เบื้องหลังการพัฒนาปืน AK-47/Kalashnikov

ปืนที่กลายเป็นสัญลักษณ์การปฏิวัติและการกบฎ
ประมาณการกันว่ามีการใช้งานกันทั่วโลกมากกว่า 15%

ในช่วงปลายปี 1948
Mikhail Kalashnikov นักออกแบบอาวุธปืน
ได้สร้างปืนกลไรเฟิลจู่โจมที่กลายเป็นอาวุธหลักของกองทัพโซเวียต
แต่ไม่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ
แต่ในทางกลับกัน  ปืนนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์การปฏิวัติ
และตกอยู่ในมือของชาวไร่ชาวนา/พวกหัวรุนแรง
ที่ต่อต้านอำนาจรัฐเผด็จการในประเทศด้อยพัฒนา


Mikhail Kalashnikov เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 1919
ในครอบครัวชาวนาที่หมู่บ้าน Kurya ในเขต Altai Region
ท่านเป็นบุตรคนที่  17 ของครอบครัว
พ่อแม่ของท่านต้องทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว
ให้บรรดาลูก ๆ ต่างได้มีอาหารกินอิ่มนอนอุ่นทุกคน
ท่านได้ทำงานก่อสร้างที่ทางรถไฟสาย Turkestan-Siberian
ตอนที่กำลังเรียนชั้นประถมปีที่ 7
ผลจากการทำงานก่อสร้างที่นั่น
ทำให้ท่านเกิดความสนใจในเรื่อง
การออกแบบเครื่องจักรกลและอุปกรณ์
ทำให้ท่านได้เป็นทหารรถถังของสหภาพโซเวียตรัสเซียในอีกหลายปีต่อมา

สิ่งประดิษฐ์แรก ๆ ของท่านมีก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่  2
ได้แก่ shot counter สำหรับปืนกล mileage counter สำหรับรถถัง
สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ยังมีการพัฒนานำมาใช้งานกันในทุกวันนี้

ในช่วงปี 1941
สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คืบหน้าเข้ามายังสหภาพโซเวียต
ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกรัสเซียมีการเจรจาไม่รุกรานกันกับนาซีเยอรมันนี
แต่ฮิตเลอร์หักหลังแทนที่จะโจมตีอังกฤษให้จำนน
กลับมุ่งหน้ามาโจมตีสหภาพโซเวียตแทน
เพราะคิดว่ารัสเซียเป็นหมูสนามรบกว่าอังกฤษ
และถ้ายึดครองได้จะได้เสบียงกรังจำนวนมาก
พอ ๆ กับ Hitler เกลียดชังลัทธิคอมมิวนิสต์

สิงหาคม ปี 1941
Mikhail Kalashnikov ก็ได้ประจำแนวหน้าสนามรบ
ในฐานะพลขับรถถังสหภาพโซเวียต
แต่หนึ่งเดือนต่อมา ท่านได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
จนต้องส่งตัวกลับแนวหลังเพื่อรักษาตัวในโรงพยาบาล
ปืนจู่โจมไรเฟิลกระบอกแรกประจำรถถัง
ท่านได้สร้างขึ้นบนเตียงนอนในโรงพยาบาล
เป็นปืนกลมือที่มีขนาดกะทัดรัดและพกพาสะดวก
ทหารสามารถพกพาไปในที่พาหนะแคบ ๆ ได้
แต่มันมีขัอด้อยคือ ความแม่นยำต่ำ
รวมทั้งในภาวะสงครามจึงไม่มีเวลาในการออกแบบใหม่
ดังนั้นโครงการนี้จึงต้องระงับไปก่อน

ท่ามกลางการรบแนวหน้าที่รบกันอย่างดุเดือด
ท่านถูกส่งตัวไปที่โรงงานผลิตอาวุธใน Izhevsk
ภารกิจของท่านคือ การพัฒนาอาวุธขนาดเล็กสำหรับกองทัพ
ทำงานในโรงงานผลิตอาวุธเพื่อพัฒนาให้ผลิตได้
ในปริมาณจำนวนมากและรวดเร็วกว่าเดิม




ในช่วงต้นปี 1940
ปืนไรเฟิลจู่โจม ซึ่งอาวุธขนาดเล็กรุ่นใหม่
ปรากฏตัวครั้งแรกในมือของทหารนาซีเยอรมัน
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติโลก
ของการผลิตอาวุธปืนอย่างมีประสิทธิภาพ

เอกลักษณ์ของปืนกลไรเฟิลเยอรมัน
กระสุนปืนไรเฟิลมีขนาดเล็ก/เบากว่า
กระสุนปืนไรเฟิลขนาดมาตรฐานทั่วไป
แต่มีประสิทธิภาพดีกว่าปืนพก
กับมีอำนาจในการยิงแบบปืนไรเฟิล
รวมกับอัตราการยิงแบบปืนกลมือ
ทำให้สามารถยิงได้อย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
พอ ๆ กับยิงเป้าหมายที่ระยะ 100-200 เมตร
เทียบเท่ากับปืนไรเฟิลที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น



เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่  2
ในรัสเซียมีการแข่งขันออกแบบอาวุธปืนกัน
เพื่อเลือกอาวุธปืนหลักประจำกองทัพโซเวียต
แบบปืนของ Mikhail Kalashnikov ชนะคู่แข่งทั้งหมด
และโรงงานใน Izhevsk ที่ท่านทำงานอยู่
จึงได้เริ่มผลิตปืนไรเฟิลจู่โจม Kalashnikov
ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลกในชื่อ AK-47

ปืนที่ Mikhail Kalashnikov ได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรก
โดยใช้ตลับกระสุนขนาดกลาง  7.62x39 มม.
แต่ปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่นนี้ในตอนแรกยังต้องพัฒนากันอีกมาก
ด้วยการใช้เชลยศึกเยอรมันนีที่กวาดต้อนมา
โดยมี Hugo Schmeisser คือ หนึ่งในทีมออกแบบอาวุธปืน



ข้อบกพร่องที่สำคัญใน AK-47
คือ ความแม่นยำในการยิง
ทำให้วิศวกรชาวรัสเซียและชาวเยอรมัน
ต่างร่วมมือกันแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องนี้
แต่ได้ผลลัพธ์ที่สำคัญมากที่สุดของอาวุธปืน
คือ  ความน่าเชื่อถือมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาจนถึงปัจจุบัน
(ทน ถึก ลูกดก ใช้งานง่าย บำรุงรักษาง่าย)

ความคิดเห็นดังกล่าวแสดงออกโดย
สมาชิกของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของรัสเซีย (SOF)
ให้สัมภาษณ์กับ Russia Beyond
ระหว่างการซ้อมรบที่ Chechnya

“ Kalashnikov นั้นด้อยกว่าปืนรุ่นใหม่ของอเมริกา / เยอรมัน
ในแง่ของความแม่นยำในการยิงและการยศาสตร์
(การออกแบบอุปกรณ์ให้มีความปลอดภัย
และสะดวกสบายต่อการใช้งานของมนุษย์)

ดังนั้นเมื่อทำงานในพื้นที่แคบซึ่งมีความสำคัญที่ต้องยิงเร็ว/ยิงแม่น
ผมชอบการใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมประเภท AR หรือ HK
แต่ตัวอย่างการรบในตะวันออกกลางที่ซีเรีย
การใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม AK ได้รับความนิยมทั่วโลก
เพราะความน่าเชื่อถือที่เชื่อถือได้ "



ข้อสำคัญของปืนรุ่นนี้ คือ ผลิตได้ง่าย
ในปัจจุบันโลกมีปืนไรเฟิลจู่โจม Kalashnikov
ประมาณ 100 ล้านกระบอกที่กระจายอยู่ทั่ว 55 ประเทศ
และนั่นเป็นเพียงปืนที่มีทะเบียนการผลิตในโรงงานอย่างเป็นทางการ
ยังไม่รวมถึงปืนที่ผลิตแบบวิศวกรรมย้อนกลับ(Copy and Development)
โดยโรงงานท้องถิ่นระดับชาวบ้านที่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น
(แบบเดียวกับการผลิตปืนเถื่อนในไทยและปากีสถาน)

ปืนไรเฟิลจู่โจม Kalashnikov สามารถพบเห็นได้ง่าย
ในมือของกลุ่มหัวรุนแรงและนักรบอิสระในประเทศกำลังพัฒนา

นอกจากนี้ยังมีด้านราคาขายปืนรุ่นนี้
เช่น AK ในยุโรปตะวันออกราคาตลาดที่ 300 เหรียญสหรัฐ
เทียบกับราคา AR-15 ของสหรัฐอเมริกา
ที่เป็นคู่แข่งหลักเริ่มต้นที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ



ปืนไรเฟิลจู่โจม Kalashnikov ได้รับการยอมรับและนำไปประจำกองทัพ
ที่อดีตปกครองระบอบสังคมนิยมหลายประเทศมาก
และยังมีการดัดแปลงปืน AK-47 และผลิตขึ้นมาใหม่ใน
Albania Bulgaria Hungary Egypt Iran China Poland
Romania และ North Korea โดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์
เพราะสหภาพโซเวียตในช่วงยังปกครองระบอบคอมมิวนิสต์
ต้องการส่งออกการปฏิวัติและสนับสนุนพันธมิตร/ประเทศบริวาร


ยิ่งไปกว่านั้นภาพปืนไรเฟิลจู่โจม AK
สามารถเห็นได้บนสัญลักษณ์ประจำชาติธงและธนบัตรของ Mozambique
และบนสัญลักษณ์ประจำชาติของ Zimbabwe
และเมื่อไม่นานมานี้ภาพของอาวุธปืนไรเฟิลจู่โจมในตำนาน
ยังได้รับการตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ประจำชาติของ Burkina Faso

อาวุธปืนดังกล่าวยังเป็นที่นิยมในชุมชนอาชญากรทั่วโลก
ตัวอย่างเช่นแก๊งค้ายาลาตินอเมริกา
ยังให้ชื่อเล่นว่า cuerno de chivo ( เขาแพะ)
ซึ่งเห็นได้ชัดจากการบรรจุกระสุนปืนแบบโค้ง

รูปแบบปืนไรเฟิลจู่โจมที่พัฒนาโดย Kalashnikov
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940
ได้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรม
อาวุธขนาดเล็กทั้งหมดในสหภาพโซเวียต
ไม่ใช่เรื่องที่พูดกันเกินจริงว่า
ปืนไรเฟิลจู่โจมอัตโนมัติและปืนกลในภายหลังทั้งหมด
ที่ผลิตขึ้นในสหภาพโซเวียตและรัสเซีย
ความสามารถในการใช้งานและขนาดของปืน
ต่างสร้างขึ้นภายในบริบทของลูกสูบ
และกลไกการทำงานของแก๊สปืนไรเฟิลจู่โจม AK

ในช่วงศตวรรษหลังนี้
Mikhail Kalashnikov กับทีมงานใน Izhevsk
ยังได้สร้างปืนไรเฟิลอัตโนมัติ
ปืนกล Vityaz ขนาด 9 มม
ซึ่งมีขนาดเล็กสำหรับปฏิบัติการในพื้นที่แคบ ๆ ในเมือง

Vityaz
ปืนกล Kalashnikov ที่ยิงเจาะเกราะได้
ปืนกล Pecheneg ขนาด 7.62x39-mm
AK ขนาด 5.45x39 มม.รุ่นปรับปรุงจากปี 1970
และปืนขนาดเล็กรุ่นอื่น ๆ อีกมากมาย
รวมทั้งอุปกรณ์ประจำปืนประเภทต่างๆ

“ หากไม่ใช่เพราะสงครามโลกครั้งที่  2
ผมอาจจะต้องลงเอยด้วยการเป็นนักออกแบบ
อุปกรณ์เพื่อช่วยชาวนาที่ทำงานหนักให้ทำงานได้แบบอัตโนมัติ
ชาวเยอรมันมักตำหนิผมที่กลายเป็นวิศวกรทางทหาร ”
ท่านกล่าวกับผู้สื่อข่าวในงานนิทรรศการ
ที่จัดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 60 ปีการเกิดของ AK-47

จนกระทั่งในปีสุดท้ายแห่งชีวิตของท่าน
ท่านยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาอาวุธใหม่
ที่โรงงานอันเป็นที่รักของท่านใน Izhevsk
นักออกแบบอาวุธผู้ยิ่งใหญ่รายหนึ่ง
เสียชีวิตในเดือนธันวาคม 2013 หลังจากป่วยหนัก


เรียบเรียง/ที่มา





Pecheneg
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่