ทาดา า า า า ทาแด่มมมมมมในที่สุดก็ถึงเวลาว่างซักทีหลังจากที่ก่อนได้วีซ่าพยายามค้นหาปี 2017 แล้วเจอบ้างไม่เจอบ้าง
มาวันนี้จึงอยากมารีวิวตั้งแต่เริ่มมมมมจนจบบ!!!
เอาละมันก็อาจจะไม่ได้ยากมาก เนื่องจาก จขกท ใช้งานผ่าน เอเจนซี่ แต่มันวุ่นวายตรงขั้นตอนการขอเอกสารนี้ละเจ้าค่ะ เอาเป็นข้อๆไปแลวกัน
1. หาโรงเรียน
-ขั้นตอนนี้ไม่ยาก เนื่องจากเรารู้จุดประะสงค์ของเราที่จะไปอยู่ก่อนแล้ว ว่าอยากได้ระดับภาษาขนาดไหน ถูกแพงแค่ไหน ซึ่งในเรื่องนี้เราสามารถที่จะปรึกษาผ่านเอเจนซี่ได้ว่าเรามีความต้องการแบบไหน ซึ่งเดาได้ว่าทุกเอเจนซี่ก็ต้องอยากได้โรงเรียนแพงๆไว้ก่อน แต่เราก็สามารถเลือกได้นะว่าเราอยากได้แบบไหน อย่าเอออ่อออไปซะหมด อยากเรียนต่อด้านไหนเป็นพิเศษ รีเควสสสสสสไปให้หมด เดี๋ยวเขาจะลิสสสสรายการมาให้เอง จบบบ
2. อาจมีสอบวัดระดับภาษาถ้าเราไม่มีผลสอบ
-แน่นอนว่าตอนนี้ออสเตรเลียไปยากกว่าแต่ก่อนมากการปฎิเสธวีซ่าก็สูงขึ้น ทำให้ทางโรงเรียนหรือทางสถานฑูตสามารถขอดูหลักฐานเราได้ทุกอย่างที่เขาต้องการซึ่งหากเราไม่เคยสอบ IELTS หรือการสอบอื่นๆเขาจึงมักจะให้เราสอบข้อเขียนของทางโรงเรียนเอง ซึ่งข้อสอบก็มียากง่ายปะปนกันไป ไม่ต้องซีรียสสสสมากก็ได้
-แต่ของเราต้องส่ง Resume กับ Statement of Purpose และหลักฐานการเงินของผู้ออกค่าใช้จ่ายไปให้ทางโรงเรียนดูด้วยก่อนด้วยซึ่งอันนี้เอเจนซี่ไม่ได้แจ้งว่าขอดูทำไม แต่เราก็ส่งไปให้ ตัว Statement of Purpose เราเขียนไปคร่าวๆนอกนั้นทางเอเจนซี่ไปแก้ไขให้ดูสวยๆเพิ่มเติมให้ ดีจริมๆ
3. โอนเงิน
-เมื่อเรารอจนได้ Offer Letter จากทางโรงเรียนเราก็ตองทำการโอนเงินไปที่เอเจนซี่เพื่อให้เขาจ่ายค่าเรียนให้ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ว่าคิดอัตราการแลกเปลี่ยนเท่าไรของค่าเงินในตอนนั้น
4.เตรียมหลักฐานยื่นขอวีซ่ากับทางสถานฑูต
4.1 สำเนา Passport เล่มปัจจุบันและเล่มเก่าพร้อมหน้าการเดินทางทั้งหมดที่เคยไป
4.2 สำเนาทะเบียนบ้าน แปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.3 ใบ Transcript ระบุวันเข้าเรียน วันจบการศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ
4.4 หนังสือรับรองการจบการศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ
4.5 หนังสือรับรองการทำงาน ระบุตำแหน่ง เงินเดือน เป็นภาษาอังกฤษ กรณีคนทำงานแล้ว
4.6 สำเนาบัตรประชาชนแปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.7 สำเนา Passport ของผู้ออกค่าใช้จ่ายในการไป
4.8 สำเนาบัตรประชาชนของผู้ออกค่าใช้จ่าย แปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.9 สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ออกค่าใช้จ่ายแปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.10 หลักฐานการทำงานระบุตำแน่ง เงินเดือนของผู้ออกค่าใช้จ่ายแปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.11 Bank Letter ของผู้ออกค่าใช้จ่าย
4.12 Statement ของผู้ออกค่าใช้จ่าย
มันจะมีขั้นตอนการกรอกข้อมูลด้วย ซึ่งใครยื่นเองก็ต้องไปกรอกเอง แต่เราทางเอเจซี่ยื่นให้ เขาจึงกรอกให้หมด เราแค่เตรียมหลักฐานให้เขาก็พอ
5. เก็บลายนิ้วมือ Biometrics
- ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการเก็บหลักฐานทางชีวภาพของเราคือลายนิ้วมือและการถ่ายรูป ซึ่งต้องทำการนัดจองเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าถึงนัดก็ช้าเพราะคนเยอะมากกกกกกกกกก สถานที่เก็บประวัติ
ตึก The Trendy ขั้นตอนการเดินทาง
1. โดยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานี นานา ออกทางออก 3 เข้าซอยสุขุมวิท 13 เจอเซเว่นเดินตรงไปเรื่อยจะเจอตึกเลย
2.โดยรถไฟฟ้า MRT ขึ้นที่สถานีสุขุมวิทออกทางออก 3 เดินไปเรื่อยๆจนเจอซอย สุขุมวิท 13 ตามข้อ 1 จ้า
เมื่อไปถึงต้องไปยื่นบัตรนัดที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์หน้าร้านกาแฟ TOM N TOM (ยื่นก่อนได้ 10 นาทีเท่านั้น)จากนั้นเดินเลยไปขึ้นลิฟท์ที่ด้านหลังไปชั้น 28 แล้วก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่เขาแนะนำเลยจ้าาา ซึ่งตึกนี้รับยื่นหลายประเทศ แต่ก็มีขั้นตอนมีเจ้าหน้าที่แจ้งตลอดไม่ต้องกลัวเน้อ ไปทำคนเดียวได้สบายๆ
6. ขั้นตอนการตรวจร่างกาย
-จากนั้นสถานฑูตจะออกใบให้เราไปตรวจร่างกาย E-medical ซึ่งโรงพยาบาลที่ตรวจร่างการสำหรับยื่นวีซ่าออสเตรเลียมีดังนี้
1. BNH Hospital
9/1, Convent Road, Silom Bangkok 10500, Thailand
Tel : (+662) 686-2700
Fax : (+662) 632-0577-79
Website : www.BNHhospital.com
2. Bangkok Hospital
2 Soi Soonvijai 7, New Petchaburi Rd., Bangkok, Thailand 10310
Tel.(+66) 2310-3000
Website : www.bangkokhospital.com
*กรุณาโทรนัดหมายล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วันสำหรับ ร.พ. กรุงเทพ
3. Internatonal Organization for Migration (IOM)
8th floor, Kasemkij Building 120, Silom Bangkok 10500, Thailand
Tel : (+662) 234-7950 or ext 7951, 7952, 7953, 7954
Fax : (+662) 234-7956
Website :
http://th.iom.int/
4. Chiangmai Ram Hospital
8 Boonruangrit Road A.Muang Chiangmai 50200
Tel : +66 53 920 300
Fax : +66 53 224 880
Website : www.chiangmairam.com
5. Bangkok Hospital Phuket
2/1 Hongyok –utis Road Taladyai, Muang Phuket 83000
Tel : +66 76 25 4421
Fax : +66 76 25 4421 extension 1351
Website : www.phukethospital.com
6. Aek Udon International Hospital
555/5 Posri Road Amphur Muang Udonthani 41000
Tel : +66 42 342 555
Fax : +66 42 341 033
Website : www.aekudon.com
ส่วนเรื่องราคาก็แล้วแต่ละโรงพยาบาลนะไม่เท่ากัน ข้อมูลนี้เราเอามาจาก Internet หากผิดพลาดขออภัยมานะที่นี้จ้าาาาาา
ส่วนขั้นตอนการตรวจสุขภาพก็ไม่มีอะไรมาก ดื่มน้ำไปมากๆก่อนตรวจ ผู้หญิงควรให้หมดประจำเดือนก่อนอย่างน้อย 7 วัน
ขั้นแรกก็ยื่นเอกสารบอกว่ามาตรวจสุขภาพไปออสเตรเลีย จากนั้นพยาบาลจะพาเราทำทุกอย่างเอง อ่อ เอกสารที่ต้องนำไปคือใบนัดตรวจร่างกายที่ออกโดยสถานฑูตห้ามลืมเด็ดขาด !!! แล้วก็ Passport หลังจากนั้นเมื่อพบคุณหมอ คุณหมอจะทำการส่งผลตรวจออนไลน์ไปที่สถานฑูตภายใน 48 ชม.เอง
7.ขั้นตอนการรอ
-จากนั้นเราอาจจะได้รับโทรศัพท์จากสถานฑูตโทรมาสัมภาษณ์ ซึ่งช่วงนี้เราต้องพกโทรศัพท์ไว้ข้างกายตลอดเวลา เราต้องทราบข้อมูลคร่าวๆ ของงโรงเรียนที่เราจะไป พยายามทำการบ้านให้เยอะที่สุด พยายามสงบนิ่งก่อนรับสายตั้งนะโมสามจบก่อนก็ได้
แต่ของเราไม่โดนสัมนะ พอเราตรวจร่างกายเสร็จ อีก 3 วันถัดมา สถานฑูตก็ผ่านวีซ่าให้เราเลย ยิปปี้ !!!!!
8.จองตั๋วสิค่ะ รออะไร
-จากนั้นเมื่อได้วีซ่าเราก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งข้อดีของวีซ่านักเรียนสามารถจองตั๋วแบบ One way ticket ได้ อันนี้ก็แล้วแต่งบของแต่ละคนเลยว่าอยากไปแบบไหน สะดวกแบบไหน ชอบแอร์สายการบินไหน อ่อ ไม่ใช่เนอะ ฮ่าๆ
เห้อ อ อ อ จบละนึกว่าจะยาว แต่ไม่ยาวเท่าไร ขอโทษที่บางคำอาจฟังแปลกๆเพราะเราพิมพ์เองเรายังว่าแปลกเลย แค่อยากมาแชร์ขั้นตอนการได้มาซึ่งวีซ่าเฉยๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละเอเจนซี่ที่เราเลือกไป ยังไงหวังว่ามันคงเป็นประโยน์บ้างนะ ซัก 0.99 % ก็ยังดี ฮ่าาาา
ใครมีอะไรจะถามหลังไมค์มาได้เลยยยจ้าาา
[CR] รีวิว"ขั้นตอนการขอวีซ่านักเรียนออสเตรเลียปี 2018"
มาวันนี้จึงอยากมารีวิวตั้งแต่เริ่มมมมมจนจบบ!!!
เอาละมันก็อาจจะไม่ได้ยากมาก เนื่องจาก จขกท ใช้งานผ่าน เอเจนซี่ แต่มันวุ่นวายตรงขั้นตอนการขอเอกสารนี้ละเจ้าค่ะ เอาเป็นข้อๆไปแลวกัน
1. หาโรงเรียน
-ขั้นตอนนี้ไม่ยาก เนื่องจากเรารู้จุดประะสงค์ของเราที่จะไปอยู่ก่อนแล้ว ว่าอยากได้ระดับภาษาขนาดไหน ถูกแพงแค่ไหน ซึ่งในเรื่องนี้เราสามารถที่จะปรึกษาผ่านเอเจนซี่ได้ว่าเรามีความต้องการแบบไหน ซึ่งเดาได้ว่าทุกเอเจนซี่ก็ต้องอยากได้โรงเรียนแพงๆไว้ก่อน แต่เราก็สามารถเลือกได้นะว่าเราอยากได้แบบไหน อย่าเอออ่อออไปซะหมด อยากเรียนต่อด้านไหนเป็นพิเศษ รีเควสสสสสสไปให้หมด เดี๋ยวเขาจะลิสสสสรายการมาให้เอง จบบบ
2. อาจมีสอบวัดระดับภาษาถ้าเราไม่มีผลสอบ
-แน่นอนว่าตอนนี้ออสเตรเลียไปยากกว่าแต่ก่อนมากการปฎิเสธวีซ่าก็สูงขึ้น ทำให้ทางโรงเรียนหรือทางสถานฑูตสามารถขอดูหลักฐานเราได้ทุกอย่างที่เขาต้องการซึ่งหากเราไม่เคยสอบ IELTS หรือการสอบอื่นๆเขาจึงมักจะให้เราสอบข้อเขียนของทางโรงเรียนเอง ซึ่งข้อสอบก็มียากง่ายปะปนกันไป ไม่ต้องซีรียสสสสมากก็ได้
-แต่ของเราต้องส่ง Resume กับ Statement of Purpose และหลักฐานการเงินของผู้ออกค่าใช้จ่ายไปให้ทางโรงเรียนดูด้วยก่อนด้วยซึ่งอันนี้เอเจนซี่ไม่ได้แจ้งว่าขอดูทำไม แต่เราก็ส่งไปให้ ตัว Statement of Purpose เราเขียนไปคร่าวๆนอกนั้นทางเอเจนซี่ไปแก้ไขให้ดูสวยๆเพิ่มเติมให้ ดีจริมๆ
3. โอนเงิน
-เมื่อเรารอจนได้ Offer Letter จากทางโรงเรียนเราก็ตองทำการโอนเงินไปที่เอเจนซี่เพื่อให้เขาจ่ายค่าเรียนให้ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ว่าคิดอัตราการแลกเปลี่ยนเท่าไรของค่าเงินในตอนนั้น
4.เตรียมหลักฐานยื่นขอวีซ่ากับทางสถานฑูต
4.1 สำเนา Passport เล่มปัจจุบันและเล่มเก่าพร้อมหน้าการเดินทางทั้งหมดที่เคยไป
4.2 สำเนาทะเบียนบ้าน แปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.3 ใบ Transcript ระบุวันเข้าเรียน วันจบการศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ
4.4 หนังสือรับรองการจบการศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ
4.5 หนังสือรับรองการทำงาน ระบุตำแหน่ง เงินเดือน เป็นภาษาอังกฤษ กรณีคนทำงานแล้ว
4.6 สำเนาบัตรประชาชนแปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.7 สำเนา Passport ของผู้ออกค่าใช้จ่ายในการไป
4.8 สำเนาบัตรประชาชนของผู้ออกค่าใช้จ่าย แปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.9 สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ออกค่าใช้จ่ายแปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.10 หลักฐานการทำงานระบุตำแน่ง เงินเดือนของผู้ออกค่าใช้จ่ายแปลเป็นภาษาอังกฤษ
4.11 Bank Letter ของผู้ออกค่าใช้จ่าย
4.12 Statement ของผู้ออกค่าใช้จ่าย
มันจะมีขั้นตอนการกรอกข้อมูลด้วย ซึ่งใครยื่นเองก็ต้องไปกรอกเอง แต่เราทางเอเจซี่ยื่นให้ เขาจึงกรอกให้หมด เราแค่เตรียมหลักฐานให้เขาก็พอ
5. เก็บลายนิ้วมือ Biometrics
- ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการเก็บหลักฐานทางชีวภาพของเราคือลายนิ้วมือและการถ่ายรูป ซึ่งต้องทำการนัดจองเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าถึงนัดก็ช้าเพราะคนเยอะมากกกกกกกกกก สถานที่เก็บประวัติ
ตึก The Trendy ขั้นตอนการเดินทาง
1. โดยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานี นานา ออกทางออก 3 เข้าซอยสุขุมวิท 13 เจอเซเว่นเดินตรงไปเรื่อยจะเจอตึกเลย
2.โดยรถไฟฟ้า MRT ขึ้นที่สถานีสุขุมวิทออกทางออก 3 เดินไปเรื่อยๆจนเจอซอย สุขุมวิท 13 ตามข้อ 1 จ้า
เมื่อไปถึงต้องไปยื่นบัตรนัดที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์หน้าร้านกาแฟ TOM N TOM (ยื่นก่อนได้ 10 นาทีเท่านั้น)จากนั้นเดินเลยไปขึ้นลิฟท์ที่ด้านหลังไปชั้น 28 แล้วก็ทำตามที่เจ้าหน้าที่เขาแนะนำเลยจ้าาา ซึ่งตึกนี้รับยื่นหลายประเทศ แต่ก็มีขั้นตอนมีเจ้าหน้าที่แจ้งตลอดไม่ต้องกลัวเน้อ ไปทำคนเดียวได้สบายๆ
6. ขั้นตอนการตรวจร่างกาย
-จากนั้นสถานฑูตจะออกใบให้เราไปตรวจร่างกาย E-medical ซึ่งโรงพยาบาลที่ตรวจร่างการสำหรับยื่นวีซ่าออสเตรเลียมีดังนี้
1. BNH Hospital
9/1, Convent Road, Silom Bangkok 10500, Thailand
Tel : (+662) 686-2700
Fax : (+662) 632-0577-79
Website : www.BNHhospital.com
2. Bangkok Hospital
2 Soi Soonvijai 7, New Petchaburi Rd., Bangkok, Thailand 10310
Tel.(+66) 2310-3000
Website : www.bangkokhospital.com
*กรุณาโทรนัดหมายล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วันสำหรับ ร.พ. กรุงเทพ
3. Internatonal Organization for Migration (IOM)
8th floor, Kasemkij Building 120, Silom Bangkok 10500, Thailand
Tel : (+662) 234-7950 or ext 7951, 7952, 7953, 7954
Fax : (+662) 234-7956
Website : http://th.iom.int/
4. Chiangmai Ram Hospital
8 Boonruangrit Road A.Muang Chiangmai 50200
Tel : +66 53 920 300
Fax : +66 53 224 880
Website : www.chiangmairam.com
5. Bangkok Hospital Phuket
2/1 Hongyok –utis Road Taladyai, Muang Phuket 83000
Tel : +66 76 25 4421
Fax : +66 76 25 4421 extension 1351
Website : www.phukethospital.com
6. Aek Udon International Hospital
555/5 Posri Road Amphur Muang Udonthani 41000
Tel : +66 42 342 555
Fax : +66 42 341 033
Website : www.aekudon.com
ส่วนเรื่องราคาก็แล้วแต่ละโรงพยาบาลนะไม่เท่ากัน ข้อมูลนี้เราเอามาจาก Internet หากผิดพลาดขออภัยมานะที่นี้จ้าาาาาา
ส่วนขั้นตอนการตรวจสุขภาพก็ไม่มีอะไรมาก ดื่มน้ำไปมากๆก่อนตรวจ ผู้หญิงควรให้หมดประจำเดือนก่อนอย่างน้อย 7 วัน
ขั้นแรกก็ยื่นเอกสารบอกว่ามาตรวจสุขภาพไปออสเตรเลีย จากนั้นพยาบาลจะพาเราทำทุกอย่างเอง อ่อ เอกสารที่ต้องนำไปคือใบนัดตรวจร่างกายที่ออกโดยสถานฑูตห้ามลืมเด็ดขาด !!! แล้วก็ Passport หลังจากนั้นเมื่อพบคุณหมอ คุณหมอจะทำการส่งผลตรวจออนไลน์ไปที่สถานฑูตภายใน 48 ชม.เอง
7.ขั้นตอนการรอ
-จากนั้นเราอาจจะได้รับโทรศัพท์จากสถานฑูตโทรมาสัมภาษณ์ ซึ่งช่วงนี้เราต้องพกโทรศัพท์ไว้ข้างกายตลอดเวลา เราต้องทราบข้อมูลคร่าวๆ ของงโรงเรียนที่เราจะไป พยายามทำการบ้านให้เยอะที่สุด พยายามสงบนิ่งก่อนรับสายตั้งนะโมสามจบก่อนก็ได้
แต่ของเราไม่โดนสัมนะ พอเราตรวจร่างกายเสร็จ อีก 3 วันถัดมา สถานฑูตก็ผ่านวีซ่าให้เราเลย ยิปปี้ !!!!!
8.จองตั๋วสิค่ะ รออะไร
-จากนั้นเมื่อได้วีซ่าเราก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งข้อดีของวีซ่านักเรียนสามารถจองตั๋วแบบ One way ticket ได้ อันนี้ก็แล้วแต่งบของแต่ละคนเลยว่าอยากไปแบบไหน สะดวกแบบไหน ชอบแอร์สายการบินไหน อ่อ ไม่ใช่เนอะ ฮ่าๆ
เห้อ อ อ อ จบละนึกว่าจะยาว แต่ไม่ยาวเท่าไร ขอโทษที่บางคำอาจฟังแปลกๆเพราะเราพิมพ์เองเรายังว่าแปลกเลย แค่อยากมาแชร์ขั้นตอนการได้มาซึ่งวีซ่าเฉยๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละเอเจนซี่ที่เราเลือกไป ยังไงหวังว่ามันคงเป็นประโยน์บ้างนะ ซัก 0.99 % ก็ยังดี ฮ่าาาา
ใครมีอะไรจะถามหลังไมค์มาได้เลยยยจ้าาา