ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ (๑) ๙ พ.ย.๖๐

กระทู้สนทนา
สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเหนือ

ตอนที่ ๑ แม่ทัพซึ่งมีแต่ลางแพ้

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อครั้งที่ โจโฉ หนี ตั๋งโต๊ะ ออกมาจากเมืองหลวง เพื่อจะรวบรวมพลพรรคกลับไปช่วย พระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้พ้นเงื้อมมือ ของมหาอุปราชผู้ชั่วร้ายคนแรกนั้น มีหัวเมืองเข้ามาร่วมขบวนด้วยถึงสิบหกหัวเมือง ในจำนวนนั้นต่อมาก็ได้แตกแยกรบพุ่งฆ่าฟันกันเอง จนร่อยหรอลงไปเหลือเพียงสามก๊ก คือก๊กของ ซุนเกี๋ยน ซึ่งสืบสายต่อมาถึงซุนเซ็ก และลงท้าย ซุนกวน ก็ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้อยู่ที่เมืองกังตั๋งฝ่ายใต้ ก๊ก กองซุนจ้าน ตกทอดมาถึง เล่าปี่ ซึ่งตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ที่เมืองเสฉวนฝ่ายตะวันตก และก๊กของ โจโฉนั้น สุดท้าย โจผี ลูกชายคนโตก็ชิงราชสมบัติจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขึ้นเป็นฮ่องเต้เสียเองตั้งตัวเป็นฮ่องเต้อยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง ฝ่ายเหนือจรดตะวันออก

ถ้าเอ่ยชื่อ อ้วนเสี้ยว ก็คงไม่ค่อยมีใครในกระบวนผู้ที่อ่านสามก๊กจะให้ ความสนใจมากนัก ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขาเคยเป็นใหญ่อยู่ในฝ่ายเหนือ เมื่อครั้งรวม พลพรรคทั้งสิบเจ็ดกลุ่ม เพื่อกำจัดตั๋งโต๊ะ โจโฉก็เลือกเขาผู้นี้เป็นแม่ทัพใหญ่ เพราะเห็น ว่าเคยเป็นคู่คิดกันมา ตั้งแต่ยังรับราชการเป็นนายทหารในเมืองหลวงมาก่อน แต่เขาก็
ไม่สามารถนำกองทัพอันใหญ่โต มีกำลังพลกว่าสามสิบหมื่น เข้าตีตั๋งโต๊ะให้พ่ายแพ้ไปได้

เมื่ออ้วนเสี้ยวเห็นว่าจะคุมกองทัพจับฉ่ายทั้งสิบเจ็ดหัวเมืองไว้ไม่อยู่แน่เขาก็พาทหารของเขา ถอยจากเมืองหลวงที่ล้อมไว้เฉย ๆ ไปอยู่ที่เมืองโห้ลาย ซึ่งเป็นเมืองเล็กนิดเดียว เมื่อ ฮันฮก เจ้าเมืองกิจิ๋วรู้ข่าวก็จัดเสบียงให้ทหารคุมไปส่งเสีย เพราะนับถือกันมาก่อนที่จะเป็นเจ้าเมือง ลิ่วล้อของอ้วนเสี้ยวก็ยุว่า อย่ามัวรอกินเสบียง ของเขาอยู่เลย เรามีรี้พลมากมายคิดตีเอาเมืองกิจิ๋วเสียเลยจะดีกว่า อ้วนเสี้ยวก็เห็นดีด้วย แต่ก็กระดากใจอยู่บ้าง จึงมีหนังสือลับไปถึงกองซุนจ้านพันธมิตรเก่า ให้ยกทัพมาตีเมืองกิจิ๋ว จะช่วยตีกระหนาบให้ ถ้าได้เมืองแล้วจะแบ่งทรัพย์สมบัติให้กึ่งหนึ่ง ครั้นพอกองซุนจ้านรับคำ ก็แต่งหนังสือไปบอกฮันฮกว่า กองซุนจ้านจะยกทัพมาตีเมืองกิจิ๋ว แล้วจะทำอย่างไร
ฮันฮกหารือกับเหล่าที่ปรึกษาแล้ว เห็นว่ากองซุนจ้านมีทหารเอกฝีมือดี อยู่หลายคนเช่น เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เห็นท่าจะสู้ไม่ไหว ควรเชิญอ้วนเสี้ยวมาช่วยกัน
รักษาเมืองดีกว่า แต่มีอยู่คนหนึ่งชื่อ เก๋งบู เตือนสติว่า

"......อ้วนเสี้ยวนั้นเป็นคนสิ้นความคิดอยู่แล้ว ซึ่งได้ตั้งตัวเลี้ยงทหารอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะท่านส่งเสบียง อุปมาเหมือนทารก ถ้ามารดามิให้นมกินแล้วทารกนั้นก็จะสิ้นแรงไปเอง ซึ่งท่านจะให้อ้วนเสี้ยวมาช่วยรักษาบ้านเมือง เหมือนจับเสือเอามาปล่อยไว้ในฝูงเนื้อ เนื้อทั้งปวงก็จะมีอันตรายเป็นมั่นคง....."

ฮันฮกก็ไม่เชื่อ ยกเอาความนับถือกันเป็นใหญ่ ก็สั่งให้คนถือหนังสือไปเชิญอ้วนเสี้ยวตามความคิดเดิม

เก๋งบูกับขุนนางอีกสามสิบสองคนที่ไม่เห็นด้วย ก็พากันลาออกไปอยู่บ้านกันหมด แต่เก๋งบูยังหวังดีต่อบ้านเมืองอยู่ จึงชวน ก้วนซุน ไปคอยดักอ้วนเสี้ยวอยู่ที่ประตูเมือง พออ้วนเสี้ยวผ่านเข้ามา ก็ชักกระบี่จะเข้าไปฆ่าเสีย แต่ไม่ทันสองทหารเอกของอ้วนเสี้ยวคือ งันเหลียง กับ บุนทิว ซึ่งถอดกระบี่ออก วิ่งเข้าไปป้องกันไว้ แล้วก็ฟันสองเกลอผู้หวังดี ตายเป็นศพไปทั้งคู่

พออ้วนเสี้ยวเข้าเมืองได้ก็ตั้งตัวเป็นเจ้าเมือง ส่วนฮันฮกนั้นให้เป็นแค่ นายทหารเอก แล้วถอดขุนนางเก่าออกหมด จากนั้นให้ เตียนห้อง จอสิว เขาฮิว ฮองกี๋ ซึ่งเป็นนายทหารของตน เป็นขุนนางแทนคนเก่า และราชการงานเมืองทั้งปวงก็ตกเป็น
สิทธิ์ขาดแก่อ้วนเสี้ยวหมดสิ้น ฮันฮกรู้ตัวว่าคิดผิดไปแล้ว จึงทิ้งบุตรภรรยาหนีไปอยู่ที่เมืองตันลิวแต่ผู้เดียว

ฝ่ายกองซุนจ้าน เมื่อรู้ข่าวว่าอ้วนเสี้ยวได้เมืองกิจิ๋วอย่างง่ายดายแล้วก็ให้ กองซุนฮวด น้องชายไปขอแบ่งทรัพย์สินตามสัญญา อ้วนเสี้ยวก็ว่าให้ไปเชิญพี่ชายมา
พบกัน แต่พอกองซุนฮวดกลับไปได้กลางทาง ก็โดนทหารที่แอบอ้างว่าเป็นของมหาอุปราชตั๋งโต๊ะ ล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์ตายเกือบเกลี้ยง

กองซุนจ้านรู้ข่าวจากทหารที่แตกหนีมา ก็รู้ว่าเป็นอุบายของอ้วนเสี้ยวจึงยกทหารมาจะแก้แค้น อ้วนเสี้ยวก็ยกไปตั้งรับอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำพวนโห้ ซึ่งมีสะพานศิลากว้างใหญ่ทอดเชื่อมสองฝั่งอยู่ กองทัพทั้งสองจึงรบกันบนสะพานนั้น งันเหลียงกับบุนทิว ทหารเอกของอ้วนเสี้ยวมีฝีมือเก่งกล้า ก็ตีทัพกองซุนจ้านถอยตกสะพานเลยเข้าป่าไปหลายตำบล

จนถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ม้าที่กองซุนจ้านขี่ก็สะดุดก้อนหินล้มลง บุนทิวเงื้อทวนจะแทง ก็พอดีมีทหารคนหนึ่งสูงประมาณหกศอก หน้าผากและคิ้วใหญ่ ตาโต ควบม้ารำทวนเข้ามาสกัดไว้ กองซุนจ้านจึงได้รอดชีวิต ขุนทวนทั้งคู่รบกันอยู่ถึงหกสิบเพลง ก็ไม่แพ้ชนะแก่กัน แต่บุนทิวต้องเป็นฝ่ายถอยหนีไปบ้าง กองซุนจ้านจึงได้รู้จักว่าผู้ช่วยชีวิตนั้นชื่อ จูล่ง แซ่เตียว บ้านอยู่เมืองเสียงสัน

ตั้งแต่นั้นจูล่งก็ช่วยกองซุนจ้าน เข้าตีกองทัพของอ้วนเสี้ยว ผลัดกันรุกผลัดกันถอยหลายตลบ แต่ตัวจูล่งนั้นฆ่านายทหารของอ้วนเสี้ยวเสียหลายคน ซึ่งท่านได้บรรยายไว้ในฉบับหลวงว่า

"....ขับม้าไปทางขวาก็ขวาแตก ไปทางซ้ายก็ซ้ายแตก หาผู้ใดจะต้านทานมิได้....."

จนกระทั่งเล่าปี่กวนอูเตียวหุยยกมาช่วยอีกสามแรง จึงยกกองทัพไปตั้งยันคนละฝั่งแม่น้ำได้เดือนเศษ ก็มีหนังสือของตั๋งโต๊ะ อ้างรับสั่งของพระเจ้าเหี้ยนเต้มาห้ามทัพไว้ ทั้งสองฝ่ายจึงแยกทัพกลับบ้านเมืองของตน อ้วนเสี้ยวก็เลยครอง เมืองกิจิ๋วสบายแฮไป

ต่อมาอีกเป็นเวลานานมาก จนโจโฉตั้งตัวเป็นใหญ่ทางตะวันออก แล้วยกทัพไปช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้พ้นภัยจาก ลิฉุย กุยกี สองลูกน้องผู้ครองอำนาจต่อจากตั๋งโต๊ะได้เรียบร้อย จนย้ายเมืองหลวงไปตั้งอยู่ที่เมืองฮูโต๋แล้ว อ้วนเสี้ยวเกิดอยากจะไปรบกับกองซุนจ้าน ล้างแค้นเก่าที่เมืองปักเป๋ง จึงมีหนังสือไปขอทหารและเสบียงจากโจโฉในฐานะเพื่อนเก่า แต่เบ่งสำทับไปด้วยว่า ถ้าไม่ให้จะยกมาตีเมืองฮูโต๋แทน

ฝ่ายโจโฉก็รู้ทันว่า อ้วนเสี้ยวนั้นคิดจะมาตีเมืองฮูโต๋อยู่นานแล้ว ตั้งแต่
โจโฉยกทัพไปปราบปรามใครต่อใครอยู่นาน แต่มัวคิดช้าไปโจโฉกลับมาเสียก่อน ก็เลยแก้เกี้ยวเป็นการขอการสนับสนุนให้ไปตีกองซุนจ้าน โจโฉเองก็อยากจะยกไปตีเมืองกิจิ๋ว จับอ้วนเสี้ยวฆ่าเสียด้วยซ้ำไป แต่เกรงใจว่าทหารมีน้อยกว่า และเพิ่งไปรบกลับมายังอิดโรยอยู่

กุยแก ที่ปรึกษาของโจโฉจึงว่า ถึงจะมีทหารน้อยกว่าอ้วนเสี้ยว แต่ถ้าคิดจะรบก็จะได้ชัยชนะ เพราะมีคุณสมบัติเหนือกว่าถึงสิบประการ แล้วก็ลงมือแจกแจงในรายละเอียดอย่างยืดยาว ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลักษณะนิสัยที่แท้จริงของขุนพลทั้งสองนัก เพราะยกแต่ความดีเด่นของโจโฉเพียงด้านเดียว ส่วนอ้วนเสี้ยวนั้นยกแต่ข้อเสียซึ่งตรงข้ามกับโจโฉทุกประการเพียงด้านเดียว คือ

หนึ่ง อ้วนเสี้ยวเป็นคนถืออิสริยยศมิได้เอาความคิดผู้ใด

สอง อ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบช้าทำการโดยโวหาร

สาม อ้วนเสี้ยวจะว่ากิจการใดมิสิทธิขาด

สี่ อ้วนเสี้ยวเห็นแก่ญาติพี่น้องของตัว มิว่ากล่าวตามผิดและชอบ

ห้า อ้วนเสี้ยวจะคิดการสิ่งใดมักกลับเอาดีเป็นร้ายเอาร้ายเป็นดีมิได้เชื่อใจตัว
หก อ้วนเสี้ยวจะเลี้ยงผู้ใดมิได้ปกติต่อหน้าว่ารักลับหลังว่าชัง

เจ็ด อ้วนเสี้ยวมักรักคนชิดซึ่งประสมประสานผู้ใดห่างเหินถึงซื่อสัตย์ก็มีใจชัง
แปด อ้วนเสี้ยวกระทำความผิดต่าง ๆ เพราะฟังคำยุยง

เก้า อ้วนเสี้ยวจะทำการสิ่งใดเอาแต่อำเภอใจ มิได้ทำตามอย่างธรรมเนียมโบราณ
สิบ อ้วนเสี้ยวมิได้รู้กลศึก แต่มักพอใจทำการศึกล่อลวง จะชนะก็ไม่รู้จะแพ้ก็ไม่รู้

โจโฉได้ฟังที่ปรึกษายกยอปอปั้นตนเอง และเหยียบย่ำฝ่ายตรงข้ามเสีย ยับเยินดังนั้น ก็หัวร่อร่า ตกลงแต่งหนังสือเป็นรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตั้งให้อ้วนเสี้ยวได้
เป็นเจ้าเมืองกิจิ๋ว และเปงจิ๋ว อิจิ๋ว เซียงจิ๋ว รวมสี่เมือง แล้วให้ยกไปตีกองซุนจ้านได้ตามสบาย ตนจะยกไปช่วยทีหลัง

อ้วนเสี้ยวก็ดีใจ รีบยกไปคิดบัญชีกับคู่แค้นเก่าที่เมืองปักเป๋งทันที โดยตีดะผ่านเมืองเล็กเมืองน้อยรายทางไปด้วย กองซุนจ้านยกทหารออกรบปะทะหลายครั้ง ก็ไม่สามารถต้านทานกำลังทหารของอ้วนเสี้ยวได้ จึงตั้งรับด้วยวิธีกวาดข้าวปลาอาหารมาไว้ในเมืองเป็นอันมาก แล้วก็เกณฑ์ทหารให้รักษาเชิงเทินไว้เป็นมั่นคง แล้วแต่งหนังสือกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ขอกองทัพไปช่วย

ทหารอ้วนเสี้ยวที่ล้อมเมืองอยู่ ก็จับผู้ถือหนังสือเสียก่อนไม่ถึงเมืองหลวง ต่อมาให้คนถือหนังสือไปขอให้ เตียวเอี๋ยน ยกกองทัพมาช่วยก็ถูกทหารของ อ้วนเสี้ยวจับได้อีก จึงจัดทหารเป็นสองกองยกไปซุ่มไว้ ส่วนกองกลางทำท่าจะเข้าตี
ทลายกำแพงเมืองเข้าไป แล้วให้ทหารจุดเพลิงไว้ไกลค่ายประมาณสามสิบเส้น ทำเป็น
ว่าทหารเตียวเอี๋ยนยกมาช่วยแล้ว

กองซุนจ้านเห็นตรงตามที่นัด ก็เปิดประตูเมืองยกทหารตีกระหนาบออกไป ทหารอ้วนเสี้ยวที่เข้าตีหน้าเมืองก็ถอย แล้วจุดประทัดสัญญาณให้ทหารสองกองที่ซุ่มดักอยู่ ตีกระหนาบเข้ามาทั้งสองข้าง ฆ่าฟันทหารของกองซุนจ้านล้มตายลงเป็นอันมาก ตัวกองซุนจ้านนั้นหนีเข้าเมืองได้ แต่อ้วนเสี้ยวก็ให้ทหารขุดอุโมงค์เข้ามาโผล่ในเมืองแล้วจุดไฟเผาเมืองขึ้น กองซุนจ้านเห็นจวนตัว ก็ฆ่าบุตรภรรยาเสีย แล้วก็เชือดคอตนเองตายตามไปด้วย

ในขณะนั้น จูล่งซึ่งไม่ชอบใจกองซุนจ้าน ที่ทำการรบโดยไม่เชื่อฟังคำ
แนะนำของที่ปรึกษาจนพ่ายแพ้ต้องถอยเข้าเมือง จึงหนีไปเป็นโจรอยู่ที่เขาโงจิวสัน ส่วนเล่าปี่กวนอูเตียวหุย ก็มัวแต่ไปรับราชการอยู่ในเมืองหลวง หลังจากที่มีความดีความชอบช่วยโจโฉรบชนะ ลิโป้ จึงไม่มีโอกาสได้ช่วยเพื่อนเก่า มารู้ข่าวก็เมื่อสายเสียแล้ว

กองซุนจ้าน ผู้มีคุณแก่เล่าปี่เป็นคนแรก จึงต้องปราชัยแก่อ้วนเสี้ยว แม่ทัพที่ลิ่วล้อของโจโฉดูหมิ่นฝีมือ ไปตามเวรตามกรรมของตนแต่ผู้เดียว.

##############
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่