เรื่องสั้น.....รักสามเศร้า....9

กระทู้สนทนา




หกโมงเช้าวันนี้ฟ้ายังมืดอยู่เลย เมื่อเข้าหน้าหนาวเวลาเดินปกติ แต่พระอาทิตย์ค่อนข้างจะเดินเร็วหรือช้ากว่าเวลาของนาฬิกาก็ไม่แน่ใจ ตอนเช้าสว่างช้า ตอนเย็นกลับมืดเร็ว หกโมงเย็นนี่นึกว่าทุ่มนึงแล้ว

แม่ลุกมาทำกับข้าวสองสามอย่างแต่เช้า เพื่อเตรียมให้ย่าไปวัด ส่วนจะได้ติดไม้ติดมือกลับมาจะเป็นขนมมากกว่า ที่คนเขาเอาไปตักบาตร ไม่ได้ตั้งใจเอากลับมา แต่หลวงพ่อให้เอากลับมาด้วย ถ้าวันสำคัญทางศาสนา ผู้คนมาตักบาตรเยอะ ขนมเยอะ หลวงพ่อจะเอาไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้า หรือบ้านพักคนชราในตัวจังหวัด

ส่วนในหมู่บ้านนี้ก็จะมีครอบครัวที่ยากจนจริงๆอยู่ หลวงพ่อก็จะเก็บขนมกับข้าวไว้ให้ คนมาทำบุญแล้วก็ส่งต่อบุญ จะได้บุญเยอะๆขึ้นไปอีก

พ่อ ปู่ ย่า ตื่นแต่เช้าเช่นปกติ มานั่งที่แคร่หน้าบ้านตัวเดิม อากาศปลายเดือนกันยาตอนเช้าก็ค่อนข้างที่จะเย็นกำลังพอดี ยังไม่หนาวมาก แต่ถ้าคนขี้หนาวก็อาจจะต้องหยิบเสื้อแขนยาวมาใส่

บูมตื่นเพราะเสียงทำกับข้าวของแม่ เสียงพ่อกับปู่คุยกัน เสียงไก่ขัน ทำให้บูมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ลุกไปล้างหน้าเลือกที่จะนอนต่อเพราะเหนื่อยจากการเดินทางไปเที่ยวมื่อวาน ส่วนน้องเบสนอนอยู่ข้างๆไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเหมือนกัน

บูมนอนต่อไปได้สักพักตื่นมาอีกทีเพราะเสียงเคาะประตูห้อง หันมองข้างๆน้องเบสตื่นไปแล้ว มองนาฬิกาประมาณเก้าโมงเช้า พ่อปลุกบูมให้ตื่นไปกินข้าว ย่ากลับมาจากวัดแล้ว

“ครับพ่อ ทานก่อนเลยไม่ต้องรอ”

บูมพยายามพยุงร่างตัวเองให้ลุกนั่ง บิดขี้เกียจขวาทีซ้ายทีไปมา รู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด นั้งรถเฉยๆทั้งวันมันก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ จากนั้นบูมก็หยิบผ้าเช็ดตัว มานุ่งพันถึงแค่ช่วงเอว แล้วเดินไปยังห้องน้ำ

ห้องน้ำบ้านย่าก็เป็นห้องน้ำรวมเหมือนกัน ถ้ามีคนเข้าตัดหน้าก็ต้องรอ ถ้าปวดหนักๆรอไม่ได้ก็ต้องไปเข้าบ้านญาติๆก่อน เหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติของทุกบ้าน น้อยมากที่จะมีห้องน้ำสองห้อง หรือทำห้องน้ำภายในห้องนอนเหมือนบ้านคนรวย

เมื่อบูมเดินไปถึงหน้าห้องน้ำประตูห้องน้ำปิดสนิท แสดงว่ามีใครคนใดคนนึงเข้าอยู่ บูมต้องมานั้งรอที่โต๊ะโยกเยกของปู่

“ใครเข้าห้องน้ำเนี่ย”

“น้องเบส”

“ เร็วๆพี่บูมจะอาบน้ำ”

บูมนั่งรอคิวเข้าห้องน้ำ และเปิดทีวีดูข่าวไปด้วยอย่างสบายใจ แต่ทันในนั้นภาพเงาสะท้อนในหน้ากระจกตู้ตั้งทีวีก็ปรากฎร่างผู้หญิงผอมบางขึ้น หน้าคุ้นๆนะ บูมหันหลังไปดู ต้องตกใจเกือบผ้าเช็ดตัวหลุดออกจากเอว
ปรากฎว่าเป็นเนสนั่นเอง

“เฮ้ย! มาทำไมเนี่ย”  ที่จริงมันไม่ได้โป๊อะไรหรอก ถึงแม้ผ้าเช็ดตัวหลุดก็ยังมีบล็อคเซ่ออยู่

เนสยิ้มๆกับภาพที่เห็นตรงหน้า ไม่คิดว่าจะมาเจอบูมในสภาพแบบนี้ มันไม่ได้น่าอายเหมือนในละครอะไรเลย เหมือนฉากที่เจอพระเอกใส่ผ้าเช็ดตัว แล้วต้องปิดหน้าบิดตัวหันหลังอะไรแบบนั้น เนสไม่ได้โลกสวยขนาดนั้น

“มาหาน้องเบส ไม่ได้มาหานายแล้วกัน”

บูมยังไม่เถียง รีบเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ เร่งให้คนข้างในออกมาเร็วๆ ตัวเองจะได้เข้าไปสักที ถึงยังไงก็เขินอยู่ดี ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนมาเห็นเขาในสภาพนี้ นอกจากแม่ ย่า และก็น้องเบสเองเท่านั้น

“เสร็จแล้ว”

เด็กน้อยใส่ผ้าเช็ดตัวพันถึงหน้าอก ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะเปียกน้ำมาหมาดๆ เดินเข้าไปในห้องตายายเพื่อเอาเสื้อผ้าตัวเองมาใส่ น้องเบสแต่งตัวเอง อาบน้ำเองเป็นแล้ว ยายก้านเบาแรงขึ้นมามาก แต่วันนี้มีคนมาแต่งตัวให้เป็นพิเศษ ไม่ได้นัดกัน แต่เนสมาพอดีเลยอาสาแต่งตัวให้น้อง

เมื่อน้องเบสเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาบูมก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูทันที บูมเป็นคนอาบน้ำเร็ว วันนี้ต้องทำเป็นอาบน้ำช้าๆ เดี๋ยวเนสหาว่าตัวเองอาบน้ำไม่ถูสบู่ เพราะอาบเร็วเกิน

ระหว่างนั้นเนสก็กำลังแต่งตัวให้น้องเบส สายตาก็คอยแต่จะมองไปที่ประตูห้องน้ำ ไม่รู้จะมองทำไม มือก็เช็ดผม เป่าผมให้น้องเพื่อที่จะถักเปียให้

สักพักบูมก็อาบน้ำเสร็จเปิดประตูห้องน้ำออกมา กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูแต่งตัว เนสเห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ แต่ก็ต้องกลืนขำลงไปไม่ให้เจ้าตัวเห็น ไม่รู้จะอายทำไม ก็แค่ถอดเสื้อนุ่งผ้าเช็ดตัว ไม่ทำผ้าหลุดเลยละ จะได้ยืนดูเนสคิดในใจ เพราะเห็นท่าทางบูมอายแล้วมั่นไส้จริงๆ

บูมแต่งตัวเสร็จเปิดประตูออกมาก็ไม่เห็นใครแล้ว น่าจะพากันออกไปหน้าบ้านแล้วละ บูมเดินเข้าไปในครัวหาข้าวเช้ากิน เปิดตู้สแตนเดตที่เอาไว้สำหรับใส่กับข้าวกันแมงวันเข้า มีแจ่วแมงดา ผักลวก และปลาแห้งอีสามตัว บูมยกออกมากินที่หน้าบ้านดีกว่า จะได้ชวนเนสกินด้วย เผื่อจะหิว

วันนี้พ่อกับแม่พาย่ากับยายจันทร์เข้าไปหาซื้อของในตัวอำเภอ แปลกใจที่ครั้งนี้น้องเบสไม่ไปด้วย ปกติจะตามยายไปด้วยทุกที่ ครั้งนี่น่าจะเป็นเพราะมีเพื่อนเล่น ก็คือเนสนั่นเอง ซึ่งตอนนี้น้องเบสติดมาก จะว่าไปก็ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่นะ ถ้าน้องเบสไม่ไปหา เนสก็เป็นฝ่ายมาหาเองเช่นวันนี้ ส่วนปู่เห็นหลังไวๆ เดินไปดูไก่ชนที่บ้านย่าน้อย น้องสาวของปู่

“แห้งมากินข้าว เนสมากินข้าวด้วยกันมา”

บูมเรียกสองสาวต่างวัยมากินข้าวเช้าด้วยกัน ที่ตอนนี้สองคนนั่งเล่นมือถืออยู่บนเปล ข้าวเช้าของเขาเองกว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเวลาก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่าๆแล้ว

“เรากินแล้ว นายกินเถอะ”  

เนสยิ้มแล้วตอบปฏิเสธไปเพราะกินมาแล้วจริงๆ ส่วนน้องเบสลุกจากเปลมาร่วมวงกินข้าวกับเขาด้วย

“ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ เบส”

“กินแล้ว แต่อยากกินอีก”

“แห้งเอ้ย กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนกับเขาสีกที”

พี่ชายพูดแล้วยิ้มให้ผู้เป็นน้อง ทำให้เนสอดที่จะแอบมองไม่ได้เลย เป็นภาพที่น่ารัก เขากับพี่สาวไม่ค่อยได้มีแบบนี้สักเท่าไหร่

ตอนเด็กๆตื่นมาก็ต้องไปโรงเรียน เนสจำไม่ได้แล้วว่าไปโรงเรียนตั้งแต่อายุเท่าไหร่ จะได้อยู่กับพ่อแม่แค่วันอาทิตย์ และบางครั้งเขากับพี่ยังสลับกันอยู่ระหว่างพ่อแม่ ตอนกลางวันอยู่กับแม่ กลางคืนอยู่กับพ่อแบบนี้อยู่เป็นประจำ จนกระทั้งตอนนี้ พ่อกับแม่เขายังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่

เมื่อบูมสังเกตว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังมองเขากับน้องเบสอยู่ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่เนส บูมเงยหน้าขึ้นมามอง เนสรีบหลบสายตาทันที ทำเป็นเลื่อนมือถือดู ไม่สนใจสองคนที่อยู่ตรงหน้านั้น

เมื่อสองคนทานข้าวเสร็จแล้ว บูมยกกับข้าวเข้าไปเก็บในครัว จัดการล้างถ้วยล้างจานให้เรียบร้อย แล้วออกมานั่งเล่นกับสองสาวหน้าบ้าน บูมเดินไปลากเก้าอี้พลาสติกสีน้ำเงินที่อยู่หน้าทีวีออกมานั่งแทนแคร่ เพราะแคร่มันอยู่ไกลเปลที่เนสนั่งกับน้องเบสมากเกินไป หากจะไปซ้อนสามก็คงไม่สมควร และอาจจะทำให้เปลย่าขาดได้

สามคนนั่งเล่นที่หน้าบ้านรอพ่อกับแม่กลับมาจากในตัวอำเภอ ที่พาย่ากับยายจันทร์ไปหาซื้อของ ย่าบ่นว่าอยากตัดแว่นใหม่ มองไม่ชัดแล้ว พ่อจัดให้ย่าเลย พาไปร้านตัดแว่นวัดสายตาตัดใหม่เลย ส่วนยายจันทร์ก็ไปด้วยเผื่อจะได้ซื้อของที่จำเป็นกลับมา

สามคนนั่งอยู่ในความเงียบ ไม่มีอะไรคุยกัน เครื่องมือสื่อสารอิเล็คทรอนิคที่ทันสมัยทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆกันห่างกันได้นะ ส่วนคนที่อยู่ไกลกันก็ทำให้ใกล้กันได้ มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียจริงๆของพวกนี้ แต่ดูแล้วข้อเสียน่าจะเยอะกว่า

น้องเบสก็ดูการ์ตูน เนสก็น่าจะดูเฟส บูมอยากชวนเนสคุย อยากทำลายบรรยากาศแบบนี้ลง อันที่จริงเขาไม่ชอบเล่นโซเชียลเท่าไหร่ ถ้าไม่คุยกับอาร์แล้ว เขาแถบที่จะไม่สนใจเลย

“เนส คุยกับแฟนอยู่เหรอ เงียบเชียว”   นอกจากความเงียบแล้วก็เห็นจะมีแค่เสียงการ์ตูนที่น้องเบสดูนั้นแหละ

“ป่าว เรายังไม่มีแฟนเลย”

“จริงอ่ะ “

“เรายังไม่อยากมีแฟนตอนนี้ ว่าแต่นายเหอะไม่คุยกับแฟนเหรอ”

“ไม่อยากมีแฟนหรือว่าไม่มีใครชอบกันแน่ ฮ่าๆ”

“นี่นาย สวยๆแบบเรามีแต่คนอยากคบด้วยจะบอกให้ แต่เรายังไม่อยากมีแฟนตอนนี้จริงๆ เราถามนายยังไม่ตอบเลย ไม่คุยกับแฟนเหรอ”

“อาร์เหรอ คุยแต่ไม่ใช่เวลานี้”

เนสงอนก็น่ารักไปอีกแบบแฮะบูมแอบสังเกต ที่จริงแล้วเนสก็หน้าตาใช้ได้ ถ้าไม่ติดว่าเขามีอาร์เป็นแฟนอยู่แล้วจะขอคบเป็นแฟนสะเลย พูดถึงอาร์แล้วบูมก็คิดถึง ตอนนี้ทำอะไรอยู่นะ ถ้าเขาคุยได้ตลอดเวลาก็คงจะดีกว่านี้

“โอ้ยสองคนอย่าเสียงดังได้มั้ย น้องเบสดูการ์ตูนอยู่”

ทีเด็กน้อยเอดพี่ๆสองคนบ้าง ปากก็พูดไปแต่ตายังดูจ้องหน้าไอแพดไม่ยอมละสายตา เกรงว่าจะจอประสาทตาเสื่อม เป็นสายตาสั้นแต่แต่เด็กๆนี่แหละ ให้ดูเยอะเกินไปก็ไม่ดี

“เดียวพี่บูมยึดนะ ดูมากๆจะตาบอดเอา”

“นายอย่าว่าน้องสิ น้องพึ่งดูเอง”

“เนอะพี่เนสเนอะ”

น้องเบสพูดแล้วก็เอนหลังลงไปพิงเนส ยืดขาออกไปจากที่นั่งท่าขัดสะหมาดอยู่นาน ยกไอแพดขึ้นมาขนานกับหน้า ในระยะห่างพอสมควร

“แห้งเป็นน้องใคร”

ทีพี่ชายทำท่างอนบ้างแล้วเอามือไปแย่เอวน้องสาวทำให้น้องเบสตัวงอ เพราะจั๊กกะจี๋หัวเราะออกมาเสียงดัง ส่วนเนสก็ต้องคอยระวังว่าไอแพดจะโดนหัวตัวเองเมื่อไหร่ ด้วยความดิ้นของน้องเบสทำให้รู้สึกเสียวๆหน้าและหัวตาม

สามคนเริ่มสนทนากันมากขึ้น ปะปนไปด้วยเสียงหัวเราสักพักรถของพ่อก็ขับเข้ามา เคลื่อนเข้ามาจอดที่ข้างบ้านที่เดิม ทั้งสามคนเดินไปรับพ่อแม่หิ้วของลงมาจากรถ ช่วยถือคนละไม้คนละมือ แล้วเอามาวางลงที่แคร่ตัวเดิมหน้าบ้าน

ย่าได้แว่นตาตัวใหม่ใส่ลงมาจากรถ ส่วนยายจันทร์ก็ได้ของอะไรเยอะแยะติดไม้ติดมือมาด้วย แต่ส่วนมากจะเป็นพวกผลไม้ของกินมากกว่า นอกนั้นก็เป็นของแม่ที่ซื้อให้ปู่ย่า น้องเบส และก็ของบูมเอง เปิดดูแล้วจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวบูม และของน้องเบส ที่เหลือก็จะเป็นของสดเอาทำกับข้าวบ่ายนี้ พ่อกับแม่จะกับวันนี้แล้ว

“ปู่ไปไหนบูม” วิบูรณ์ถามลูกชายเมื่อมองหาพ่อไม่เจอ

“ไปดูไก่ชนบ้านย่าน้อยครับ”

“ไปเรียกปู่มากินข้าวไป บอกย่าน้อยมาด้วย”

“ครับ” พูดจบบูมไม่รีรอเดินไปเรียกปู่ที่อยู่ถัดไปอีกซอย


แม่ของบูมทำกับข้าวในครัวที่จะกินตอนเที่ยงนี้ โดยมีน้องเบสหลานสาวตัวน้อยเป็นลูกมือช่วยหยิบช่วยจับ เนสเห็นดังนั้นจึงขอช่วยบ้าง น่าจะคล่องตัวกว่าน้องเบส

บูมกับตาสนมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว นั่งรอสักพักกับข้าวสี่ห้าอย่างก็ถูกยกมาเสิร์ฟที่แคร่ตัวเดิม เนื้อที่พอเหมาะกับสมาชิกแปดคนได้นั่งพอดี ยายจันทร์ใช้ให้เนสไปเอาข้าวตัวเองมาสมทบด้วยจะกินแต่ของคนอื่นก็ยังไงอยู่

“อาน้อยไม่มาด้วยเหรอพ่อ”  วิบูร์ถามผู้เป็นพ่อที่ให้ลูกชายชวนอามาด้วย แต่ไม่เห็นมา

“ไม่มา ให้หลานพาไปไหนไม่รู้”  ซึ่งตาสนชวนแล้วแต่น้องสาวติดธุระต้องไป

เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ตอนนี้เวลาเกือบห้าโมงเย็น พ่อกับแม่ต้องกลับแล้วเลยห้าโมงเย็นไปเวลามันจะมืดเร็ว พ่อกับแม่ไหว้ลาปู่ย่า และยายจันทร์ พร้อมสอนบูมหลายอย่าง ห้ามตื่นสาย ห้ามนู่นห้ามนี่ ห้ามทำตัวเป็นภาระปู่กับย่าก่อนกลับ จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถและค่อยๆเคลื่อนตัวรถถอยออกจากบ้าน

บูมกับน้องเบสยืนโบกมือให้พ่อกับแม่ บ้านก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม ขนาดบูมนยังรู้สึกว่าบ้านมันดูเงียบๆเศร้าๆ ปู่กับย่าก็คงรู้สึกเหมือนบูมเช่นกัน

หกโมงเย็นของวันนี้ท้องฟ้าไม่มีแสงพระอาทิตย์แล้ว มองไปรอบๆบริเวณมันมืดอย่างกับตอนนี้สองทุ่มอากาศก็เริ่มเย็นแต่ยังพออาบน้ำได้ ต้องอาบแต่หัววัน ถ้าดึกไปกว่านี้ร่างกายมันจะเริ่มขี้เกียจเพราะความเย็นของน้ำ เหมือนอย่างที่เขาว่า ไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงกับน้ำขันเดียว

เย็นนี้ย่าไม่ทำกับข้าว กินของเดิมที่แม่ทำไว้เมื่อตอนเที่ยง มันยังไม่เสียเพราะเอาเข้าตู้เย็นไว้ กินกันแค่สี่คนไม่ต้องทำอะไรมากมาย กับข้าวง่ายๆก็ได้แล้ว โชคดีที่น้องเบสก็เป็นคนกินง่าย ตายายพากินอะไรก็กิน

บูมออกมานั่งรับอากาศเย็นที่เปลหน้าบ้าน นั้งหันหน้าไปทางบ้านเนส เห็นประตูบ้านเปิดไว้ คนหน้าจะอยู่ในบ้านนั้นแหละ บูมไกวเปลไปมาเบาๆ มือก็เลื่อนดูเฟซบุ๊กไปเรื่อย  เห็นอาร์เอาภาพกิจวัตประจำวันลงเฟซบุ๊กก็ทำให้คิดถึงมากๆได้เหมือนกัน มองนาฬิกาแค่สองทุ่มเอง อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาคุย

“คิดถึง”

บูมส่งไลน์หาอาร์เพราะรู้สึกคิดถึงอยากคุยมาก อีกตั้งหนึ่งเดือนเต็มๆกว่าจะได้เจอกัน บางทีบูมก็ไม่อยากจะปิดเทอมเลย เพราะทำให้เขากับอาร์ต้องห่างกันนาน ถ้าเขาไม่มานอนบ้านย่าก็อาจจะมีเวลาได้เจอกันบ้างในช่วงปิดเทอม แต่จะคิดแบบนั้นได้ไง ปู่ย่าเขาทั้งคน ชีวิตที่เหลือของปู่กับย่าก็เหลือลูกแค่พ่อเขาคนเดียวเท่านั้น ร่มโพธิ์ร่มไทรของชีวิตต้องดูแลรักษาให้ดีชีวิตถึงจะเจริญ



มีต่อค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่