High-Rise

แต่อย่างไรก็ตาม โครงการคอนโด High-Rise ก็ไม่ได้เป็นที่หมายปองของทุกคน นอกจากดีแล้วย่อมที่จะมีข้อเสียหรือข้อด้อยพ่วงติดตามมาเสมอ ซึ่งก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้หลาย ๆ คนไม่ชื่นชอบคอนโด High-Rise ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัวหรือไม่ก็ตาม แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันลย

1. ความวุ่นวายและจอแจ
จากข้อดีก็กลายเป็นปัจจัยด้านลบได้เองเช่นกัน เนื่องจากโครงการระดับ 400 – 1,000 ยูนิตขึ้นไป ความวุ่นวายและจอแจแออัดก็ยิ่งมากขึ้นตามจำนวนผู้อยู่อาศัย อย่างการใช้พื้นที่ส่วนกลาง และการสัญจรต่าง ๆ ภายในโครงการ โดยเฉพาะการใช้ลิฟต์ ซึ่งหากในตึกมีจำนวนลิฟต์ไม่เพียงพอ จะทำให้ต้องรอลิฟต์นานเวลาจะขึ้นลงอาคารในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเช้านั่นเอง

2. ความเป็นส่วนตัว
จากข้อที่แล้วหมาด ๆ อย่างจำนวนผู้อยู่อาศัยที่มีจำนวนมากตามจำนวนยูนิต สำหรับโครงการที่ออกแบบอาคารให้แต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตเกิน 10 ห้องขึ้นไป อาจมีเสียงรบกวนของเพื่อบ้านเวลาเดินผ่านหน้าห้อง โดยเฉพาะห้องที่อยู่ช่วงกลางอาคารระหว่างลิฟต์และยูนิตอื่น ๆ ในชั้นนั้น นอกจากนี้ยังอาจมีเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านห้องข้าง ๆ หรือห้องตำแหน่งเดียวกันในชั้นบน หากโครงสร้างอาคารไม่ได้ใช้วัสดุช่วยเก็บเสียงที่มีคุณภาพมากพอครับ

3. ราคาค่อนข้างแพง 
เมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ๆ คอนโด High-Rise มันจะมีราคาขายที่ค่อนข้างแพงเพื่อแลกกับห้องขนาดเริ่มต้น ตร.ม. ละ 70,000 บาท กับห้องแบบ Studio ที่ 22 – 25 ตร.ม. ขึ้นไป ทั้งยังแปรผันตรงตามกับในส่วนของข้อดีเอง โดยยิ่งชั้นสูง ๆ ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้น ทำให้อาจจะกลายเป็นข้อเสียของผู้ซื้อหรือผู้เช่าที่ฐานะทางการเงินยังไม่พร้อมนั่นเอง

4. ความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
เรื่องความปลอดภัยก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญในการเลือกซื้อคอนโดสำหรับใครหลาย ๆ คน หากเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิดต่าง ๆ อย่างเหตุเพลิงไหม้ หรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ การอพยพหนีภัยลงจากตึกสูงสำหรับคอนโด High-Rise ย่อมมีอุปสรรคและใช้เวลามากกว่าอาคารที่เตี้ยกว่านั้นเอง

5. ปัญหาการปล่อยเช่ารายวัน
จากการที่คอนโด High-Rise ตั้งอยู่ในทำเลที่มีจุดขายและได้วิวสวย ยังอาจมีข้อเสียตามมาอย่างปัญหาการลักลอบปล่อยเช่ารายวัน เช่น Airbnb ซึ่งอาจสร้างความรำคาญและรบกวนลูกบ้านผู้อยู่อาศัยได้ โดยเฉพาะตามโครงการที่อยู่ในย่านท่องเที่ยวสำคัญ ๆ หรืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความเด็ดขาดและเข้มงวดของนิติบุคคลในการควบคุมดูแลครับ

โดยรวมแล้วนอกจากข้อดีข้อเสียในแง่ของคอนโด High-Rise แล้ว ในแต่ละโครงการก็ยังมีข้อดีข้อเสียในแง่มุมอื่น ๆ อย่างทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม รูปแบบโครงการ ไปจนถึงความน่าเชื่อถือและมั่นคงของ Developer เอง การจะเลือกซื้อคอนโดสักห้องก็จำเป็นที่จะต้องพิจารณาปัจจัยในด้านอื่น ๆ เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้วยนะครับ แล้วมาพบกับเนื้อหาสาระดี ๆ เกี่ยวกับอสังหาฯ และการลงทุนคอนโดได้ใหม่กับ CondoNewb นะครับ

ตามอ่านโครงการคอนโดมิเนียม High-Rise ที่น่าสนใจในปี 2563/2020 ได้ที่ : ผ่าข้อดีข้อเสียคอนโด High-Rise กับโครงการน่าสนใจ 2020
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่