ลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย เผาผลาญ 3000 kcal โดยร่างกายไม่เครียดมากเกินไป

กระทู้คำถาม
ผมลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมใน 1เดือน วิธีที่ผมใช้เป็นวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายออกไป ไม่ใช่การลดน้ำหนัก ดังนั้น ใครคิดจะลดน้ำหนักวิธีนี้อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะน้ำหนักจะขึ้นบ้างลงบ้าง หากพร้อมแล้วที่จะไม่ดูตาชั่ง แต่หันมาสนใจหุ่นตัวเองแล้วเชิญอ่านต่อได้

        เราต้องรู้ขีดจำกัดการเผาผลาญพลังงานของร่างกายก่อนว่า จริงๆแล้ว ร่างกายของเราเผาผลาญประมาณเท่าไรกันแน่ หากใครมีอัตราการเผาผลาญปกติต่ำ วิธีการคำนวนจากในเน็ตหรือสูตรทั่วไปจะใช้ไม่ได้ผลกับคุณ หากคุณมั่นใจว่ากำลังการเผาผลาญของคุณเข้าเกณฑ์สูตรคำนวนก็สามารถใช้สูตรคำนวนได้เลย เช่น ผมสูง 167 หนัก 90 อัตราการเผาผลาญปกติของร่างกายอยู่ที่ 2000 kcal ผมสามารถรับประทานอาหารที่ให้พลังงานได้ไม่เกิน 2000 หากสูงกว่านี้ไปเรื่อยๆถึง 7700 kcal เมื่อไร ผมจะมีไขมันสะสม 1 กิโลกรัมนั่นเอง หากพลังงานลดลงถึง 7700 kcal ผมก็จะมีน้ำหนักลดลง 1 kg    
       สารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายมี 3 ชนิด คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน สารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแต่ร่างกายจำเป็นและขาดไม่ได้คือ วิตมินและเกลือแร่ต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักไม่น้อยไปกว่าสารอาหารที่ให้พลังงานเลยเพราะมันจำเป็นต่อการสร้างเอนไซม์ต่างๆในเซลล์
      โปรตีนร่างกายสามารถนำไปใช้ในร่างกายได้ 2 รูปแบบ คือ นำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายและเป็นพลังงาน โปรตีนเป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานได้ยากกว่าคาร์โบไฮเดรต  
     คาร์โบไฮเดรตมี 2 ชนิด คือ ชนิดย่อยเร็ว เช่นข้าวเหนียว ข้าวสวย เป็นต้น คาร์โบไฮเดรตกลุ่มนี้ เป็นคาร์โบไฮเดรตที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็ว จึงทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หากเรากินคาร์โบไฮเดรตชนิดนี้เข้าไปแล้วใช้พลังงานเลย จะทำให้เรามีแรงที่จะทำงานทันที แต่คาร์โบไฮเดรตชนิดนี้หากย่อยออกมาเป็นน้ำตาลหมดแล้วแต่เราใช้ไม่หมดร่างกายจะเก็บน้ำตาลเหล่านี้ไว้ในรูปของไขมันอย่างรวดเร็ว และน้ำตาลในเลือดต่ำอาจทำให้หิวได้เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ  คาร์โบไฮเดรตอีกกลุ่มหนึ่ง คือ คาร์โบไฮเดรตย่อยช้า เช่น ข้าวกล้อง มันบด ฟักทอง เป็นต้น คาร์โบไฮเดรตกลุ่มนี้มีเส้นใยอาหารคอยขัดขวางเอ็นไซม์ ทำให้เอ็นไซม์ทำงานไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูงได้น้อยกว่า อยู่ในกระเพาะนานกว่า อิ่มนานกว่า น้ำตาลในเลือจะมีอย่างต่อเนื่องไม่สูงมากเกินไป ทำให้เกิดการเก็บไว้ในรูปไขมันได้ยากกว่า จึงเกิดไขมันสะสมส่วนเกินได้ยากกว่า
    ไขมัน เป็นแหล่งพลังงานที่ให้พลังงานสูงมาก หากรับประทานมากไปจะเกิดการสะสมของไขมันได้ ในช่วงลดไขมันส่วนเกินในร่างกายของเรานั้น เราต้องลดไขมันลง ไม่ใช่ไม่ให้รับประทานไขมันเลย ห้ามคิดที่จะไม่รับประทานไขมันด้วย เพราะไขมัน จำเป็นต่อการนำพาวิตมิน A D E K เข้าสู่ร่างกาย หากมื้ออาหารไม่มีไขมันเลย ร่างกายจะนำเข้าสู่ร่างกายได้น้อยมากจนไม่พาวิตมินเข้ามาเลยก็เป็นได้ จึงอาจเกิดการขาดวิตมินได้ ดังนั้น เราต้องรับประทานไขมันให้พอดี ไม่มากเกินไป รับประทานไขมันชนิดดี (HDL) จะเป็นประโยชน์กับร่างกายมาก อีกทั้งฮอร์โมนต่างๆส่วนใหญ่ก็มีไขมันเป็นส่วนประกอบ หากไม่มีไขมันร่างกายจะผลิตฮอร์โมนได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้การลดน้ำหนักทำได้ยากขึ้นอีกด้วย
    เกลือแร่ วิตมิน เป็นส่วนช่วยที่ทำให้การลดไขมันส่วนเกินทำได้อย่างได้ผล เราต้องได้รับวิตมินและเกลือแร่ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ แหล่งวิตมินและเกลือแร่คือ ผักผลไม้ต่างๆ ในช่วงลดไขมันส่วนเกิน เราต้องลดผลไม้ที่มีรสหวาน งดได้ยิ่งดี หันไปรับประทานผลไม้อื่นๆที่มีวิตมินเกลือแร่เทียบเท่ากับผลไม้ที่เราอยากทานตอนแรก ได้วิตมินเทียบเท่ากัน แต่พลังงานต่างกัน กินเป็นแล้วหุ่นจะดีแน่นอน
    อีกอย่างหนึ่งที่ทุกคนจะขาดไม่ได้เลยคือ การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นการช่วยให้อัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นได้ ใครชอบการออกกำลังกายแบบไหนออกตามสบายครับผม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้ทุกท่านทราบก็คือ ร่างกายใช้พลังงานตามการใช้พลังงาน ณ เวลานั้นๆ หากเราใช้พลังงานเบาๆแต่ต่อเนื่อง ร่างกายเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงานทัน ร่างกายจะเอาไขมันมาใช้ก่อน เพราะ ร่างกายจะต้องสำรองพลังงานส่วนของพลังงานฉับพลัน เช่น ไกลโคเจนเอาไว้ก่อน เผื่อเราต้องใช้ฉับพลันร่างกายจะดึงมาใช้ทันทีได้ หากเราวิ่งเหยาะๆร่างกายจะมีการไฮบริดครับ ใช้พลังงานจากไขมันครื่งหนึ่ง โปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรตอีกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ทันกับความต้องการพลังงาน ณ เวลานั้นๆ หากเราวิ่ง ร่างกายจะใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตกับโปรตีนเป็นหลัก ใช้ไขมันน้อย เพราะ คาร์โบไฮเดรตกับโปรตีนสลายเป็นพลังงานได้ง่ายกว่าไขมัน หากร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ จะไปเอากล้ามเนื้อส่วนต่างๆที่ใช้งานน้อยๆออกมาเป็นพลังงานก่อน หากเรารับประทานโปรตีนไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ยากยาก เพราะไม่มีวัตถุดิบให้ซ่อมนั่นเอง สังเกตุได้ว่า เราเมื่อยจากการออกกำลังกายมากๆ กินโปรตีนที่เพียงพอกับความต้องการเข้าไปแปปเดียวไม่กีวันร่างกายก็ฟื้นตัวจนมาออกกำลังกายได้อีกครั้ง และเราก็ได้ของแถมเป็นกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นเพราะร่างกายทำการขยายเซลล์กล้ามเนื้อเก่าให้ใหญ่ขึ้นหากโชคดีร่างกายสร้างกล้ามเซลล์กล้ามเนื้อเพื่มขึ้น จึงมีการสะสมพลังงานในเซลล์มากขึ้น ในช่วงนี้น้ำหนักของเราจะขึ้นๆลงๆ หรือคงที่ ไม่ต้องตกใจ เพราะร่างกายสะสมสารอาหารไว้ในเซลล์ หากเรามีโปรตีนเพียงพอ ร่างกายจะนำไปใช้ซ่อมแซมได้หมด เราจึงไม่เมื่อยหลังพักผ่อนให้เพียงพอหลังออกกำลังกาย หากเราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ร่างกายเราจะเฟิร์มขึ้นหุ่นเล็กลงแต่น้ำหนักอาจขึ้นๆลงๆจนค่าเฉลี่ยคงที่

สิ่งที่ควรทราบ 1 ในช่วงลดไขมันส่วนเกินห้ามงดสารอาหารในกลุ่มให้พลังงานในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยหวังว่าจะลดแบบรวบรัด เด็ดขาด ไม่แน่คุณอาจได้รับ
                      โยโย่เอฟเฟคก็เป็นได้
                   2 ห้ามปล่อยให้ท้องหิวเด็ดขาด ควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็นหลายๆมื้อ แต่พลังงานรวมแล้วไม่เกินขีดจำกัดการเผาผลาญสูงสุดของร่างกาย
                   3 ไม่มีทางลัดในการลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย ไปทางลัดระวังจะเจอโยโย่เอฟเฟคนะจ่ะ ด้วยความปราฐนาดีจากเจ้าของกระทู้
                   4 โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานเท่ากัน แต่โปรตีนถ้าเอาไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จะไม่นับเป็นพลังงาน แต่ร่างกายจะมีน้ำหนักที่
                      เพิ่มขึ้นจากมวลของเนื้อเยื่อที่เพื่มขึ้น นอกจากร่างกายจะดึงเนื้อเยื่อมาใช้เป็นพลังงาน และโปรตีนเมื่อสลายแล้วจะเก็บในรูปไขมันได้
                      ยากกว่าคาร์โบไฮเดรต
                   5 ความเครียด การพักผ่อนน้อย มีผลกับการลดไขมันส่วนเกิน
                   6 วินัยในการใช้ชีวิตต้องดีมากถึงมากที่สุด จิตใจของคุณต้องแข็งแกร่งมากๆ รูปภาพอาหารแคลสูง อาหารแคลสูงที่วางอยู่ตรงหน้า ห้ามกิน
                     นอกจากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็กินได้แต่ในปริมาณน้อยๆ ห้ามตะบะแตกเด็ดขาด
                  7 ไม่มีการลดเฉพาะส่วน ที่คุณเห็นว่าเล็กลงนั้นคือกล้ามเนื้อของคุณในส่วนนั้นแข็งแรงจึงทำให้โครงสร้างเล็กลงไปด้วย
                  8 ในช่วงลดไขมันส่วนเกินร่างกายต้องการโปรตีนมากว่าปกติ คนปกติควรรับโปรตีนอยู่ที่ 1 g ต่อน้ำหนักตัว 1 kg แต่ในช่วงลดไขมันควรเพื่ม
                     จาก 1 g เป็น 1.5 g
                  
      ตัวอย่างของผม
      ผมเป็นนักศึกษา สูง 167 cm เคยหนัก 95 kg ปัจจุบันหนัก 90 ผมคำนวนแล้วว่าร่างกายของผมใช้พลังงานเฉลี่ย 2000 kcal ผมอยากให้ร่างกายของผมช่วยลดไขมันส่วนเกิน ผมจึงเริ่มคำนวนพลังงานจากสารอาหารที่ได้รับ ผมต้องการให้ร่างกายช่วยเผาผลาญขั้นต่ำ 1000 kcal  ผมจึงศึกษาพลังงานจากสารอาหารพบว่า เนื้อสัตว์หนัก 1 kg จะมีโปรตีนที่เป็นโปรตีนจริงๆไม่รวมน้ำในตัวอยู่ที่ 200 g ผมหนัก 95 เมื่อคำนวนแล้วพบว่า ต้องการโปรตีน 135 กรัม ดังนั้นผมต้องการเนื้อ 675 g เอาเป็นว่าผมกิน 700 g ก็แล้วกัน ผมก็จัดการไปซื้ออกไก่มาชั่งน้ำหนักแล้วให้ได้ 700 g  นำไปทำอาหาร ด้วยความที่เป็นนิสิต เลยทำอาหารหลากชนิดไม่ได้ ผมเลยบอกแม่ค้าว่า เอาไปทอดหมดเลย (ถ้ามีอุปกรณ์ทำอาหารนี่ไม่มีได้กินของทอดแบบนี้หรอกแต่มันจำเป็นอะทำไงได้) หลังจากนั้นผมก็จัดการแบ่งออกเป็น 5 ส่วน เท่าๆกัน กิน 5 มื้อ ข้าวที่กินก็ข้าวกล้องไม่ก็ข้าวไลซ์เบอรี่ที่ 7-11 กล่อง 15 บาท กล่องบอกหนัก  
150 g คำนวนคาร์โบไฮเดรตแล้วได้ 30 g พลังงานทั้งสิ้น 30*4=120 kcal กินวันละ 2 กล่อง = 120*2=240 kcal พลังงานจากโปรตีน = 140*4=540 kcal เนื่องจากโปรตีนจะถูกนำไปใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอดังนั้นพลังงานที่ได้รับจากโปรตีนจริงๆจะลดลงอย่างน้อย 50% ดังนั้น พลังงานจึงได้อยู่ที่ 240-510 kcal ส่วนต่างของพลังงานที่ได้รับกับพลังงานที่ใช้ในส่วนนี้ = 1500 kcal โดยประมาณผมออกกำลังกายโดยการเดินวันละ 20 km ผมจะใช้พลังงานตามสูตรจะได้ 60,80*20=1200,1600 kcal ดังนั้น พลังงานที่ผมใช้อยู่ที่ช่วง 1200,1600+1500=2700-3100 kcal ในช่วงที่ผมน้ำหนักตัวอยู่ที่ 95 ผมจึงใช้ไป 3100 kcal แต่พอลดลงเหลือ90 ผมจึงใช้อยู่ที่ 2700 kcal ตอนนี้ร่างกายผมเอวลดลงจาก 42 เหลือ 36 บอกเลยว่าชีวิตลั้นลากับการกินมาก ผมสามารถกลับไปกินได้เท่าเดิมถึงน้ำหนักจะขึ้นแต่สัดส่วนไม่เปลี่ยนแปลงนะจ่ะ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่