วันนี้ขอเชิญเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับเว็บไซต์สำหรับอ่านนิยายแห่งใหม่ ที่มีจุดเด่นตรงที่เว็บนี้มีนวนิยายของนักเขียนชื่อดังหลายเรื่อง แต่ละเรื่องท่านสามารถคลิกเข้าไปอ่านกันได้ฟรี ไม่ต้องเสียจ่ายใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญที่สุดมีการอัพเดทลงตอนใหม่ให้ท่านได้อ่านกันตลอด เรียกได้ว่าทั้งทันสมัย ทันเวลา และทันใจของนักอ่านในยุคนี้เลย
ด้วยพฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดการล้มหายตายจากของนิตยสารเล่มต่างๆ ที่แต่ละหัวทยอยปิดตัวลงไปตามๆ กัน ในวันนี้เนื้อหาต่างๆ ที่เคยอยู่ในนิตยสารพวกนั้นได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว เปลี่ยนแปลงกลายเป็นนิตยสารออนไลน์แทน ซึ่งในวันนี้เราจะขอพูดถึง “อ่านเอา” anowl.co นิตยสารออนไลน์ฉบับวรรณกรรมที่เพียบพร้อมไปด้วยนวนิยายดีๆ หลายเรื่อง รวมทั้งเนื้อหาต่างๆ ที่น่าสนใจที่เคยปรากฎอยู่ในนิตยสารเล่ม วันนี้ทีมงาน “อ่านเอา” ได้รวบรวมเอานักเขียนและคอนเทนต์ดีๆ มากมายมาไว้ในนิตยสารออนไลน์ฉบับนี้
โดยรายละเอียดที่ผมจะขอพูดถึงในวันนี้ เป็นการพูดคุยในงานเสวนาเปิดตัวเว็บไซต์นิตยสารออนไลน์ anowl.co ที่มีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2561 บนเวทีเอเทรียม ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 46 โดยเป็นการพูดคุยกับผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 3 ท่านคือ 1. คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม 2. คุณหมอพงศกร 3. คุณกิ่งฉัตร เว็บไซต์ “อ่านเอา” นี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นเว็บสำหรับอ่านนิยายอย่างเดียว แต่ยังรวบรวมเอาคอนเทนต์ล้ำๆ ทันสมัยในแนวอื่นๆ ที่ไม่ใช่นิยายเอาไว้ด้วย
(รายละเอียดจากการเสวนา ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ โดยมีการคัดตัดย่อเพื่อเขียนสรุปเป็นประเด็น ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด หรือคาดเคลื่อนไปจากที่ท่านวิทยากรพูด ผมก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
คุณหมอพงศกร
-เราคิดกันว่าจะร่วมกันทำเว็บไซต์สำหรับการอ่านขึ้นมา โดยเรามีหุ้นส่วนทั้งหมด 8 คน ซึ่งแต่ละคนจะมีความรับผิดชอบในหน้าที่แตกต่างกันออกไป
-ตอนที่เราคิดชื่อเว็บไซต์ เราก็เลือกมาหลายชื่อ อาทิเช่น ธาราลัย , เอนกเขนก , เดอะรีดเดอร์ ฯลฯ ได้ชื่อมาเยอะแต่ชื่อที่ชนะเลิศเป็นชื่อที่คุณปิยะพรตั้ง
@@@@@@@@@@
คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม
-ชื่อเว็บว่า “อ่านเอา” นี้คิดได้ตอนที่อยู่ในสถานที่สงบเงียบ คือตอนที่กำลังเข้าห้องน้ำ ปกติเวลาที่คิดอะไรยังไม่ออกจะเข้าห้องน้ำสระผมทันที แล้วก็จะคิดออกได้เอง ตอนที่คิดก็อยากได้ชื่อเว็บที่อ่านได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (เพราะอยากได้ชื่อ URL เป็นภาษาอังกฤษ) และต้องมีความหมายที่ดีด้วย
-แล้วก็มาได้คำว่า “อ่านเอา” ที่มาจากอ่านเอาเรื่อง อ่านเอารัก อ่านเอารู้ ที่แปลได้หลายความหมาย ส่วนพอเป็นภาษาอังกฤษชื่อเว็บว่า owl แปลว่านกฮูก
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-นกฮูกมันเป็นสัญลักษณ์ของความรู้ ความฉลาด ดังนั้นชื่อนี้จึงตอบโจทย์เราได้ทันทีในคำๆ เดียว
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่า ทำไมถึงสร้างเว็บนี้ขึ้นมามีจุดประสงค์อย่างไร?
คุณกิ่งฉัตร
-ตอนนี้พอมีกระแสอินเตอร์เน็ตเข้ามา มีอีบุ๊ค มีออนไลน์ ทำให้นิตยสารทยอยปิดตัวกันเยอะ นักเขียนจึงขาดพื้นที่ในการเผยแพร่ผลงาน เราจึงคิดกันว่ามันถึงจุดที่เปลี่ยนแปลงแล้ว เราจึงคิดว่ามาทำนิตยสารออนไลน์กันดีกว่า แล้วตัวคุณหมอพงศกรเองก็มีความคิดอยากทำนิตยสารมานานแล้วด้วย
-เราจึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อปรับตัวไปพร้อมกับกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ตัวเราเป็นนักเขียนไม่ใช่เป็นนักธุรกิจ อะไรที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เกี่ยวกับไอที เกี่ยวกับโปรแกรม ฯลฯ เราจะไม่ถนัดเลย
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-คือเริ่มต้นจากที่พวกเรามีคอนเทนต์ที่ดีแล้ว แต่เรายังกังวลเรื่องระบบ เรื่องการจัดการเว็บไซต์ เราจึงมีน้องๆ อีกกลุ่มหนึ่งมาช่วยดูแลหลังบ้านให้เรา รวมทั้งการทำกิจกรรมพิเศษที่จะมีขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งจะมีน้องๆ เขามาช่วยในจุดนี้ด้วย
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่า อ่านเอาไม่ใช่อีบุ๊ค แต่เป็นนิตยสารออนไลน์ ดังนั้นคนอ่านเข้ามาอ่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายไหม?
คุณปิยะพร
-คนอ่านสามารถเข้าเว็บเข้าเราได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เราต้องการทำให้ anowl.co เป็นศูนย์รวมของนักอ่านและนักเขียน เราจะไม่รบกวนนักอ่าน เราจะทำเป็นฟรีคอนเทนต์ทั้งหมด เราหวังว่าจะมีนักอ่านเข้ามากันเยอะๆ เราจะได้มีโฆษณา จะได้มีรายได้ จะได้อยู่รอดได้
-เราอยากให้คนอ่านได้เข้ามาอ่านคอนทนต์ของเราที่มีความหลากหลาย เพื่อเป็นการชดเชยที่นิตยสารต่างๆ ทยอยปิดตัวกันไป พอไม่มีนิตยสารนักเขียนก็เหงา ก็รู้สึกว้าหว่ คนอ่านเองก็คิดถึงนักเขียน อยากจะอ่านเรื่องของนักเขียนคนโปรด นักเขียนและนักอ่านต่างก็คิดถึงกัน เราจึงตัดสินใจทำ anowl.co ขึ้นมา
พิธีกรถามถึงยุครุ่งเรืองของวงการสื่อสิ่งพิมพ์ ในยุคสมัยที่นิตยสารกำลังเฟื่องฟู ตอนนั้นบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง? อยากจะให้แต่ละท่านเล่าให้ฟังหน่อย
คุณปิยะพร
-คุณปิยะพรเป็นคนที่อยู่ในวงการนิตยสารนานที่สุด (นานกว่าคุณหมอพงศกรและคุณกิ่งฉัตร) เคยเขียนเรื่องลงสกุลไทยครั้งแรกนานมากแล้ว ได้เห็นบรรยากาศของการเขียนเรื่องลงทีละตอนในนิตยสาร ในยุคนั้นต้องบอกว่านิตยสารรุ่งเรืองมาก โดยสมัยนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านกับนักเขียนคือการเขียนจดหมายมาคุยกัน บรรยากาศโดยรวมถือว่ามีความสุขมาก
-ในสมัยก่อนถ้าเรื่องของเราได้ลงนิตยสารแสดงว่าเรื่องของเราดี เรามีฝีมือพอตัว เพราะนิตยสารเขามีบรรณาธิการคอยกลั่นกรองเรื่อง คอยดูแลให้เราว่าเหมาะสมหรือยัง ควรต้องลงเรื่องในจังหวะไหนถึงจะดี ทำให้เราประทับใจบทบาทของบรรณาธิการมาตลอด เราจึงตัดสินใจว่าทำเว็บ “อ่านเอา” นี้
-จริงๆ แล้วยังมีเว็บไซต์อีกหลายๆ เว็บ ที่ลงนิยายให้อ่านกันฟรี เนื่องจากแพล็ตฟอร์มทางไอทีมันกว้างมาก มันเปิดโอกาสให้ใครก็ได้เอานิยายมาลงก็ได้ แต่เราพยายามจะสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้อ่าน โดยมาที่นี่ที่เดียวสามารถอ่านเรื่องที่มีคุณภาพได้ เรื่องที่เราเอาลง anowl.co ทุกเรื่องจะเป็นเรื่องที่เราคัดสรรมาอย่างดีแล้ว
-คุณสุภัทร สวัสดิรักษ์ (อดีตบรรณาธิการบริหาร นิตยสารสกุลไทย ผู้ล่วงลับ) เคยบอกไว้ว่า “นิตยสารหนึ่งเล่มก็เหมือนข้าว 1 สำรับ ที่จะต้องมีทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด ให้อร่อยครบรส ครบเครื่อง ต้องมีผลไม้ มีของหวานด้วย” เราจึงตั้งใจทำ “อ่านเอา” ให้เป็นแบบนี้ด้วย คือคนอ่านเข้ามาอ่านแล้วได้อ่านเรื่องที่หลากหลายครบรส โดยไม่ต้องกระโดดลงไปในทะเลแห่งคอนเทนต์แล้วก็ดำลงไป งม หากันเอาเอง
-จึงรู้สึกว่าเวลามันเปลี่ยน จากยุคสมัยก่อนที่มีความคลาสิคในแบบหนึ่งแต่เราหยุดโลกเอาไว้ไม่ได้ ดังนั้นพอมาถึงยุคนี้เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ในยุคนี้จะทำได้
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-คุณหมอพงศกรอยู่ในวินาทีสุดท้ายของนิตยสารเยอะมาก คือได้อยู่จนเห็นมรณกรรมของนิตยสารหลายเล่ม เริ่มจากนิตยสารวอลลุ่มที่ปิดตัวเป็นเล่มแรก ๆ ก็ตกใจมาก คือไม่เคยคิดมาก่อนว่านิตยสารจะปิดตัว หลังจากนั้นก็สกุลไทย , ขวัญเรือน , พลอยแกมเพชร ล่าสุดก็คือนิตยสารแอตติจูดก็ปิดตัวไปอีกเล่มหนึ่งแล้ว
-คือว่าการอ่านยังคงอยู่ แต่ว่าพฤติกรรมของคนอ่านมันเปลี่ยนแปลงไป การอ่านหนังสือเล่มอาจจะไม่ตอบโจทย์ของคนรุ่นนี้ที่ชอบอะไรสั้นๆ กระชับ ฉับไว รวมทั้งความรวดเร็วในการสื่อสารกับคนเขียนด้วย
-งบโฆษณาต่างๆ จึงย้ายฐานตามไปด้วย จึงเป็นที่มาว่าเรามาทำนิตยสารออนไลน์กันดีกว่า พอมีคุณปิยะพร คุณกิ่งฉัตร และมีน้องๆ อีก 5 คนมาร่วมงานด้วยเราจึงอุ่นใจได้ว่าน่าจะไปได้
-สำหรับนวนิยายในเฟสแรกเรามี 10 เรื่อง ซึ่งเราได้รับเกียรติจากอาจารย์มาลา คำจันทร์ ที่เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และเป็นนักเขียนซีไรต์ด้วย อาจารย์มาลาเอานวนิยายเรื่องหนึ่งที่เขียนจบแล้วเตรียมจะให้ขวัญเรือน แต่ทางขวัญเรือนปิดตัวไปก่อน พอท่านทราบว่าเราจะทำนิตยสารออนไลน์ก็ให้นวนิยายเรื่องนี้มาเลย โดยไม่คิดเงินด้วย ซึ่งเราสัญญาว่าเราจะทำการบ้านกันเรื่องรายได้ คือถ้าเรามีรายได้แล้วเราจะไม่ลืมคนที่มีพระคุณต่อเราเลย
-นอกจากนั้นยังมีนวนิยายจากคุณหมอพงศกร , คุณปิยะพร , คุณกิ่งฉัตร และนวนิยายจากนักเขียนอื่นๆ อีกเช่น คุณทอม สิริ , คุณภัสรสา ,คุณกานต์ , คุณนาคเหรา , คุณปองวุฒิ และคุณปราปต์
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่าถ้าเกิดมีคนที่อ่านนวนิยายแล้วติดใจ อยากจะซื้อเป็นหนังสือเล่มเก็บไว้เขาจะต้องทำอย่างไรดี?
คุณกิ่งฉัตร
-คือนวนิยายทุกเรื่องที่ลงในอ่านเอา พอลงจบเรื่องแล้วจะมีการรวมเล่มออกมา แต่จะกระจายกันไปพิมพ์ตามสำนักพิมพ์ของตัวเอง คือของคุณหมอพงศกรก็จะพิมพ์กับทางกรุ๊ฟ พับลิชชิ่ง , ของคุณกิ่งฉัตรจะพิมพ์กับสำนักพิมพ์ลูกองุ่น , ของคุณปิยะพร จะพิมพ์กับทางสำนักพิมพ์อมรินทร์ ฯลฯ
-คือนักเขียนจะกลับไปสู่จุดเดิม เพราะว่า anowl.co จะเหมือนกับนิตยสารมาก พอเอานวนิยายมาลงเป็นตอนๆ พอจบก็เอากลับไปพิมพ์รวมเล่มได้เลย ตัวลิขสิทธิ์ในเรื่องเราไม่ได้ถือไว้ ถ้าใครอ่านไม่ทันในออนไลน์ก็สามารถตามหาซื้อหนังสือเล่มไปอ่านได้
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามถึงความต้องการของคนอ่าน ที่อยากจะให้เปลี่ยนแปลงตอนจบ ไม่อยากให้คนนี้ตาย ไม่อยากให้คนนี้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้จบแบบนี้ ถ้าเกิดมีกรณีแบบนี้ทางเรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?
คุณปิยะพร
-ในสมัยก่อนเคยมีแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่พอได้รับฟีดแบ็คหรือคำแนะนำกลับมาจากผู้อ่าน มันล่าช้าไปแล้ว บางครั้งผ่านไป 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่งเราเขียนตอนต่อไปแล้ว มันจึงเปลี่ยนแปลงตามที่คนอ่านต้องการไม่ได้ แต่ในยุคสมัยนี้ฟีดแบ็คแบบนี้จะเร็วขึ้นแน่ ซึ่งตัวนักเขียนเองต้องเตรียมตัวล่วงหน้าไว้รับสถานการณ์ในแบบนี้ได้เลย
-ตัวนักเขียนเองจะต้องเป็นคนที่ประสาทแข็งอย่างที่สุด แม้ว่าข้อมูลจะมีเข้ามาถล่มทลายอย่างไรก็ตามถ้านักเขียนวางโครงเรื่องเอาไว้มั่นคงแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องตามที่คนอ่านต้องการได้แน่
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-พอมันเป็นนิตยสารออนไลน์มันจะมีข้อดีตรงที่ว่า พอมันมีฟีดแบ็คก็แสดงว่ามีคนติดตาม และเราได้เห็นมุมมองของคนอ่าน ชอบหรือไม่ชอบมันต้องมีอยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดเราจะได้รู้ว่าความรู้สึกของนักอ่านที่มีต่อเรื่องของเรามันเป็นอย่างไร และเรา (นักเขียน) สามารถพูดคุยตอบโต้กับผู้อ่านได้อย่างทันทีเลย
-ในเฟสแรกเรามีนวนิยายจากนักเขียน 10 ท่านให้ได้อ่านกัน มีคนถามว่าในอนาคตจะมีนักเขียนอื่นเพิ่มขึ้นอีกไหม? ในกรณีแบบนี้เราต้องบอกว่าตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้น เราเพิ่งตลอด เรายังไม่แข็งแรง ขอให้เราเติบโตและแข็งแรงมากกว่านี้ก่อน คือสามารถดูแลคนอื่นได้เราถึงจะเชิญนักเขียนท่านอื่นๆ มาเพิ่มเติมอีก
เกิดใหม่ > กลายเป็น > “อ่านเอา” = นิตยสารออนไลน์ฉบับวรรณกรรม
วันนี้ขอเชิญเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับเว็บไซต์สำหรับอ่านนิยายแห่งใหม่ ที่มีจุดเด่นตรงที่เว็บนี้มีนวนิยายของนักเขียนชื่อดังหลายเรื่อง แต่ละเรื่องท่านสามารถคลิกเข้าไปอ่านกันได้ฟรี ไม่ต้องเสียจ่ายใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญที่สุดมีการอัพเดทลงตอนใหม่ให้ท่านได้อ่านกันตลอด เรียกได้ว่าทั้งทันสมัย ทันเวลา และทันใจของนักอ่านในยุคนี้เลย
ด้วยพฤติกรรมการอ่านที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดการล้มหายตายจากของนิตยสารเล่มต่างๆ ที่แต่ละหัวทยอยปิดตัวลงไปตามๆ กัน ในวันนี้เนื้อหาต่างๆ ที่เคยอยู่ในนิตยสารพวกนั้นได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว เปลี่ยนแปลงกลายเป็นนิตยสารออนไลน์แทน ซึ่งในวันนี้เราจะขอพูดถึง “อ่านเอา” anowl.co นิตยสารออนไลน์ฉบับวรรณกรรมที่เพียบพร้อมไปด้วยนวนิยายดีๆ หลายเรื่อง รวมทั้งเนื้อหาต่างๆ ที่น่าสนใจที่เคยปรากฎอยู่ในนิตยสารเล่ม วันนี้ทีมงาน “อ่านเอา” ได้รวบรวมเอานักเขียนและคอนเทนต์ดีๆ มากมายมาไว้ในนิตยสารออนไลน์ฉบับนี้
โดยรายละเอียดที่ผมจะขอพูดถึงในวันนี้ เป็นการพูดคุยในงานเสวนาเปิดตัวเว็บไซต์นิตยสารออนไลน์ anowl.co ที่มีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2561 บนเวทีเอเทรียม ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 46 โดยเป็นการพูดคุยกับผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 3 ท่านคือ 1. คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม 2. คุณหมอพงศกร 3. คุณกิ่งฉัตร เว็บไซต์ “อ่านเอา” นี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นเว็บสำหรับอ่านนิยายอย่างเดียว แต่ยังรวบรวมเอาคอนเทนต์ล้ำๆ ทันสมัยในแนวอื่นๆ ที่ไม่ใช่นิยายเอาไว้ด้วย
(รายละเอียดจากการเสวนา ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ โดยมีการคัดตัดย่อเพื่อเขียนสรุปเป็นประเด็น ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด หรือคาดเคลื่อนไปจากที่ท่านวิทยากรพูด ผมก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
คุณหมอพงศกร
-เราคิดกันว่าจะร่วมกันทำเว็บไซต์สำหรับการอ่านขึ้นมา โดยเรามีหุ้นส่วนทั้งหมด 8 คน ซึ่งแต่ละคนจะมีความรับผิดชอบในหน้าที่แตกต่างกันออกไป
-ตอนที่เราคิดชื่อเว็บไซต์ เราก็เลือกมาหลายชื่อ อาทิเช่น ธาราลัย , เอนกเขนก , เดอะรีดเดอร์ ฯลฯ ได้ชื่อมาเยอะแต่ชื่อที่ชนะเลิศเป็นชื่อที่คุณปิยะพรตั้ง
@@@@@@@@@@
คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม
-ชื่อเว็บว่า “อ่านเอา” นี้คิดได้ตอนที่อยู่ในสถานที่สงบเงียบ คือตอนที่กำลังเข้าห้องน้ำ ปกติเวลาที่คิดอะไรยังไม่ออกจะเข้าห้องน้ำสระผมทันที แล้วก็จะคิดออกได้เอง ตอนที่คิดก็อยากได้ชื่อเว็บที่อ่านได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (เพราะอยากได้ชื่อ URL เป็นภาษาอังกฤษ) และต้องมีความหมายที่ดีด้วย
-แล้วก็มาได้คำว่า “อ่านเอา” ที่มาจากอ่านเอาเรื่อง อ่านเอารัก อ่านเอารู้ ที่แปลได้หลายความหมาย ส่วนพอเป็นภาษาอังกฤษชื่อเว็บว่า owl แปลว่านกฮูก
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-นกฮูกมันเป็นสัญลักษณ์ของความรู้ ความฉลาด ดังนั้นชื่อนี้จึงตอบโจทย์เราได้ทันทีในคำๆ เดียว
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่า ทำไมถึงสร้างเว็บนี้ขึ้นมามีจุดประสงค์อย่างไร?
คุณกิ่งฉัตร
-ตอนนี้พอมีกระแสอินเตอร์เน็ตเข้ามา มีอีบุ๊ค มีออนไลน์ ทำให้นิตยสารทยอยปิดตัวกันเยอะ นักเขียนจึงขาดพื้นที่ในการเผยแพร่ผลงาน เราจึงคิดกันว่ามันถึงจุดที่เปลี่ยนแปลงแล้ว เราจึงคิดว่ามาทำนิตยสารออนไลน์กันดีกว่า แล้วตัวคุณหมอพงศกรเองก็มีความคิดอยากทำนิตยสารมานานแล้วด้วย
-เราจึงลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อปรับตัวไปพร้อมกับกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ตัวเราเป็นนักเขียนไม่ใช่เป็นนักธุรกิจ อะไรที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เกี่ยวกับไอที เกี่ยวกับโปรแกรม ฯลฯ เราจะไม่ถนัดเลย
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-คือเริ่มต้นจากที่พวกเรามีคอนเทนต์ที่ดีแล้ว แต่เรายังกังวลเรื่องระบบ เรื่องการจัดการเว็บไซต์ เราจึงมีน้องๆ อีกกลุ่มหนึ่งมาช่วยดูแลหลังบ้านให้เรา รวมทั้งการทำกิจกรรมพิเศษที่จะมีขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งจะมีน้องๆ เขามาช่วยในจุดนี้ด้วย
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่า อ่านเอาไม่ใช่อีบุ๊ค แต่เป็นนิตยสารออนไลน์ ดังนั้นคนอ่านเข้ามาอ่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายไหม?
คุณปิยะพร
-คนอ่านสามารถเข้าเว็บเข้าเราได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เราต้องการทำให้ anowl.co เป็นศูนย์รวมของนักอ่านและนักเขียน เราจะไม่รบกวนนักอ่าน เราจะทำเป็นฟรีคอนเทนต์ทั้งหมด เราหวังว่าจะมีนักอ่านเข้ามากันเยอะๆ เราจะได้มีโฆษณา จะได้มีรายได้ จะได้อยู่รอดได้
-เราอยากให้คนอ่านได้เข้ามาอ่านคอนทนต์ของเราที่มีความหลากหลาย เพื่อเป็นการชดเชยที่นิตยสารต่างๆ ทยอยปิดตัวกันไป พอไม่มีนิตยสารนักเขียนก็เหงา ก็รู้สึกว้าหว่ คนอ่านเองก็คิดถึงนักเขียน อยากจะอ่านเรื่องของนักเขียนคนโปรด นักเขียนและนักอ่านต่างก็คิดถึงกัน เราจึงตัดสินใจทำ anowl.co ขึ้นมา
พิธีกรถามถึงยุครุ่งเรืองของวงการสื่อสิ่งพิมพ์ ในยุคสมัยที่นิตยสารกำลังเฟื่องฟู ตอนนั้นบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง? อยากจะให้แต่ละท่านเล่าให้ฟังหน่อย
คุณปิยะพร
-คุณปิยะพรเป็นคนที่อยู่ในวงการนิตยสารนานที่สุด (นานกว่าคุณหมอพงศกรและคุณกิ่งฉัตร) เคยเขียนเรื่องลงสกุลไทยครั้งแรกนานมากแล้ว ได้เห็นบรรยากาศของการเขียนเรื่องลงทีละตอนในนิตยสาร ในยุคนั้นต้องบอกว่านิตยสารรุ่งเรืองมาก โดยสมัยนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้อ่านกับนักเขียนคือการเขียนจดหมายมาคุยกัน บรรยากาศโดยรวมถือว่ามีความสุขมาก
-ในสมัยก่อนถ้าเรื่องของเราได้ลงนิตยสารแสดงว่าเรื่องของเราดี เรามีฝีมือพอตัว เพราะนิตยสารเขามีบรรณาธิการคอยกลั่นกรองเรื่อง คอยดูแลให้เราว่าเหมาะสมหรือยัง ควรต้องลงเรื่องในจังหวะไหนถึงจะดี ทำให้เราประทับใจบทบาทของบรรณาธิการมาตลอด เราจึงตัดสินใจว่าทำเว็บ “อ่านเอา” นี้
-จริงๆ แล้วยังมีเว็บไซต์อีกหลายๆ เว็บ ที่ลงนิยายให้อ่านกันฟรี เนื่องจากแพล็ตฟอร์มทางไอทีมันกว้างมาก มันเปิดโอกาสให้ใครก็ได้เอานิยายมาลงก็ได้ แต่เราพยายามจะสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้อ่าน โดยมาที่นี่ที่เดียวสามารถอ่านเรื่องที่มีคุณภาพได้ เรื่องที่เราเอาลง anowl.co ทุกเรื่องจะเป็นเรื่องที่เราคัดสรรมาอย่างดีแล้ว
-คุณสุภัทร สวัสดิรักษ์ (อดีตบรรณาธิการบริหาร นิตยสารสกุลไทย ผู้ล่วงลับ) เคยบอกไว้ว่า “นิตยสารหนึ่งเล่มก็เหมือนข้าว 1 สำรับ ที่จะต้องมีทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด ให้อร่อยครบรส ครบเครื่อง ต้องมีผลไม้ มีของหวานด้วย” เราจึงตั้งใจทำ “อ่านเอา” ให้เป็นแบบนี้ด้วย คือคนอ่านเข้ามาอ่านแล้วได้อ่านเรื่องที่หลากหลายครบรส โดยไม่ต้องกระโดดลงไปในทะเลแห่งคอนเทนต์แล้วก็ดำลงไป งม หากันเอาเอง
-จึงรู้สึกว่าเวลามันเปลี่ยน จากยุคสมัยก่อนที่มีความคลาสิคในแบบหนึ่งแต่เราหยุดโลกเอาไว้ไม่ได้ ดังนั้นพอมาถึงยุคนี้เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ในยุคนี้จะทำได้
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-คุณหมอพงศกรอยู่ในวินาทีสุดท้ายของนิตยสารเยอะมาก คือได้อยู่จนเห็นมรณกรรมของนิตยสารหลายเล่ม เริ่มจากนิตยสารวอลลุ่มที่ปิดตัวเป็นเล่มแรก ๆ ก็ตกใจมาก คือไม่เคยคิดมาก่อนว่านิตยสารจะปิดตัว หลังจากนั้นก็สกุลไทย , ขวัญเรือน , พลอยแกมเพชร ล่าสุดก็คือนิตยสารแอตติจูดก็ปิดตัวไปอีกเล่มหนึ่งแล้ว
-คือว่าการอ่านยังคงอยู่ แต่ว่าพฤติกรรมของคนอ่านมันเปลี่ยนแปลงไป การอ่านหนังสือเล่มอาจจะไม่ตอบโจทย์ของคนรุ่นนี้ที่ชอบอะไรสั้นๆ กระชับ ฉับไว รวมทั้งความรวดเร็วในการสื่อสารกับคนเขียนด้วย
-งบโฆษณาต่างๆ จึงย้ายฐานตามไปด้วย จึงเป็นที่มาว่าเรามาทำนิตยสารออนไลน์กันดีกว่า พอมีคุณปิยะพร คุณกิ่งฉัตร และมีน้องๆ อีก 5 คนมาร่วมงานด้วยเราจึงอุ่นใจได้ว่าน่าจะไปได้
-สำหรับนวนิยายในเฟสแรกเรามี 10 เรื่อง ซึ่งเราได้รับเกียรติจากอาจารย์มาลา คำจันทร์ ที่เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และเป็นนักเขียนซีไรต์ด้วย อาจารย์มาลาเอานวนิยายเรื่องหนึ่งที่เขียนจบแล้วเตรียมจะให้ขวัญเรือน แต่ทางขวัญเรือนปิดตัวไปก่อน พอท่านทราบว่าเราจะทำนิตยสารออนไลน์ก็ให้นวนิยายเรื่องนี้มาเลย โดยไม่คิดเงินด้วย ซึ่งเราสัญญาว่าเราจะทำการบ้านกันเรื่องรายได้ คือถ้าเรามีรายได้แล้วเราจะไม่ลืมคนที่มีพระคุณต่อเราเลย
-นอกจากนั้นยังมีนวนิยายจากคุณหมอพงศกร , คุณปิยะพร , คุณกิ่งฉัตร และนวนิยายจากนักเขียนอื่นๆ อีกเช่น คุณทอม สิริ , คุณภัสรสา ,คุณกานต์ , คุณนาคเหรา , คุณปองวุฒิ และคุณปราปต์
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่าถ้าเกิดมีคนที่อ่านนวนิยายแล้วติดใจ อยากจะซื้อเป็นหนังสือเล่มเก็บไว้เขาจะต้องทำอย่างไรดี?
คุณกิ่งฉัตร
-คือนวนิยายทุกเรื่องที่ลงในอ่านเอา พอลงจบเรื่องแล้วจะมีการรวมเล่มออกมา แต่จะกระจายกันไปพิมพ์ตามสำนักพิมพ์ของตัวเอง คือของคุณหมอพงศกรก็จะพิมพ์กับทางกรุ๊ฟ พับลิชชิ่ง , ของคุณกิ่งฉัตรจะพิมพ์กับสำนักพิมพ์ลูกองุ่น , ของคุณปิยะพร จะพิมพ์กับทางสำนักพิมพ์อมรินทร์ ฯลฯ
-คือนักเขียนจะกลับไปสู่จุดเดิม เพราะว่า anowl.co จะเหมือนกับนิตยสารมาก พอเอานวนิยายมาลงเป็นตอนๆ พอจบก็เอากลับไปพิมพ์รวมเล่มได้เลย ตัวลิขสิทธิ์ในเรื่องเราไม่ได้ถือไว้ ถ้าใครอ่านไม่ทันในออนไลน์ก็สามารถตามหาซื้อหนังสือเล่มไปอ่านได้
@@@@@@@@@@
พิธีกรถามถึงความต้องการของคนอ่าน ที่อยากจะให้เปลี่ยนแปลงตอนจบ ไม่อยากให้คนนี้ตาย ไม่อยากให้คนนี้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้จบแบบนี้ ถ้าเกิดมีกรณีแบบนี้ทางเรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?
คุณปิยะพร
-ในสมัยก่อนเคยมีแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่พอได้รับฟีดแบ็คหรือคำแนะนำกลับมาจากผู้อ่าน มันล่าช้าไปแล้ว บางครั้งผ่านไป 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่งเราเขียนตอนต่อไปแล้ว มันจึงเปลี่ยนแปลงตามที่คนอ่านต้องการไม่ได้ แต่ในยุคสมัยนี้ฟีดแบ็คแบบนี้จะเร็วขึ้นแน่ ซึ่งตัวนักเขียนเองต้องเตรียมตัวล่วงหน้าไว้รับสถานการณ์ในแบบนี้ได้เลย
-ตัวนักเขียนเองจะต้องเป็นคนที่ประสาทแข็งอย่างที่สุด แม้ว่าข้อมูลจะมีเข้ามาถล่มทลายอย่างไรก็ตามถ้านักเขียนวางโครงเรื่องเอาไว้มั่นคงแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องตามที่คนอ่านต้องการได้แน่
@@@@@@@@@@
คุณหมอพงศกร
-พอมันเป็นนิตยสารออนไลน์มันจะมีข้อดีตรงที่ว่า พอมันมีฟีดแบ็คก็แสดงว่ามีคนติดตาม และเราได้เห็นมุมมองของคนอ่าน ชอบหรือไม่ชอบมันต้องมีอยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดเราจะได้รู้ว่าความรู้สึกของนักอ่านที่มีต่อเรื่องของเรามันเป็นอย่างไร และเรา (นักเขียน) สามารถพูดคุยตอบโต้กับผู้อ่านได้อย่างทันทีเลย
-ในเฟสแรกเรามีนวนิยายจากนักเขียน 10 ท่านให้ได้อ่านกัน มีคนถามว่าในอนาคตจะมีนักเขียนอื่นเพิ่มขึ้นอีกไหม? ในกรณีแบบนี้เราต้องบอกว่าตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้น เราเพิ่งตลอด เรายังไม่แข็งแรง ขอให้เราเติบโตและแข็งแรงมากกว่านี้ก่อน คือสามารถดูแลคนอื่นได้เราถึงจะเชิญนักเขียนท่านอื่นๆ มาเพิ่มเติมอีก