สวัสดีค่ะ จริงๆวันนี้แค่อยากมาระบายให้คนอื่นฟังเฉยๆค่ะ
ขอแทนชื่อ จขกท ว่า “เค” นะคะ เรื่องมันอาจจะมีน้ำเยอะหน่อย เนื้อหาไม่ค่อยเยอะ แต่เคแค่อยากให้มีคนรับฟังเคบ้าง เรื่องมันก็มีอยู่ว่า..
ตลอด 7 เกือบ 8 ปีที่คบกันมาระหว่างเคและอิท เคเป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจ เป็นคนหัวดื้อ รั้น ไม่ยอมคน ใจร้อน แต่เฮฮา ร่าเริง ด้วยความเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว ก็เลยค่อนข้างถูกสปอยหน่อยๆ เคหน้าตากลางๆ ออกจะเป็นคนห้าวๆ ไม่ค่อยเหมือน ผญ เท่าไหร่ เพราะถูกเลี้ยงมาแบบเด็ก ผช และมีพี่ชาย 2 คน ปัจจุบัน ทำงานเป็น Export sales ส่งออก Auto parts เข้าโรงงานผลิต
ส่วนอิทเป็นลูกคนกลาง ซึ่งที่บ้านค่อนข้างหวงและห่วงมาก พื้นฐานแล้ว ครอบครัวของเขาก็เหมือนครอบครัวคนไทยทั่วไป พ่อ แม่ ลูก สนิทกัน อิทเป็นคนนิ่งๆ พูดน้อย หน้าตาค่อนข้างดี ทำงานเป็น HR อยู่บริษัทพลังงานแห่งหนึ่งแถวสุทธิสาร
เคกับอิทเริ่มคบกันช่วงปี 2010 ตอนนั้นเคทำงานเป็นเลขาฯ อยู่บริษัทอิเล็คทริคมีชื่อ หลังจากทำงานมาเกือบครบปี อิทก็เข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้เหมือนกัน
เคกับอิทเจอกัน จากนั้นก็เริ่มคบกัน ซึ่งการคบกันในครั้งนั้น เคพึ่งมารู้หลังจากตกลงเป็นแฟนกับอิทมา 4-5 เดือนว่า จริงๆแล้วเคถูกอิทคบซ้อนกับแฟนอีกคน ตอนนั้นอิทบอกว่าอิทเลิกกันกับแฟนแล้ว แต่.. จริงๆแล้วยังไม่ได้เลิกกัน และผญ คนนั้นก็ตามปั่นเคกับอิท จนสุดท้ายเคทนไม่ไหว จึงตัดสินใจจะเลิกกับอิท
ด้วยความที่เคเป็นเด็ก ตจว เคเลยเลือกหนีกลับบ้าน แต่เพราะอิทไปตามง้อจนถึงบ้านที่ ตจว เคเลยตัดสินใจให้โอกาสกับอิทอีกครั้ง
คลอดเวลาที่คบกัน เคและอิทก็เหมือนคู่รักทั่วไป ทะเลาะกัน งอนกัน ซึ่งส่วนมากเวลาทะเลาะกัน ด้วยความเป็นคนใจร้อน เคเลยเลือกจะหนีออกจากสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งทุกครั้งที่หนี เช่นถ้าไปร้านอาหาร เคก็จะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเสมอ แต่อิทจะบอกตลอดว่าถ้าทะเลาะกันเราต้องคุยกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องคุย แต่ทุกครั้งที่คุยกัน เคจะโมโหขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ผ่นคำทำร้ายจิตใจอิททุกครั้ง เช่น คำว่าน่าเบื่อ
เราพยายามปรับจูนกันตลอด จนช่วงปีที่ 4-5 เราทะเลาะกันน้อยมาก จะมีแค่ไม่กี่ครั้งที่เกิดจากความระแวง หรือหึงหวงของเคที่มีต่ออิท แต่สุดท้ายเราก็จะคุยกันและกลับมาดีกัน แม้ว่าทุกครั้งเช่นกัน เคจะผ่นคำทำร้ายจิตใจอิทออกมาบั่นทอนอิทเสมอๆ
จนเมื่อวันที่ 25 Nov’17 เคพึ่งซื้อคอนโด และย้ายเข้ามาอยู่ยังไม่ถึง 1 ปี ทำให้เคยังคงแต่งห้อง ซื้อของต่างๆ เข้าห้องอยู่เรื่อยๆ วันนั้นเราทะเลาะกันเรื่องวัดชั้นเพื่อติดผนัง เคชวนอิฐมาช่วยกันวัดผนังและออกแบบชั้นวางของ แต่ตอนนั้นอิทเล่นเกมอยู่ ซึ่งเคเองไม่รู้ว่าเกมนั้นจะออกระหว่างที่เล่นอยู่ไม่ได้ เพราะงั้นเลยพูดกับอิทไปว่า “ไม่มาช่วยกันวัดหละ ไหนที่บอกตัวเองอยากเป็นผู้นำ ให้ทำแค่นี่ยังทำไม่ได้เลย”
ตอนนั้นเคคิดแค่ว่าถ้าอิทตอบกลับมาว่า “รอก่อนเดี๋ยวช่วย” เคจะไม่ทะเลาะต่อและวัดผนังเอง เพราะจริงๆของแค่นี้เคทำเองคนเดียวได้ แต่อิทตอบกลับด้วยคำพูดว่า “อะไรว่ะ? เล่นเกมอยู่” พร้อมถอนหายใจ
หลังจากวันนั้น เคก็ไม่คุยกับอิทอีกกว่า 3 อาทิตย์ เพราะเครู้สึกว่า ไม่โอเค คุณต้องขอโทษเรา และคุณควรรู้ว่าคุณผิดที่ไม่มีน้ำใจ แต่ผลที่ได้คือ อิทไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่าเคต้องการแกล้งเขาในตอนที่เขาเล่นเกมอยู่ เขาไม่รู้สึกผิด แต่ก็พยายามชวนเคคุย
หลังจากเรื่องนี้ เราเลยตัดสินใจจะเลิกกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม โดยตอนนั้นเคเป็นคนง้อเพราะเคคิดว่าเคอาจจะคาดหวังกับอิทมากเกินไป และอิทก็เลิกง้อเคแล้วเพราะเขาพยายามชวนเราคุยแล้ว แล้วเราก็กลับมาคุยกันเป็นปกติถึงแม้จะมีทะเลาะกันบ้าง บอกเลิกกันบ้างหลังจากนั้น แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันทุกวัน และไม่ได้เลิกกันสักครั้ง
หลังจากนั้น ช่วงต้นปี 2018 เคเริ่มรู้สึกถึงความแปลกไปของอิท อิทเริ่มห่วงโทรศัพท์มาก จากที่เราเคยเอาโทรศัพท์ของกันและกันมาเล่นได้เสมอ ปกติเคไม่เคยแอบเช็คโทรศัพท์ของอิท และเคจะเลือกถามอิทตรงๆ ตลอดถ้ามีความไม่สบายใจอะไรเกิดขึ้น ครั้งนั้นเคบอกอิทตรงๆว่า ไม่สบายใจกับปฏิกริยาความหวงโทรศัพท์แบบนี้ของเขา แต่คำตอบที่เคได้รับคือ “เคระแวงไปเอง คิดมากไปเอง เคต้องเชื่อใจอิท ไม่งั้นอย่างงี้เราจะอยู่กันได้ยังไง”
ตลอดหลายๆเดือนหลังจากนั้น เคก็ยังมีขอโทรศัพท์เขาดูบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็จะไปให้ และเคก็ต้องจบเรื่องนี้ไปเองพร้อมความไม่สบายใจทุกครั้ง มันวนอยู่แบบนี้ตลอด 7-8 เดือน
จนถึงช่วง Oct’18 เคเริ่มอึดอัด และไม่มีความสุขกับพฤติกรรมทุกอย่างของอิทที่เปลี่ยนไป เคพยายามบอกอิทถึงความรู้สึกนี้ตลอด ช่วงหลังๆมานี้เราไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 อิทเริ่มบล็อคการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนของเค หลายๆคน และไม่ชวนไปเจอทั้งเพื่อน และครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน
สถานะภาพของเคกับอิทในตอนนั้นคือ เราเป็นแฟนกันแค่ตอนอยู่ในคอนโดของเค ซึ่งอิทจะมานอนด้วย จ-ศ เพราะอยู่ตรงข้ามที่ทำงานเท่านั้น และเครู้สึกได้ว่าอิทกีดกันไม่ให้เคได้รู้จักกับคนในออฟฟิตใหม่นี้เลย ตอนนี้แทบไม่มีใครรู้เลยว่าเรายังคบกัน
25 Oct’18 เคตัดสินใจบอกเลิกอิท เพราะทนไม่ไหวกับความอึดอัดนี้แล้ว ตอนนั้น อิทก็ยังบอกว่าไม่อยากเลิกกัน เพราะถ้าเลิกกัน เราจะไม่ได้คืนดีกันแน่ อิทขอให้เคให้โอกาสอิทอีกครั้งจนถึงปีใหม่ได้มั้ย เคเลยยืนข้อเสนอไป ให้เราทั้งคู่ add FB, IG ของกันและกัน และให้อิทอัพรูปคู่ของเราสองคนทุกวันเพื่อให้เคสบายใจ และกลับมาไว้ใจอิทอีกครั้ง (เป็นวิธีที่ไร้สาระมาก แต่ตอนนั้นคิดไรไม่ออกจริงๆค่ะ)
แต่อิทบอกว่าไม่ทำ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร เคเลยตัดสินใจยื่นข้อเสนอบอกไปว่า เคจะให้เวลาเราทั้งคู่ปรับปรุงตัวอีกแค่ 1 เดือน พร้อมกับให้อิทหาวิธีอะไรก็ได้มาเสนอเพื่อสร้างความไว้ใจอีกครั้งจากความระแวงที่เกิดขึ้นนี้
ตลอด 1 เดือนสุดท้าย สิ่งที่เคได้รับรู้คือ อิทไม่ได้พยายามทำอะไรเลย เขาเหมือนอยู่กับเค เพราะคอนโดของเค แต่เขาไม่ได้รักเคอย่างที่ปากเขาบอกเลยสักนิด เขาไม่สนใจเค และเอาแต่เล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา จนเวลาล่วงเลยผ่านไปครบ 1 เดือน อิทก็ย้ายออกจากห้อง และทิ้งท้ายว่าเคเป็นคนไล่อิทออกไปจากชีวิตเองนะ
ตลอดเวลาที่เราเลิกกัน เคยังคงพยายามไลน์หาอิท ตามที่อิทเขียนบอกใน จม ก่อนไปว่า เขาอยากให้เราเป็นเพื่อนกันได้ แต่เคอาจคิดไปเองว่า เพราะเขาไม่มีใคร และเราเลิกกันเพราะเคผิดเอง ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน เราพยายามปรับปรุงตัว แล้ววันหนึ่งเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม
15 Jan’19 ...เคได้ค้นพบความจริงว่า ตลอดเวลาทื่ผ่านมา ตั้งแต่ Nov’17 อิทเริ่มคุยกับน้องที่บริษัท และเขาก็เริ่มความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนมาตลอดเวลาที่อยู่กับเค และเริ่มคบกันต้นปี 2018 ซึ่งก็คือการคบซ้อนระหว่างน้องคนนั้นและเค โดยก่อนน้องคนนั้นจะตกลงคบกับอิท อิทบอกน้องว่าเคลียทุกอย่างแล้ว และครอบครัวของอิทก็ช่วยยืนยันกับน้องคนนั้น สรุปแล้วการเลิกกันของเรา มันไม่ใช่แค่ปัญหาของเราสองคนอย่างที่เคคิด แต่เพราะมีคนที่สาม และอิทก็เลือกคนที่สามนั้น
ในมุมมองของเค คนที่สามเขาไม่ผิดหรอกนะคะ ถ้าอิทไม่เล่นด้วย ทุกอย่างมันก็คงจบแล้ว แต่อิทเองเป็นคนที่จะเลือกทำแบบนี้ และเลือกจะคบเราสองคนซ้อนกันในเวลานั้น เคไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมตอนนั้น อิทเขาไม่พยายามทำอะไรเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาเหมือนเดิมเลย
ตอนนี้เป็นเวลามากกว่า 40 ชม. แล้วค่ะ ที่เค นอนไม่หลับและรู้สึกแย่ไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง แย่กับความรักที่เคยมีมา อิทคือคนที่เคยอยากแต่งงานกับเคมาก และเราเคยคุยกันว่าเราจะแต่งงานกันในไม่กี่ปีนี้ แต่สุดท้ายคนๆนี้ก็ทำร้าย ทำลายความรักที่มีมา 7 ปีของเราให้พังเป็นผุยผง
ตอนนี้เคควรจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดีคะ เคเองก็ยังคิดอยู่ว่าเคเป็นคนทำผิด ถึงเขาจะนอกใจแต่เคก็ผิดเอง เคเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ
***แก้ไขคำผิดและเรียบเรียงคำใหม่ค่ะ***
ความรัก 7 ปีที่พังลงไปในเวลา 11 เดือน
ขอแทนชื่อ จขกท ว่า “เค” นะคะ เรื่องมันอาจจะมีน้ำเยอะหน่อย เนื้อหาไม่ค่อยเยอะ แต่เคแค่อยากให้มีคนรับฟังเคบ้าง เรื่องมันก็มีอยู่ว่า..
ตลอด 7 เกือบ 8 ปีที่คบกันมาระหว่างเคและอิท เคเป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจ เป็นคนหัวดื้อ รั้น ไม่ยอมคน ใจร้อน แต่เฮฮา ร่าเริง ด้วยความเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว ก็เลยค่อนข้างถูกสปอยหน่อยๆ เคหน้าตากลางๆ ออกจะเป็นคนห้าวๆ ไม่ค่อยเหมือน ผญ เท่าไหร่ เพราะถูกเลี้ยงมาแบบเด็ก ผช และมีพี่ชาย 2 คน ปัจจุบัน ทำงานเป็น Export sales ส่งออก Auto parts เข้าโรงงานผลิต
ส่วนอิทเป็นลูกคนกลาง ซึ่งที่บ้านค่อนข้างหวงและห่วงมาก พื้นฐานแล้ว ครอบครัวของเขาก็เหมือนครอบครัวคนไทยทั่วไป พ่อ แม่ ลูก สนิทกัน อิทเป็นคนนิ่งๆ พูดน้อย หน้าตาค่อนข้างดี ทำงานเป็น HR อยู่บริษัทพลังงานแห่งหนึ่งแถวสุทธิสาร
เคกับอิทเริ่มคบกันช่วงปี 2010 ตอนนั้นเคทำงานเป็นเลขาฯ อยู่บริษัทอิเล็คทริคมีชื่อ หลังจากทำงานมาเกือบครบปี อิทก็เข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้เหมือนกัน
เคกับอิทเจอกัน จากนั้นก็เริ่มคบกัน ซึ่งการคบกันในครั้งนั้น เคพึ่งมารู้หลังจากตกลงเป็นแฟนกับอิทมา 4-5 เดือนว่า จริงๆแล้วเคถูกอิทคบซ้อนกับแฟนอีกคน ตอนนั้นอิทบอกว่าอิทเลิกกันกับแฟนแล้ว แต่.. จริงๆแล้วยังไม่ได้เลิกกัน และผญ คนนั้นก็ตามปั่นเคกับอิท จนสุดท้ายเคทนไม่ไหว จึงตัดสินใจจะเลิกกับอิท
ด้วยความที่เคเป็นเด็ก ตจว เคเลยเลือกหนีกลับบ้าน แต่เพราะอิทไปตามง้อจนถึงบ้านที่ ตจว เคเลยตัดสินใจให้โอกาสกับอิทอีกครั้ง
คลอดเวลาที่คบกัน เคและอิทก็เหมือนคู่รักทั่วไป ทะเลาะกัน งอนกัน ซึ่งส่วนมากเวลาทะเลาะกัน ด้วยความเป็นคนใจร้อน เคเลยเลือกจะหนีออกจากสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งทุกครั้งที่หนี เช่นถ้าไปร้านอาหาร เคก็จะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเสมอ แต่อิทจะบอกตลอดว่าถ้าทะเลาะกันเราต้องคุยกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องคุย แต่ทุกครั้งที่คุยกัน เคจะโมโหขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ผ่นคำทำร้ายจิตใจอิททุกครั้ง เช่น คำว่าน่าเบื่อ
เราพยายามปรับจูนกันตลอด จนช่วงปีที่ 4-5 เราทะเลาะกันน้อยมาก จะมีแค่ไม่กี่ครั้งที่เกิดจากความระแวง หรือหึงหวงของเคที่มีต่ออิท แต่สุดท้ายเราก็จะคุยกันและกลับมาดีกัน แม้ว่าทุกครั้งเช่นกัน เคจะผ่นคำทำร้ายจิตใจอิทออกมาบั่นทอนอิทเสมอๆ
จนเมื่อวันที่ 25 Nov’17 เคพึ่งซื้อคอนโด และย้ายเข้ามาอยู่ยังไม่ถึง 1 ปี ทำให้เคยังคงแต่งห้อง ซื้อของต่างๆ เข้าห้องอยู่เรื่อยๆ วันนั้นเราทะเลาะกันเรื่องวัดชั้นเพื่อติดผนัง เคชวนอิฐมาช่วยกันวัดผนังและออกแบบชั้นวางของ แต่ตอนนั้นอิทเล่นเกมอยู่ ซึ่งเคเองไม่รู้ว่าเกมนั้นจะออกระหว่างที่เล่นอยู่ไม่ได้ เพราะงั้นเลยพูดกับอิทไปว่า “ไม่มาช่วยกันวัดหละ ไหนที่บอกตัวเองอยากเป็นผู้นำ ให้ทำแค่นี่ยังทำไม่ได้เลย”
ตอนนั้นเคคิดแค่ว่าถ้าอิทตอบกลับมาว่า “รอก่อนเดี๋ยวช่วย” เคจะไม่ทะเลาะต่อและวัดผนังเอง เพราะจริงๆของแค่นี้เคทำเองคนเดียวได้ แต่อิทตอบกลับด้วยคำพูดว่า “อะไรว่ะ? เล่นเกมอยู่” พร้อมถอนหายใจ
หลังจากวันนั้น เคก็ไม่คุยกับอิทอีกกว่า 3 อาทิตย์ เพราะเครู้สึกว่า ไม่โอเค คุณต้องขอโทษเรา และคุณควรรู้ว่าคุณผิดที่ไม่มีน้ำใจ แต่ผลที่ได้คือ อิทไม่คิดอย่างนั้น เขาคิดว่าเคต้องการแกล้งเขาในตอนที่เขาเล่นเกมอยู่ เขาไม่รู้สึกผิด แต่ก็พยายามชวนเคคุย
หลังจากเรื่องนี้ เราเลยตัดสินใจจะเลิกกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม โดยตอนนั้นเคเป็นคนง้อเพราะเคคิดว่าเคอาจจะคาดหวังกับอิทมากเกินไป และอิทก็เลิกง้อเคแล้วเพราะเขาพยายามชวนเราคุยแล้ว แล้วเราก็กลับมาคุยกันเป็นปกติถึงแม้จะมีทะเลาะกันบ้าง บอกเลิกกันบ้างหลังจากนั้น แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันทุกวัน และไม่ได้เลิกกันสักครั้ง
หลังจากนั้น ช่วงต้นปี 2018 เคเริ่มรู้สึกถึงความแปลกไปของอิท อิทเริ่มห่วงโทรศัพท์มาก จากที่เราเคยเอาโทรศัพท์ของกันและกันมาเล่นได้เสมอ ปกติเคไม่เคยแอบเช็คโทรศัพท์ของอิท และเคจะเลือกถามอิทตรงๆ ตลอดถ้ามีความไม่สบายใจอะไรเกิดขึ้น ครั้งนั้นเคบอกอิทตรงๆว่า ไม่สบายใจกับปฏิกริยาความหวงโทรศัพท์แบบนี้ของเขา แต่คำตอบที่เคได้รับคือ “เคระแวงไปเอง คิดมากไปเอง เคต้องเชื่อใจอิท ไม่งั้นอย่างงี้เราจะอยู่กันได้ยังไง”
ตลอดหลายๆเดือนหลังจากนั้น เคก็ยังมีขอโทรศัพท์เขาดูบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็จะไปให้ และเคก็ต้องจบเรื่องนี้ไปเองพร้อมความไม่สบายใจทุกครั้ง มันวนอยู่แบบนี้ตลอด 7-8 เดือน
จนถึงช่วง Oct’18 เคเริ่มอึดอัด และไม่มีความสุขกับพฤติกรรมทุกอย่างของอิทที่เปลี่ยนไป เคพยายามบอกอิทถึงความรู้สึกนี้ตลอด ช่วงหลังๆมานี้เราไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 อิทเริ่มบล็อคการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนของเค หลายๆคน และไม่ชวนไปเจอทั้งเพื่อน และครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน
สถานะภาพของเคกับอิทในตอนนั้นคือ เราเป็นแฟนกันแค่ตอนอยู่ในคอนโดของเค ซึ่งอิทจะมานอนด้วย จ-ศ เพราะอยู่ตรงข้ามที่ทำงานเท่านั้น และเครู้สึกได้ว่าอิทกีดกันไม่ให้เคได้รู้จักกับคนในออฟฟิตใหม่นี้เลย ตอนนี้แทบไม่มีใครรู้เลยว่าเรายังคบกัน
25 Oct’18 เคตัดสินใจบอกเลิกอิท เพราะทนไม่ไหวกับความอึดอัดนี้แล้ว ตอนนั้น อิทก็ยังบอกว่าไม่อยากเลิกกัน เพราะถ้าเลิกกัน เราจะไม่ได้คืนดีกันแน่ อิทขอให้เคให้โอกาสอิทอีกครั้งจนถึงปีใหม่ได้มั้ย เคเลยยืนข้อเสนอไป ให้เราทั้งคู่ add FB, IG ของกันและกัน และให้อิทอัพรูปคู่ของเราสองคนทุกวันเพื่อให้เคสบายใจ และกลับมาไว้ใจอิทอีกครั้ง (เป็นวิธีที่ไร้สาระมาก แต่ตอนนั้นคิดไรไม่ออกจริงๆค่ะ)
แต่อิทบอกว่าไม่ทำ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร เคเลยตัดสินใจยื่นข้อเสนอบอกไปว่า เคจะให้เวลาเราทั้งคู่ปรับปรุงตัวอีกแค่ 1 เดือน พร้อมกับให้อิทหาวิธีอะไรก็ได้มาเสนอเพื่อสร้างความไว้ใจอีกครั้งจากความระแวงที่เกิดขึ้นนี้
ตลอด 1 เดือนสุดท้าย สิ่งที่เคได้รับรู้คือ อิทไม่ได้พยายามทำอะไรเลย เขาเหมือนอยู่กับเค เพราะคอนโดของเค แต่เขาไม่ได้รักเคอย่างที่ปากเขาบอกเลยสักนิด เขาไม่สนใจเค และเอาแต่เล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา จนเวลาล่วงเลยผ่านไปครบ 1 เดือน อิทก็ย้ายออกจากห้อง และทิ้งท้ายว่าเคเป็นคนไล่อิทออกไปจากชีวิตเองนะ
ตลอดเวลาที่เราเลิกกัน เคยังคงพยายามไลน์หาอิท ตามที่อิทเขียนบอกใน จม ก่อนไปว่า เขาอยากให้เราเป็นเพื่อนกันได้ แต่เคอาจคิดไปเองว่า เพราะเขาไม่มีใคร และเราเลิกกันเพราะเคผิดเอง ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน เราพยายามปรับปรุงตัว แล้ววันหนึ่งเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิม
15 Jan’19 ...เคได้ค้นพบความจริงว่า ตลอดเวลาทื่ผ่านมา ตั้งแต่ Nov’17 อิทเริ่มคุยกับน้องที่บริษัท และเขาก็เริ่มความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนมาตลอดเวลาที่อยู่กับเค และเริ่มคบกันต้นปี 2018 ซึ่งก็คือการคบซ้อนระหว่างน้องคนนั้นและเค โดยก่อนน้องคนนั้นจะตกลงคบกับอิท อิทบอกน้องว่าเคลียทุกอย่างแล้ว และครอบครัวของอิทก็ช่วยยืนยันกับน้องคนนั้น สรุปแล้วการเลิกกันของเรา มันไม่ใช่แค่ปัญหาของเราสองคนอย่างที่เคคิด แต่เพราะมีคนที่สาม และอิทก็เลือกคนที่สามนั้น
ในมุมมองของเค คนที่สามเขาไม่ผิดหรอกนะคะ ถ้าอิทไม่เล่นด้วย ทุกอย่างมันก็คงจบแล้ว แต่อิทเองเป็นคนที่จะเลือกทำแบบนี้ และเลือกจะคบเราสองคนซ้อนกันในเวลานั้น เคไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมตอนนั้น อิทเขาไม่พยายามทำอะไรเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาเหมือนเดิมเลย
ตอนนี้เป็นเวลามากกว่า 40 ชม. แล้วค่ะ ที่เค นอนไม่หลับและรู้สึกแย่ไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง แย่กับความรักที่เคยมีมา อิทคือคนที่เคยอยากแต่งงานกับเคมาก และเราเคยคุยกันว่าเราจะแต่งงานกันในไม่กี่ปีนี้ แต่สุดท้ายคนๆนี้ก็ทำร้าย ทำลายความรักที่มีมา 7 ปีของเราให้พังเป็นผุยผง
ตอนนี้เคควรจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดีคะ เคเองก็ยังคิดอยู่ว่าเคเป็นคนทำผิด ถึงเขาจะนอกใจแต่เคก็ผิดเอง เคเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ
***แก้ไขคำผิดและเรียบเรียงคำใหม่ค่ะ***