สวัสดีคะ เรามีเรื่องอยากขอความคิดเห็นและขอคำแนะนำคะ
คือเรามีเพื่อนชายที่สนิทกันมากอยู่คนนึง เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เรียนด้วยกันมาตลอด จนจบป.ตรี เรียนคณะเดียวกัน อยู่ห้องเดียวกัน จบพร้อมกัน แต่หลังจากเรียนจบตัวเราเองทำงานบริษัทเอกชน แต่เพื่อนก็ผันตัวไปเป็นทหารรับราชการ ในขณะที่ต่างคนต่างทำงาน แต่เราก็เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน หารกัน เพราะสนิทกันมาก ตบหัวกันเล่นได้ คุยกันได้ทุกเรื่อง ชีวิตติดกันตลอด จนวันนึงเพื่อนได้สวัสดิการบ้านพักทหาร คืออยู่ได้ฟรี 15ปี แต่ประเด็นคือเค้าให้อยู่เป็นครอบครัว ตรงนี้เราก็ งง เหมือนกันว่าจำเป็นหรอ แต่เพื่อนมันบอกว่าจำเป็นจะต้องมีทะเบียนสมรสถึงจะได้บ้าน เพราะต้องยื่นเอกสารหลายอย่าง ด้วยความเป็นเพื่อนสนิท เราก็ไม่ได้คิดออะไร ก็เลยคุยกันว่าจดทะเบียนด้วยกันนี่แหละ เสร็จเรื่องแล้วค่อยหย่า หลังจากจดทะเบียนเพื่อนได้บ้านพักเรียบร้อย เราก็ย้ายไปอยู่บ้านพักทหาร ซึ่งก็ทุ่นค่าเช่าบ้านไปได้ 8000 พันกว่าบาท ก่อนหน้านี้เรามีมอเตอร์ไซก็จะแว้นกันตลอด แต่หลังจากไม่มีภาระเรื่องค่าเช่าบ้านเพื่อนชายก็ออกรถยนต์เก๋ง มา 1 คัน ให้เหตุผลกับเราว่าอยากให้เราขับไปทำงาน ตัวเขาเองไปรถรับส่งไม่อันตราย ส่วนเราแว้นมอไซอันตรายกว่าเลยให้เราขับไป โดยที่เพื่อนชายเป็นคนผ่อน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เค้าดูแลเราดีมากกว่าเดิม คืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินออกจากห้องเปิดประตูรถกล่องอาหารเช้าอยู่ในรถทุกวัน เอาไว้กินช่วงรถติด ส่วนตัวเพื่อนชายไปรถรับส่งเลยต้องออกแต่เช้า เค้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรา เราก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเค้า จนวันนึงนั่งทานข้าวด้วยกันเราเลยถามเรื่องหย่าว่าจะหย่าเมื่อไหร่ในเมื่อเอกสารบ้านพักก็เรียบร้อยแล้ว สีหน้าเค้าเปลี่ยนทันทีแล้วถามเรากลับด้วยเสียงแข็งๆว่าจะรีบไปไหน มีแฟนแล้วหรือไง แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องหายไปพักใหญ่เลย เรายังแอบงงกูผิดไรว่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับเพื่อนอีกเลย จนเวลามันผ่านไปปีกว่าๆ เราก็ใช้ชีวิตกันแบบเดิมๆ ดูแลกันเหมือนเดิมและมากขึ้นกว่าเดิม จนเราเองก็บอกตรงๆว่าแอบชอบมันขึ้นมาแล้วหละ คือคงหาคนดูแลเราแบบมันไม่ได้แล้วจริง จนเมื่อเดือนที่แล้ว เราเครียดเรื่องงานค่อนข้างหนัก เลยทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติ พอรอบเดือนมาเราปวดท้องอย่างหนัก ไข้ขึ้นสูง มันก็คอยหาข้าว หายาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ตลอด ประคบอุ่นให้ เราเองก็กึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ได้ยินเค้าพูดว่า ถ้าจะปวดทรมานขนาดนี้ มีลูกเลยมั้ยจะได้ไม่ทรมานแบบนี้ น่สงสารจัง เราเลยถามว่าพูดอะไรนะ พูดอีกทีสิ มันก็บอกว่าเปล่า แล้วแถไปเรื่องอื่น
*** ตอนนี้เราทั้งสองคนอายุ 29 ปี เราอ่ะชอบมัน รักมันเข้าแล้ว แต่ไม่กล้าบอกกลัวจะคิดไปเองฝ่ายเดียว ถ้าเผลอพูดออกไปแล้วมันไม่ได้คิดเหมือนเรา กลัวจะเสียความเป็นเพื่อน เราควรบอกมันดีมั้ย หรืออยู่ไปแบบนี้ ตอนนี้เราก็มีความสุขดี หรือจะทำไงดีช่วยแนะนำหน่อยคะ ตอนนี้อึดอัดเหมือนกันนะ กับความรู้สึกนี้
มีใครเคยแอบชอบเพื่อนสนิทบ้าง
คือเรามีเพื่อนชายที่สนิทกันมากอยู่คนนึง เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เรียนด้วยกันมาตลอด จนจบป.ตรี เรียนคณะเดียวกัน อยู่ห้องเดียวกัน จบพร้อมกัน แต่หลังจากเรียนจบตัวเราเองทำงานบริษัทเอกชน แต่เพื่อนก็ผันตัวไปเป็นทหารรับราชการ ในขณะที่ต่างคนต่างทำงาน แต่เราก็เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน หารกัน เพราะสนิทกันมาก ตบหัวกันเล่นได้ คุยกันได้ทุกเรื่อง ชีวิตติดกันตลอด จนวันนึงเพื่อนได้สวัสดิการบ้านพักทหาร คืออยู่ได้ฟรี 15ปี แต่ประเด็นคือเค้าให้อยู่เป็นครอบครัว ตรงนี้เราก็ งง เหมือนกันว่าจำเป็นหรอ แต่เพื่อนมันบอกว่าจำเป็นจะต้องมีทะเบียนสมรสถึงจะได้บ้าน เพราะต้องยื่นเอกสารหลายอย่าง ด้วยความเป็นเพื่อนสนิท เราก็ไม่ได้คิดออะไร ก็เลยคุยกันว่าจดทะเบียนด้วยกันนี่แหละ เสร็จเรื่องแล้วค่อยหย่า หลังจากจดทะเบียนเพื่อนได้บ้านพักเรียบร้อย เราก็ย้ายไปอยู่บ้านพักทหาร ซึ่งก็ทุ่นค่าเช่าบ้านไปได้ 8000 พันกว่าบาท ก่อนหน้านี้เรามีมอเตอร์ไซก็จะแว้นกันตลอด แต่หลังจากไม่มีภาระเรื่องค่าเช่าบ้านเพื่อนชายก็ออกรถยนต์เก๋ง มา 1 คัน ให้เหตุผลกับเราว่าอยากให้เราขับไปทำงาน ตัวเขาเองไปรถรับส่งไม่อันตราย ส่วนเราแว้นมอไซอันตรายกว่าเลยให้เราขับไป โดยที่เพื่อนชายเป็นคนผ่อน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่เค้าดูแลเราดีมากกว่าเดิม คืออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินออกจากห้องเปิดประตูรถกล่องอาหารเช้าอยู่ในรถทุกวัน เอาไว้กินช่วงรถติด ส่วนตัวเพื่อนชายไปรถรับส่งเลยต้องออกแต่เช้า เค้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรา เราก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเค้า จนวันนึงนั่งทานข้าวด้วยกันเราเลยถามเรื่องหย่าว่าจะหย่าเมื่อไหร่ในเมื่อเอกสารบ้านพักก็เรียบร้อยแล้ว สีหน้าเค้าเปลี่ยนทันทีแล้วถามเรากลับด้วยเสียงแข็งๆว่าจะรีบไปไหน มีแฟนแล้วหรือไง แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องหายไปพักใหญ่เลย เรายังแอบงงกูผิดไรว่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้กับเพื่อนอีกเลย จนเวลามันผ่านไปปีกว่าๆ เราก็ใช้ชีวิตกันแบบเดิมๆ ดูแลกันเหมือนเดิมและมากขึ้นกว่าเดิม จนเราเองก็บอกตรงๆว่าแอบชอบมันขึ้นมาแล้วหละ คือคงหาคนดูแลเราแบบมันไม่ได้แล้วจริง จนเมื่อเดือนที่แล้ว เราเครียดเรื่องงานค่อนข้างหนัก เลยทำให้รอบเดือนมาไม่ปกติ พอรอบเดือนมาเราปวดท้องอย่างหนัก ไข้ขึ้นสูง มันก็คอยหาข้าว หายาให้กิน คอยเช็ดตัวให้ตลอด ประคบอุ่นให้ เราเองก็กึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ได้ยินเค้าพูดว่า ถ้าจะปวดทรมานขนาดนี้ มีลูกเลยมั้ยจะได้ไม่ทรมานแบบนี้ น่สงสารจัง เราเลยถามว่าพูดอะไรนะ พูดอีกทีสิ มันก็บอกว่าเปล่า แล้วแถไปเรื่องอื่น
*** ตอนนี้เราทั้งสองคนอายุ 29 ปี เราอ่ะชอบมัน รักมันเข้าแล้ว แต่ไม่กล้าบอกกลัวจะคิดไปเองฝ่ายเดียว ถ้าเผลอพูดออกไปแล้วมันไม่ได้คิดเหมือนเรา กลัวจะเสียความเป็นเพื่อน เราควรบอกมันดีมั้ย หรืออยู่ไปแบบนี้ ตอนนี้เราก็มีความสุขดี หรือจะทำไงดีช่วยแนะนำหน่อยคะ ตอนนี้อึดอัดเหมือนกันนะ กับความรู้สึกนี้