ทำไงดีคะ แฟนขอให้ลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน

ตอนนี้มีแฟนค่ะ คบกันมา 3 ปี กำลังจะวางแผนแต่งงานกัน เป็นวิศวกรทั้งคู่ค่ะ
ตัวแฟนอยากจะแต่งแล้วมีลูกกันเลย แล้วจะให้ออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก + ขายของออนไลน์ค่ะ
โดยส่วนตัวแล้ว เราขายของออนไลน์มาตั้งแต่สมัยมหาลัยค่ะ เป็นอาชีพเสริม ซึ่งพอทำร่วมกับงานประจำแล้วไม่ได้รบกวนแถมรายได้ดีค่ะ แต่ตอนนี้ความคิดเราคือกำลังสนุกกับการทำงานมากๆ มีลูกน่ะมีได้นะคะ แต่อยากกลับไปทำงานเหมือนเดิม
แต่แฟนก็บอกว่า ลูกยังอ่อนแล้วจะทำยังไง จะดูแลลูกกันยังไง
แฟนเค้าอยากให้เป็นแม่บ้านมาตลอดค่ะ คุยกันตั้งแต่คบกันแรกๆ พอเอาเข้าจริงๆ ไม่คิดว่าจะจริงจังขนาดนี้
รักก็รักมาก ทุกอย่างดีหมดเลย ยกเว้นเรื่องนี้ค่ะ ถ้าความคิดมันไม่ตรงกัน เราก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะแต่งด้วยค่ะ

มีคำถามว่า เราควรทำยังไงดีคะ ควรคุยกับแฟนยังไงดีคะ?
แล้วถ้าทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย จะต้องจัดการเวลายังไงคะ?

**หากแท็กผิด หรือเขียนงงๆๆ ต้องขออภัยนะคะ มือใหม่หัดเขียนจ้า
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
คิดว่าต้องคุยกันให้เคลียร์นะครับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นอนาคตทั้งชีวิต งานก็หายากอยู่ อนาคตคนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้เสมอ
ถ้าคุณลาออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ......
1. แฟนหาเงิน เลี้ยงดุคนในครอบครัว ทั้งลูก-เมีย  เพียงพอหรือป่าว ถ้าหากขัดสน เป็นปัญหาครอบครัวเลยนะครับ
2. ถ้าหากคุณมีความจำเป็นต้องใข้เงิน คุณก็ต้องขอเงินแฟน (หรือป่าว)
3. อนาคต .... ถ้าทะเลาะกัน แฟนจะพูดมั้ยว่าเขาหาเงินอยุ่คนเดียว
4. อนาคต ถ้ามีอันต้องเลิกรา หรือ เขาตายจากไป หรือ พิการ คุณตกงานอยุ่ จะลำบากมั้ย

คหสต.**** แต่ถ้าคุณมีงานทำอยู่ ถ้ามีเหตุต้องเลิกรา หรือตายจากกัน คุณก็ยังมีงาน มีหลักประกันชีวิตอยุ่ล่ะครับ

ขอให้ตรึกตรองดูดีๆ ลองคุยกันดูนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
คุณมีรายได้ที่พอสมควร ไม่เดือดร้อน เราเห็นด้วยเรื่องการออกมาเลี้ยงลูก อยากให้หาบทความของ นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์อ่าน แล้วค่อยตัดสินใจ

ถ้าจะออกมา (อาจแค่ช่วงลูกเล็ก) ต้องคุยตกลงเงื่อนไขกันให้ดี เช่น

-คุณขาดรายได้จากงานประจำ เขาควรชดเชยให้คุณส่วนนี้เป็นรายเดือน และเป็นเงินส่วนตัว ถึงแม้คุณจะยังขายของได้เงินอยู่ก็ตาม แต่มันไม่แน่นอน

-คุยเรื่องความเข้าใจว่า ที่คุณออกมาเป็นแม่บ้านฟูลไทม์ ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ทำอะไร เพียงแต่คุณเปลี่ยนงานเท่านั้น คุณไม่ได้เป็นภาระ ไม่ได้เกาะเขากิน อันนี้สำคัญ ถ้าคุยแล้วคุณมองเห็นทัศนคติที่ไม่ดี หรือเคยรู้ว่าเขามีทัศนคติที่ไม่ดี อย่าออก

-ลองคุยกันว่าถ้าครอบครัวเดิมของคุณเดือดร้อนเรื่องการเงิน เขามีความคิดเห็นว่าควรจัดการยังไง คุณรับได้หรือเปล่า

-ถ้าคุณออกมา คุณต้องเห็นว่างานบ้านและการเลี้ยงลูกมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เหมือนที่บอกไว้ คุณไม่ได้ว่างอยากทำอะไรเมื่อไรก็ทำ คุณต้องมองว่ามันเป็นงาน คุณแค่เปลี่ยนงาน เพราะฉะนั้นคุณควรทำให้มันดี

-ผู้ชายที่อยากให้เมียออกจากงานมักคาดหวัง กลับมาบ้านอาหารพร้อม น้ำพร้อม บ้านเรียบร้อย อยู่บ้านคือพักผ่อน คุณควรลองคุยเรื่องความคาดหวังกันก่อน ว่าคาดหวังความเป็นแม่ศรีเรือนมากน้อยแค่ไหน แล้วปรับทัศนคติกันให้เนียบร้อยก่อนออกจากงาน
ความคิดเห็นที่ 3
ดิฉันเป็นแม่ ลูก 2 ความคิดเห็นส่วนตัวคือ ไม่ลาออกมาเป็นแม่บ้านเด็ดขาดค่ะ ตอนนี้อาจจะรักกันปานจะกลืน ต่อไป เกินมีปัญหาขึ้นมาแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ แล้วเราจะทำอย่างไร หรืออีกกรณีหนึ่ง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา สามีตายก่อน แล้วเราจะทำอย่างไร แถมมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอีก เอาง่ายๆ คือ ไม่ว่าสามีจะจากเป็น หรือจากตาย ต้องคิดวางแผนอนาคตให้ดีๆ จะได้ไม่มีปัญหา
ความคิดเห็นที่ 13
สังคมไทย ปัญหาความเหลื่อมล้ำสูง เริ่มตั้งแต่สังคมครอบครัว
อย่าตัดแขน ตัดขา อนาคตอาชีพงานที่ดีของคุณ เพื่อเป็นแม่บ้านเต็มตัว.. ให้พบกันครึ่งทาง
ไม่ว่าผู้ชาย หรือผู้หญิงกลายเป็นแม่บ้าน หรือพ่อบ้านเต็มตัว... การให้เกียรติกัน ความนับถือภูมิใจต่อกัน จะลดลงไป จะพูดได้ไม่เต็มปากว่า ภรรยา หรือ สามีทำงานอะไร... เป็นแม่บ้าน เป็นพ่อบ้าน ถึงต่อให้อ้างว่ารักกันดี แต่จะตลอดไปหรือไม่.. และถ้าเกิดคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว เกิดไปปลื้มผู้หญิงที่ทำงานสูสีกับเขา (อนาคตมันไม่แน่ โดยเฉพาะสังคมไทย)
ความคิดเห็นที่ 32
แม่เราเป็นแม่บ้านค่ะ ลาออกมาเลี้ยงลูก มีเวลารับส่งเราและน้องเต็มที่ ไปไหนไปกัน เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะเพราะแม่เราจัดการงานบ้าน

แต่...แน่นอนค่ะ แม่เราไม่มีรายได้ เวลาอยากซื้ออะไรก็แทบไม่ได้เพราะเกรงใจพ่อ ไม่มีเงิน นานๆครั้งแม่เราจะมาวานให้เราซื้อของในเพจเฟสให้ เราคิดว่าถ้าแม่ทำงาน แม่คงจะซื้อของเองได้

เวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน แน่นอนค่ะ เอาเรื่องเงินมาพูด เคยถึงขั้นจะยึดเงินที่ให้แม่เลยก็มี ตอนเรากับพ่อทะเลาะกัน พ่อบอกว่าเรายังต้องพึ่งเงินพ่ออยู่ อย่ามากำเริบ (ทั้งๆที่เราขอให้พูดด้วยเหตุผล) เค้าชอบใช้คำว่า เงิน ku ku หามา ku มีสิทธิ เวลาเค้าโมโหน่ะค่ะ แล้วเรียนตามตรงมันเสียสุขภาพจิตมากค่ะ

สังคมแม่แทบจะหายไป มาติดที่เรากับน้องแทน สังคมของแม่คือเรากับน้องจนบางครั้งเราก็อึดอัดนะคะเพราะแม่ตัวติดกับเรา โทรถาม ไลน์หาตลอด (เราจะเรียนจบกลางเดือนนี้แล้วค่ะ) แต่เราก็เข้าใจว่าแม่ไม่มีใครนอกจากเรา โชคดีค่ะที่หลังๆมีไลน์แม่เลยคุยกับเพื่อนและก็ดูหนังในมือถือไปเรื่อยเปื่อย

The worst case...ถ้ารายได้หลักเป็นอะไรไป/หย่ากัน อันนี้แย่สุดเลยนะคะ

ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับเราด้วยค่ะ แต่สำหรับเรา เรามั่นใจว่าเราไม่สามารถเป็นแม่บ้านได้อย่างแน่นอน เรายังอยากมีสังคม มีเพื่อน มีเงินใช้เอง เราทำแบบแม่ไม่ได้ และเราจะไม่ทำค่ะ ยิ่งถ้าเราเป็นจขกท. อ่านที่คุณพิมมา เราไม่ลาออกค่ะ แต่มันก็ขึ้นกับคนเนอะ เจอแฟนดีก็ดีไป แต่ถ้าแฟนเกิดกลายร่างหรือเกิด the worst case อันนี้ไม่ดีแน่ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 14
เราเป็นคนนึงที่คิดว่าผู้หญิงไม่ควรออกจากงานหลังแต่งงานโดยเด็ดขาด มีตัวอย่างมากมายในกระทู้ชานเรือนที่หวานอมขมกลืนกับชีวิตคู่ จะเลิกกันก็ไม่กล้าพอ ผู้หญิงไม่มีทางไปเพราะไม่มีงานไม่มีเงิน ไม่มีความมั่นใจในสังคมเพราะไม่ได้ทำงานมานาน เป็นแม่บ้านอยุ่บ้านอย่างเดียว

อนาคตไม่มีใครบอกได้หรอก ว่าชีวิตคู่มันจะเป็นยังไง อย่าเอาชีวิตไปผูกติดพึ่งพากับสามีมากนักค่ะ

ผู้ชายที่บอกว่าแต่งงานแล้วให้เมียออกมาเป็นแม่บ้านในปัจจุบัน ก็ต้องมีความสามารถระดับสูงในการหารายได้ ไม่ใช่แค่อยากให้เมียเลี้ยงลูก แต่รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัวให้สบาย ถ้าสามีคุณยังไม่สามารถหารายได้ระดับนั้นได้ อย่าออกจากงานเด็ดขาด ถ้าเค้าล้มเหลว ตกงานกระทันหันขึ้นมาคุณยังเป็นหลักได้ช่วงเค้าหางานใหม่ได้ แต่ถ้าคุณเองก็ไม่มีงานประจำ มันจะล่มทั้งครอบครัวค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่