สัปดาห์ที่ผ่านมาเราไปจัดงานวันเด็กให้กับโรงเรียนแถวภาคอีสานพอเสร็จงานก็เลยแวะเที่ยวรายทาง
ภูลมโล เป็นจุดหนึ่งที่เราเลือกแวะเพราะได้ยินชื่อเสียงเรื่องดอกพญาเสือโคร่ง
ทางที่ขึ้นไปหน้าด่านอุทยาน ซึ่งเส้นทางก็มีหลุมบ่อพอสมควร แต่ที่เราต้องตั้งกระทู้นี้คือ พอไปถึงหน้าด่าน เจ้าหน้าที่แจ้งว่า รถนักท่องเที่ยวไม่สามารถขึ้นไปชมดอกพญาเสือโคร่งได้ ต้องใช้รถของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวฯ เท่านั้น โดยยักท่องเที่ยวต้องย้อนกลับไปติดต่อที่ชมรมซึ่งตั้งอยู่ด้านล่าง เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรไป-กลับ 10 กิโล!
เราถามเจ้าหน้าที่อุทยานฯว่า ช่วยว.เรียกหรือเราโทรตามรถมาได้หรือไม่ เค้าบอกไม่ได้ต้องไปติดต่อเองเท่านั้น!
เพราะทางชมรมไม่ยอม (สงสัยต้องลงไปกราบขอรถ) ทั้งที่ค่ารถเราก็ยินได้จ่าย
เราถามย้ำว่าเพราะอะไรทำไมไม่บริการนักท่องเที่ยว เค้าบอกว่าถ้า จนท.อุทยานฯ เรียกรถให้ก็มีประชาชนไปร้องเรียนว่าอุทยานมีส่วนได้เสียกับรถ เลยต้องให้คนของชมรมเรียกให้ แต่ชมรมท่องเที่ยวไม่ยอมส่งคนมาประจำที่ด่าน เพราะเวลานักท่องเที่ยวหลงขึ้นมา(มีหลายคันหลงมาที่ด่านก่อน)ก็จะต่อว่าคนที่อยู่ที่ด่าน ตอนนี่คนที่ซวยโดนตลอดคือเจ้าหน้าที่อุทยานฯ
ถามว่าระเบียบมาจากไหนที่ไม่ยอมให้รถที่อื่นขึ้น เค้าบอกว่าเป็นข้อตกลงของ จังหวัด การท่องเที่ยวและท้องถิ่น อุทยานฯแต่อำนวยความสะดวกเท่านั้น เมื่อก่อนรถที่ขึ้นไปถ้ารถที่พร้อมอย่า 4WD อุทยานก็ให้ขึ้นได้หมด
ที่พีคกว่านั้นคือเมื่อเราได้รถมาแล้ว บังเอิญเจอนักท่องเที่ยวคู่หนุ่มสาวขับมอเตอร์ไซค์หลงมา ขึ้นไม่ได้เหมือนกันเราเลยจะชวนเค้าขึ้นรถของชมรมฯกับเรา เพราะเรามาแค่หกคนแต่รถรับได้สิบคน ทางคนขับบอกว่าต้อง ว. ไปแจ้งทาชมรมก่อน พอ ว.ลงไปชมรมบอกว่า "ต้องลงไปติดต่อเพื่อแก้เอกสาร ด้านล่าง" ให้ขึ้นเพิ่มอีกสองคนไม่ได้!
พีคของพีค คือ
เอกสารที่ทำขึ้นมาระบุอายุคนขึ้นผิด คือเค้าต้องแจ้งว่าคนขึ้นเป็นผู้สูงอายุกี่คน พอดีทริปเรามีคุณพ่อเพื่อนอายุเกิน 70 แล้ว คนขับกลับแก้เอกสารตรงนั้นเลยไม่ต้องลงไปแก้เอกสาร (ทีนี้ทำได้ เว....ร)
ระหว่างนั่งรถขึ้นภู ก็ต้องยอมรับว่าทางกันดารพอสมควรต้องใช้ความชำนาญและรถ 4WD เท่านั้น การใช้รถในท้องถิ่นเป็นเรื่องดี ค่ารถ 1500 กับระยะทางไปกลับ เกือบ 30 กม.ไม่แพง
แต่ที่เราตั้งกระทู้นี้เพราะ "ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน" ได้เรียกเก็บเงินจากรถที่วิ่งแต่ละรอบๆละ 150 บาท โดยทำหน้าที่จัดคิวแต่ไม่บริการนักท่องเที่ยว ไม่ทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรับทราบ ก่อนขึ้นมาถึงด่าน (ขากลับพยาบามมองหาป้าย เจอป้ายเดียวเล็กมากไม่บอกรายละเอียดเลย) ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปถึงหน้าด่านเดือดร้อน ทำให้เจ้าหน้าที่อุทยาน ถูกด่าโดยไม่ได้เป็นความผิดของเค้าเลย
เราอยากให้คนที่ได้เงินจากทรัพยากรธรรมชาติของส่วนรวมรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่รอกินเงินจากแรงงานคนขับรถ ทำตัวเหมือนมาเฟียนอนกินเพราะนักท่องเที่ยว ไม่มีทางเลือก
คนที่มาแล้วตัดสินใจไม่ขึ้นภูลมโลเพราะไม่อยากกลับไปอีก 5 กิโลเพื่อเช่ารถกับพวกคุณเราว่ามีเยอะ คนที่มาแล้วไม่อยากจะกลับมาก็เยอะแน่ คนที่มาแล้วด่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็เยอะทั้งที่เป็นเรื่องที่พวกชมรมส่งเสริม(หรือทำลาย) การท่องเที่ยว ก่อขึ้น สิ่งที่เราอยากให้ทำคือ
1. ทำป้ายประกาศให้ชัดๆ ก่อนถึงจุดเรียกรถไม่ใช่รอให้ไปถึงหน้าทางเข้าแล้วให้ย้อนกลับมาอีก 5 กิโล
2. หาคนมานั่งเรียกรถ ไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯปฏิเสธแล้วถูกด่า ฤดูท่องเที่ยวภูลมโลอย่างมาก ก็หนึ่งเดือนจ้างคนมาจะเท่าไหร่ รถที่วิ่งรับนักท่องเที่ยวมีเป็นร้อยคัน วันหนึ่งกินเงินไปเท่าไหร่ อย่าเห็นแก่ตัวให้มากนัก
สำหรับนักท่องเที่ยว พญาเสือโคร่งน่าจะบานเต็มที่ปลายเดือนมกราคมนี้ (ถ้าฝนไม่ตก) จะไปดูก็ท่องไว้แวะติดต่อรถก่อน
ภูลมโล ความเห็นแก่ได้ของผู้ประกอบการที่สร้างความวุ่นวายให้นักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่อุทยาน ใครไม่เคยไปหรือจะไปต้องอ่าน
ภูลมโล เป็นจุดหนึ่งที่เราเลือกแวะเพราะได้ยินชื่อเสียงเรื่องดอกพญาเสือโคร่ง
ทางที่ขึ้นไปหน้าด่านอุทยาน ซึ่งเส้นทางก็มีหลุมบ่อพอสมควร แต่ที่เราต้องตั้งกระทู้นี้คือ พอไปถึงหน้าด่าน เจ้าหน้าที่แจ้งว่า รถนักท่องเที่ยวไม่สามารถขึ้นไปชมดอกพญาเสือโคร่งได้ ต้องใช้รถของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวฯ เท่านั้น โดยยักท่องเที่ยวต้องย้อนกลับไปติดต่อที่ชมรมซึ่งตั้งอยู่ด้านล่าง เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรไป-กลับ 10 กิโล!
เราถามเจ้าหน้าที่อุทยานฯว่า ช่วยว.เรียกหรือเราโทรตามรถมาได้หรือไม่ เค้าบอกไม่ได้ต้องไปติดต่อเองเท่านั้น!
เพราะทางชมรมไม่ยอม (สงสัยต้องลงไปกราบขอรถ) ทั้งที่ค่ารถเราก็ยินได้จ่าย
เราถามย้ำว่าเพราะอะไรทำไมไม่บริการนักท่องเที่ยว เค้าบอกว่าถ้า จนท.อุทยานฯ เรียกรถให้ก็มีประชาชนไปร้องเรียนว่าอุทยานมีส่วนได้เสียกับรถ เลยต้องให้คนของชมรมเรียกให้ แต่ชมรมท่องเที่ยวไม่ยอมส่งคนมาประจำที่ด่าน เพราะเวลานักท่องเที่ยวหลงขึ้นมา(มีหลายคันหลงมาที่ด่านก่อน)ก็จะต่อว่าคนที่อยู่ที่ด่าน ตอนนี่คนที่ซวยโดนตลอดคือเจ้าหน้าที่อุทยานฯ
ถามว่าระเบียบมาจากไหนที่ไม่ยอมให้รถที่อื่นขึ้น เค้าบอกว่าเป็นข้อตกลงของ จังหวัด การท่องเที่ยวและท้องถิ่น อุทยานฯแต่อำนวยความสะดวกเท่านั้น เมื่อก่อนรถที่ขึ้นไปถ้ารถที่พร้อมอย่า 4WD อุทยานก็ให้ขึ้นได้หมด
ที่พีคกว่านั้นคือเมื่อเราได้รถมาแล้ว บังเอิญเจอนักท่องเที่ยวคู่หนุ่มสาวขับมอเตอร์ไซค์หลงมา ขึ้นไม่ได้เหมือนกันเราเลยจะชวนเค้าขึ้นรถของชมรมฯกับเรา เพราะเรามาแค่หกคนแต่รถรับได้สิบคน ทางคนขับบอกว่าต้อง ว. ไปแจ้งทาชมรมก่อน พอ ว.ลงไปชมรมบอกว่า "ต้องลงไปติดต่อเพื่อแก้เอกสาร ด้านล่าง" ให้ขึ้นเพิ่มอีกสองคนไม่ได้!
พีคของพีค คือ
เอกสารที่ทำขึ้นมาระบุอายุคนขึ้นผิด คือเค้าต้องแจ้งว่าคนขึ้นเป็นผู้สูงอายุกี่คน พอดีทริปเรามีคุณพ่อเพื่อนอายุเกิน 70 แล้ว คนขับกลับแก้เอกสารตรงนั้นเลยไม่ต้องลงไปแก้เอกสาร (ทีนี้ทำได้ เว....ร)
ระหว่างนั่งรถขึ้นภู ก็ต้องยอมรับว่าทางกันดารพอสมควรต้องใช้ความชำนาญและรถ 4WD เท่านั้น การใช้รถในท้องถิ่นเป็นเรื่องดี ค่ารถ 1500 กับระยะทางไปกลับ เกือบ 30 กม.ไม่แพง
แต่ที่เราตั้งกระทู้นี้เพราะ "ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอน" ได้เรียกเก็บเงินจากรถที่วิ่งแต่ละรอบๆละ 150 บาท โดยทำหน้าที่จัดคิวแต่ไม่บริการนักท่องเที่ยว ไม่ทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรับทราบ ก่อนขึ้นมาถึงด่าน (ขากลับพยาบามมองหาป้าย เจอป้ายเดียวเล็กมากไม่บอกรายละเอียดเลย) ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปถึงหน้าด่านเดือดร้อน ทำให้เจ้าหน้าที่อุทยาน ถูกด่าโดยไม่ได้เป็นความผิดของเค้าเลย
เราอยากให้คนที่ได้เงินจากทรัพยากรธรรมชาติของส่วนรวมรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่รอกินเงินจากแรงงานคนขับรถ ทำตัวเหมือนมาเฟียนอนกินเพราะนักท่องเที่ยว ไม่มีทางเลือก
คนที่มาแล้วตัดสินใจไม่ขึ้นภูลมโลเพราะไม่อยากกลับไปอีก 5 กิโลเพื่อเช่ารถกับพวกคุณเราว่ามีเยอะ คนที่มาแล้วไม่อยากจะกลับมาก็เยอะแน่ คนที่มาแล้วด่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็เยอะทั้งที่เป็นเรื่องที่พวกชมรมส่งเสริม(หรือทำลาย) การท่องเที่ยว ก่อขึ้น สิ่งที่เราอยากให้ทำคือ
1. ทำป้ายประกาศให้ชัดๆ ก่อนถึงจุดเรียกรถไม่ใช่รอให้ไปถึงหน้าทางเข้าแล้วให้ย้อนกลับมาอีก 5 กิโล
2. หาคนมานั่งเรียกรถ ไม่ใช่ให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯปฏิเสธแล้วถูกด่า ฤดูท่องเที่ยวภูลมโลอย่างมาก ก็หนึ่งเดือนจ้างคนมาจะเท่าไหร่ รถที่วิ่งรับนักท่องเที่ยวมีเป็นร้อยคัน วันหนึ่งกินเงินไปเท่าไหร่ อย่าเห็นแก่ตัวให้มากนัก
สำหรับนักท่องเที่ยว พญาเสือโคร่งน่าจะบานเต็มที่ปลายเดือนมกราคมนี้ (ถ้าฝนไม่ตก) จะไปดูก็ท่องไว้แวะติดต่อรถก่อน