เรากำลังคิดว่าเราเริ่มจะป่วยทางจิตไหม จากเหตุการ์ณที่ผ่านมาในชีวิต มันทำให้เรารู้สึกเครียดและหาทางออกไม่ได้เลย (ยาวหน่อยน่ะค่ะ พิมพ์ผิดอย่างไรขออภัยไว้ ณ ที่นี้น่ะค่ะ)
เราอายุ 37ปีแล้ว ลาออกจากงานประจำ เพื่อหวังจะมาช่วยสามีทำธุรกิจส่วนตัวตามที่สามีบอก แต่แล้วก็ยังว่างเปล่า แบบนี้มาปีกว่าละ รับงานมีรายได้เล็กๆน้อยๆ พอเข้าปี 61 เริ่มทำงานจริงๆจังช่วยบริษัทเพื่อน ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนช่วงปลายมีนาคม 61 นี้พ่อเริ่มป่วย และก็ค่อยๆหนักขึ้น จนเราต้องออกมาดูแลพ่อ หนักหนาจนร้องไห้ทุกวัน ด้วยที่พ่อเราเป็นปากร้ายคนใจร้อนเอาอะไรต้องได้ อาจเป็นเพราะท่านเครียดจากโรคที่เป็นอยู่ ระหว่างที่ตรวจวินิฉัยโรคที่เป็นอยู่เราก็อยู่ดูแลท่าน เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน เช็ดตัวแปรฟัน ล้างหน้า หาข้าวให้กิน ใครๆก็มองว่าก็ไม่เท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่าการหาอาหารเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เข้าออกบ้าน ช่วงเช้า 3-4 รอบ คืออาหารไม่ถูกปากพ่อก็ไม่กินเลย กว่าจะกินข้าวเช้าเสร็จก็ 10 โมงกว่าแล้วจะเที่ยงอีกแล้ว พ่ออยากกินอะไรก็จะให้เราไปหาซื้อมาจนได้ โดยที่ไม่สนใจว่าจะหามายังไงพ่อต้องได้เราเครียดกับเรื่องแบบนี้ตลอดเวลาจนถึงเวลาเข้านอน ต้องตั้งปลุกลุกมาดูพ่อเทกระป๋องฉี่เป็นแบบนี้จนถึงวันที่ ศุกร์ที่ 18 พ.ค. 61 พ่อเริ่มเข้ารักษาตัวที่ รพ.ศิริราช ด้วยอาการ มะเร็งเม็ดเลือดขาว / มะเร็งต่อมน้ำเหลือง / ท้องโต / ตับ และ ม้ามโต / เท้าบวม /มีพังพืดที่ปอด ที่อาคารอักษฎาค์ ชั้น 9 โดยที่เข้าเยี่ยมเป็นเวลาแรก พ่อก็ดูไม่เครียดสบายๆ ระหว่างนั้น ทุกเช้า ฉันต้องออกจากบ้าน 9โมงเพื่อไปเฝ้าพ่อ ซื้ออาหารข้าวของให้และกลับเวลา 5 โมงถึงบ้านทุ่ม 2 ทุ่มบ้างแล้วแต่ความติดของรถ ส่วนแม่จะมาเยี่ยมได้ก็อาทิตย์ละ วัน 2 วันเพราะต้องช่วยน้องเลี้ยงหลานที่ยังเล็ก
ต่อมาหมอเริ่มให้ยาเคมี วันอังคารที่ 5มิ.ย.61 พ่อก็ดูชิวๆ พอวันพฤ 7มิ.ย.61 พบการติดเชื้อในกระแสเลือด พ่อเริ่มเหนื่อยมาก หายใจโรยริน มากและพยายามจะขอกลับบ้าน หมอจึงจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก ทีแรกท่านไม่ยอม จะขอกลับบ้านหมอพยายามคุยกับท่านจนท่านยอมบอกว่าใส่แค่ 3 วันจากนั้นอาการพ่อก็ดีขึ้น ตอบสนองกับยาดีจนมาถึงวันอาทิตย์ที่ 10 มิ.ย. 61เช้านั้นพ่อดึงท่อช่วยหายใจออกเอง เราไปถึง ทุกอย่างดูแย่ผิดหูผิดตาเลย พ่อบอกจะกลับบ้านขอไปตายที่บ้าน แกบอกไม่เกิน 2 วันรอฟังข่าว และวันนั้นก็มาถึง 12 มิ.ย. 61 โทรสับจาก รพ.โทรเข้ามาหาน้องสาว บอกว่าพ่อจะหมดลมแล้วจะให้ช่วยปั๊มหัวใจไหม แต่คนไข้สั่งไว้ว่าไม่ต้อง น้องฉันตอบเพียงว่าแล้วแต่คุณหมอเลยค่ะ 23.30 น. พ่อจากเราไปอย่างสงบ ทั้งที่พวกเราเตรียมใจกับเรื่องนี้มาแล้วก็ตาม แต่สำหรับฉันในชีวิตไม่เคยเจอเรื่องสูญเสียขนาดนี้ ร้องไห้ตลอดเวลา นอนไม่หลับผวาตื่นตลอด ภาพทุกภาพเสียงเรียกมันดังในใจตลอดเวลา เมื่อจบงานพิธี เช้าขึ้นมาในวันใหม่มันเริ่มต้นไม่ถูก ไม่รู้ต้องทำอะไร จากทุกๆวันต้องไปหาพ่อที่ รพ. จากนี้ไม่ต้องทำแล้ว แล้วชีวิต ต่อไปจะทำยังไงละ น้ำไม่ไหล ไฟดับรถเสียจะทำยังไง ไม่มีพ่อที่เคยบอกเคยสอนแล้ว อยู่ในบ้านที่เงียบสะงัดทุกๆวันจนไม่อยากจะออกจากบ้านไปไหน จากคนที่ชอบช้ อปปิ้ง ชอบเข้าสังคม ตอนนี้ไม่คุยกับใครแม้แต่คนข้างบ้านก็ตาม รู้สึกชีวิตผิดปกติ และไม่รู้จะไปทางไหน จะหางานทำก็อายุเยอะ อ้วน ไหนจะต้องรอรับลูกกลับจาก รร.อีกละ มันไม่รู้จะเริ่มยังไง ไหนจะรู้สึกผิด ที่เราไม่พาพ่อกลับบ้านตามที่ท่านต้องการ ไหนจะเรื่องงานเราที่พ่อพูดเสมอว่าแทนที่ท่านเกษียณ์มาเราจะเลี้ยงดู มาออกจากงานแบบนี้ มันอาจเป็นสาเหตุที่ท่านเครียดจนล้มป่วยหนักขนาดนี้ ตอนนี้เลยทุกข์ใจมากค่ะ มันบอกไม่ถูกเลยจริง วันไหนไม่กินยานอนหลับก็จะตื่นทุกชั่วโมง คิดแต่เรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่มีทางออกเลย หดหู่มากขึ้นทุกวัน หลังๆมานี้มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกเป็นทุกวัน เราเลือกที่จะไม่บอกใครไม่อยากให้แม่ และ น้องเป็นห่วง ส่วนสามี ที่หาเลี้ยงคนในบ้าน นอกจากเล่นเกมส์อย่างบ้าคลั่งถึงตี 2 ตี3ทุกวัน ไม่สั่งให้ทำอะไรก็ไม่เคยสนใจอะไรในบ้านเลย ไม่สนใจว่าทำไมเราต้องกินยาเยอะมากมายขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าถ้าตัวเค้าตายจากเราไปอีกคน เรากับลูกจะอยู่ยังไง ใช่ค่ะเราคุย บอกทุกอย่างไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ถึงได้กล้าพูดว่านอกจากเล่นเกมส์ แล้วสามีไม่เอาอะไรเลยจริงๆค่ะ มันทำให้เรายิ่งคิดถึงพ่อที่จากไปหนัก คิดถึงทุกวัน. สุดท้ายจะเป็นยังไงก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยจริงๆ.......
ระบาย ขอปรึกษา เราป่วยไหม ?
เราอายุ 37ปีแล้ว ลาออกจากงานประจำ เพื่อหวังจะมาช่วยสามีทำธุรกิจส่วนตัวตามที่สามีบอก แต่แล้วก็ยังว่างเปล่า แบบนี้มาปีกว่าละ รับงานมีรายได้เล็กๆน้อยๆ พอเข้าปี 61 เริ่มทำงานจริงๆจังช่วยบริษัทเพื่อน ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนช่วงปลายมีนาคม 61 นี้พ่อเริ่มป่วย และก็ค่อยๆหนักขึ้น จนเราต้องออกมาดูแลพ่อ หนักหนาจนร้องไห้ทุกวัน ด้วยที่พ่อเราเป็นปากร้ายคนใจร้อนเอาอะไรต้องได้ อาจเป็นเพราะท่านเครียดจากโรคที่เป็นอยู่ ระหว่างที่ตรวจวินิฉัยโรคที่เป็นอยู่เราก็อยู่ดูแลท่าน เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน เช็ดตัวแปรฟัน ล้างหน้า หาข้าวให้กิน ใครๆก็มองว่าก็ไม่เท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่าการหาอาหารเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เข้าออกบ้าน ช่วงเช้า 3-4 รอบ คืออาหารไม่ถูกปากพ่อก็ไม่กินเลย กว่าจะกินข้าวเช้าเสร็จก็ 10 โมงกว่าแล้วจะเที่ยงอีกแล้ว พ่ออยากกินอะไรก็จะให้เราไปหาซื้อมาจนได้ โดยที่ไม่สนใจว่าจะหามายังไงพ่อต้องได้เราเครียดกับเรื่องแบบนี้ตลอดเวลาจนถึงเวลาเข้านอน ต้องตั้งปลุกลุกมาดูพ่อเทกระป๋องฉี่เป็นแบบนี้จนถึงวันที่ ศุกร์ที่ 18 พ.ค. 61 พ่อเริ่มเข้ารักษาตัวที่ รพ.ศิริราช ด้วยอาการ มะเร็งเม็ดเลือดขาว / มะเร็งต่อมน้ำเหลือง / ท้องโต / ตับ และ ม้ามโต / เท้าบวม /มีพังพืดที่ปอด ที่อาคารอักษฎาค์ ชั้น 9 โดยที่เข้าเยี่ยมเป็นเวลาแรก พ่อก็ดูไม่เครียดสบายๆ ระหว่างนั้น ทุกเช้า ฉันต้องออกจากบ้าน 9โมงเพื่อไปเฝ้าพ่อ ซื้ออาหารข้าวของให้และกลับเวลา 5 โมงถึงบ้านทุ่ม 2 ทุ่มบ้างแล้วแต่ความติดของรถ ส่วนแม่จะมาเยี่ยมได้ก็อาทิตย์ละ วัน 2 วันเพราะต้องช่วยน้องเลี้ยงหลานที่ยังเล็ก
ต่อมาหมอเริ่มให้ยาเคมี วันอังคารที่ 5มิ.ย.61 พ่อก็ดูชิวๆ พอวันพฤ 7มิ.ย.61 พบการติดเชื้อในกระแสเลือด พ่อเริ่มเหนื่อยมาก หายใจโรยริน มากและพยายามจะขอกลับบ้าน หมอจึงจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก ทีแรกท่านไม่ยอม จะขอกลับบ้านหมอพยายามคุยกับท่านจนท่านยอมบอกว่าใส่แค่ 3 วันจากนั้นอาการพ่อก็ดีขึ้น ตอบสนองกับยาดีจนมาถึงวันอาทิตย์ที่ 10 มิ.ย. 61เช้านั้นพ่อดึงท่อช่วยหายใจออกเอง เราไปถึง ทุกอย่างดูแย่ผิดหูผิดตาเลย พ่อบอกจะกลับบ้านขอไปตายที่บ้าน แกบอกไม่เกิน 2 วันรอฟังข่าว และวันนั้นก็มาถึง 12 มิ.ย. 61 โทรสับจาก รพ.โทรเข้ามาหาน้องสาว บอกว่าพ่อจะหมดลมแล้วจะให้ช่วยปั๊มหัวใจไหม แต่คนไข้สั่งไว้ว่าไม่ต้อง น้องฉันตอบเพียงว่าแล้วแต่คุณหมอเลยค่ะ 23.30 น. พ่อจากเราไปอย่างสงบ ทั้งที่พวกเราเตรียมใจกับเรื่องนี้มาแล้วก็ตาม แต่สำหรับฉันในชีวิตไม่เคยเจอเรื่องสูญเสียขนาดนี้ ร้องไห้ตลอดเวลา นอนไม่หลับผวาตื่นตลอด ภาพทุกภาพเสียงเรียกมันดังในใจตลอดเวลา เมื่อจบงานพิธี เช้าขึ้นมาในวันใหม่มันเริ่มต้นไม่ถูก ไม่รู้ต้องทำอะไร จากทุกๆวันต้องไปหาพ่อที่ รพ. จากนี้ไม่ต้องทำแล้ว แล้วชีวิต ต่อไปจะทำยังไงละ น้ำไม่ไหล ไฟดับรถเสียจะทำยังไง ไม่มีพ่อที่เคยบอกเคยสอนแล้ว อยู่ในบ้านที่เงียบสะงัดทุกๆวันจนไม่อยากจะออกจากบ้านไปไหน จากคนที่ชอบช้ อปปิ้ง ชอบเข้าสังคม ตอนนี้ไม่คุยกับใครแม้แต่คนข้างบ้านก็ตาม รู้สึกชีวิตผิดปกติ และไม่รู้จะไปทางไหน จะหางานทำก็อายุเยอะ อ้วน ไหนจะต้องรอรับลูกกลับจาก รร.อีกละ มันไม่รู้จะเริ่มยังไง ไหนจะรู้สึกผิด ที่เราไม่พาพ่อกลับบ้านตามที่ท่านต้องการ ไหนจะเรื่องงานเราที่พ่อพูดเสมอว่าแทนที่ท่านเกษียณ์มาเราจะเลี้ยงดู มาออกจากงานแบบนี้ มันอาจเป็นสาเหตุที่ท่านเครียดจนล้มป่วยหนักขนาดนี้ ตอนนี้เลยทุกข์ใจมากค่ะ มันบอกไม่ถูกเลยจริง วันไหนไม่กินยานอนหลับก็จะตื่นทุกชั่วโมง คิดแต่เรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่มีทางออกเลย หดหู่มากขึ้นทุกวัน หลังๆมานี้มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกเป็นทุกวัน เราเลือกที่จะไม่บอกใครไม่อยากให้แม่ และ น้องเป็นห่วง ส่วนสามี ที่หาเลี้ยงคนในบ้าน นอกจากเล่นเกมส์อย่างบ้าคลั่งถึงตี 2 ตี3ทุกวัน ไม่สั่งให้ทำอะไรก็ไม่เคยสนใจอะไรในบ้านเลย ไม่สนใจว่าทำไมเราต้องกินยาเยอะมากมายขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าถ้าตัวเค้าตายจากเราไปอีกคน เรากับลูกจะอยู่ยังไง ใช่ค่ะเราคุย บอกทุกอย่างไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ถึงได้กล้าพูดว่านอกจากเล่นเกมส์ แล้วสามีไม่เอาอะไรเลยจริงๆค่ะ มันทำให้เรายิ่งคิดถึงพ่อที่จากไปหนัก คิดถึงทุกวัน. สุดท้ายจะเป็นยังไงก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยจริงๆ.......