สวัสดีค่ะ เราไม่ขอเอยนามแล้วกันนะคะแค่อยากมาเล่าประสบการณ์การเสียเพื่อนที่รู้ใจเพียงคนเดียวมาเล่าให้ฟังค่ะ
ตอนนี้กำลัเรียนอยู่ม.5ค่ะ มีเพื่อนสนิทที่เรียนอยู่ด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งตอนนี้ค่ะ (ช่วงม.2-ม.3โดนจับแยกห้องค่ะ) เราเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆกันเลยค่ะ สนิทที่ชนิดว่ารู้ขนาดไซส์เสื้อผ้ากัน อาหารที่ชอบไม่ชอบ และอื่นๆค่ะ เพื่อนคนนี้เป็นคนคิดมากค่ะ(คิดมากจนเป็นไมเกรนเลย) ช่วงม.ต้นไม่ค่อยซีค่ะเพราะต่างคนต่างติดเรียนซึ้งสายเราเรียนหนักกว่าสายเขาเลยไม่ค่อยมีเวลาคุยกันค่ะ จะนัดเจอกันแค่ตอนไปเยี่ยมครูที่โรงเรียนเก่า แต่ช่วงที่พลิกผันให้ต้องเสียเพื่อนไปเลยคือช่วงนี้เลยค่ะช่วงม.5เทอม2 เราไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ จากที่เคยคุยกับเราตลอดกลายเป็นตีตัวออกห่างไปคุยกับเพื่อนใหม่ เปลี่ยนจากคนที่อ่อนโยนเป็นคนที่แกร่งและโหด จากคนที่พูดสุภาพตลอดเวลาไม่ว่าจะเพื่อนนอกห้องหรือในห้องเป็นคนที่พูดคำหยาบตลอดเวลา จากคนที่อารมณ์เย็นเป็นคนอารณ์ร้อนและหงุดหงิดมากขึ้น(ซึ้งความหงุดหงิดนะ เขาหงุดหงิดกับเราแค่คนเดียว *ย้ำเลยค่ะว่าแค่เราคนเดียว) จนวันหนึ่งอยู่ๆเขาก็ขึ้นเสียงใส่เราค่ะ ขึ้นเสียงแบบเราไม่รู้เรื่องอะไรเลยแล้วอยู่ๆก็ขึ้นเสียงใส่ เราก็ไม่เอะใจค่ะ ก็ออกห่างคิดว่าเราคงทำอะไรผิดสักอย่างแหละรอให้หายใจเย็นก่อนแล้วค่อยคุยกัน จนเวลาผ่านไปประมาณสองอาทิตย์ค่ะซึ้งอาทิตย์นั่นเป็นการซ้อมแข่งงาน แล้วไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ จะคุยกันแค่คำสองคำ ซึ้งแต่ละคำที่พูดมาก็ประมาณว่า ไม่อยู่อีกแล้วสินะ (แต่ใส่อารมณ์เหมือนคนเกลียดกันมากกว่าที่จะพูดดีๆใส่กันอ่ะคะ) เราก็พยักหน้าตอบค่ะ จนวันที่พลิกผันให้เราต้องกลายเป็นคนไม่มีเพื่อนสนิทเลยคือวันก่อนคริสมาสสองวันค่ะเราจำวันนั้นได้ดี วันนั้นเขาเรียกเราไปคุยสองคนอ่ะ คุยประมาณว่าคุยให้จบๆกันไปเลย ซึ้งเรายืนฟังเขาตลอดค่ะ เพราะมันจุกจนพูดไม่ออก เขาพูดว่า "เราขอไปอยู่กับเพื่อนกลุ่มนั้นนะ เขาให้คำปรึกษาที่ดีกว่าเธอให้คำปรึกษาที่เป็นทางการที่มันไม่สามารถเป็นความจริงได้(เราเอะใจเลยค่ะ ถ้าคำปรึกษาที่ให้ไปดูเป็นทางดารแล้วทำไมไม่บอกล่ะ พอเราให้อันที่ดูค่อนข้างจะเป็นไปได้ก็กลับบอกว่าทำไม่ได้หรอก ไม่เอาดีกว่าคือไร?) เราไม่อยากอยู่กับเธอแล้วอ่ะ เธอทำตัวเหินห่างเรามากเกินไป เธอดูไม่เหมือนคนเดิม" ประมาณนี้ เราคิดในใจว่าเราไปห่างเหินตอนไหน ใช่ตอนที่ซ้อมแข่งหรือเปล่าแต่ใครกันแน่ที่เหินห่างก่อนกัน ใครกันแน่ที่ดูเปลี่ยนไป เรายืนฟังเขาพูดแล้วคิดไปด้วย แล้วให้คำปรึกษาที่ดีกว่านี้ยังไง มันดูว่าเฟคไปหรอ วันนั้นเราคุยกับเขาเสร้จเรายืนร้องไห้หนักมากค่ะ เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จนเพื่อนที่นั่งเล่นอยู่ข้างนอกเดินเข้ามาหา มาปลอบ เรายิ่งร้องใหญ่เลยค่ะ เพื่อนบอกว่าให้ใจเย็นๆมีอะไรก็คุยกันดีๆซึ้งตอนนั้นเราไม่รู้จะคุยอะไรเลยค่ะ มันจุกเข้าไปข้างในลึกมาก...จนกระทั้งปัจจุบันตอนนี้เลยค่ะ ตอนนี้ยังนั่งเรียนข้างๆกันนะคะโต๊ะที่เรานั่งเป็นแถวสามแถวค่ะ นั่งสามคน ถามว่าอึดอัดไหมอึดอัดมาก เพื่อนต่างห้องก็เข้ามาถามว่าช่วงนี้ไม่เห็นไปไหนด้วยกันเลยเห็นคนนั้นอยู่กับอีกกลุ่มหนึ่ง เราก็ตอบไปว่าไม่ค่อยคุยกัน มีเรื่องนิดหน่อย ช่วงนี้เลยตีตัวออกห่างจากเขาค่ะ กลายเป็สัมภเวสีไม่มีที่ไปเลยค่ะ เวลากินข้าวนี้ต้องไปกินกับคนนู้นทีคนนี้ที
*เลยอยากทราบว่าเราทำถูกไหมที่ตีตัวออกห่างจากเขา
*เราผิดไหมที่ให้คำปรึกษาที่เป็นทางการกับเขามากเกินไป
*เราไปกินข้าวกับคนอื่นนี้เขาจะมองว่าเราติดเพื่อนใหม่ไหม
#อีกอย่างค่ะเขาหาว่าเราไปนินทาเขา ซึ้งเราไม่เคยนินทาเขาเลยค่ะ ไม่เคยแม้แต่สักครั้ง มีแต่นินทาเพื่อนในห้องที่ไม่ค่อยได้เข้าเรียนเท่านั้นเอง
#มีคนบอกว่าเขาอาจจะโดนเป่าหูจากเพื่อนกลุ่มใหม่ก็ได้ เพราะกลุ่มนี้เขาไม่ค่อยชอบเพื่อนคนที่มาปลอบเราสักเท่าไร
#ตอนนี่เขากลายเป็นคนที่แต่งหน้ามาโรงเรียนทุกวันเลยคะทั้งๆที่เขาไม่เคยจับเครื่องสำอางค์
#ขอบคุณทุกคนที่เขามาอ่านนะคะ #มาแบ่งปันประสบการณ์น่าเจ็บปวดด้วยกันเถอะคะ #ขออภัยนะคะถ้าหากใช้คะ ค่ะ ไม่ถูกต้อง
ใครเคยเสียเพื่อนสนิทที่คบกันมาได้10กว่าปีบ้างค่ะ
ตอนนี้กำลัเรียนอยู่ม.5ค่ะ มีเพื่อนสนิทที่เรียนอยู่ด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งตอนนี้ค่ะ (ช่วงม.2-ม.3โดนจับแยกห้องค่ะ) เราเป็นเพื่อนที่สนิทมากๆกันเลยค่ะ สนิทที่ชนิดว่ารู้ขนาดไซส์เสื้อผ้ากัน อาหารที่ชอบไม่ชอบ และอื่นๆค่ะ เพื่อนคนนี้เป็นคนคิดมากค่ะ(คิดมากจนเป็นไมเกรนเลย) ช่วงม.ต้นไม่ค่อยซีค่ะเพราะต่างคนต่างติดเรียนซึ้งสายเราเรียนหนักกว่าสายเขาเลยไม่ค่อยมีเวลาคุยกันค่ะ จะนัดเจอกันแค่ตอนไปเยี่ยมครูที่โรงเรียนเก่า แต่ช่วงที่พลิกผันให้ต้องเสียเพื่อนไปเลยคือช่วงนี้เลยค่ะช่วงม.5เทอม2 เราไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ จากที่เคยคุยกับเราตลอดกลายเป็นตีตัวออกห่างไปคุยกับเพื่อนใหม่ เปลี่ยนจากคนที่อ่อนโยนเป็นคนที่แกร่งและโหด จากคนที่พูดสุภาพตลอดเวลาไม่ว่าจะเพื่อนนอกห้องหรือในห้องเป็นคนที่พูดคำหยาบตลอดเวลา จากคนที่อารมณ์เย็นเป็นคนอารณ์ร้อนและหงุดหงิดมากขึ้น(ซึ้งความหงุดหงิดนะ เขาหงุดหงิดกับเราแค่คนเดียว *ย้ำเลยค่ะว่าแค่เราคนเดียว) จนวันหนึ่งอยู่ๆเขาก็ขึ้นเสียงใส่เราค่ะ ขึ้นเสียงแบบเราไม่รู้เรื่องอะไรเลยแล้วอยู่ๆก็ขึ้นเสียงใส่ เราก็ไม่เอะใจค่ะ ก็ออกห่างคิดว่าเราคงทำอะไรผิดสักอย่างแหละรอให้หายใจเย็นก่อนแล้วค่อยคุยกัน จนเวลาผ่านไปประมาณสองอาทิตย์ค่ะซึ้งอาทิตย์นั่นเป็นการซ้อมแข่งงาน แล้วไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ จะคุยกันแค่คำสองคำ ซึ้งแต่ละคำที่พูดมาก็ประมาณว่า ไม่อยู่อีกแล้วสินะ (แต่ใส่อารมณ์เหมือนคนเกลียดกันมากกว่าที่จะพูดดีๆใส่กันอ่ะคะ) เราก็พยักหน้าตอบค่ะ จนวันที่พลิกผันให้เราต้องกลายเป็นคนไม่มีเพื่อนสนิทเลยคือวันก่อนคริสมาสสองวันค่ะเราจำวันนั้นได้ดี วันนั้นเขาเรียกเราไปคุยสองคนอ่ะ คุยประมาณว่าคุยให้จบๆกันไปเลย ซึ้งเรายืนฟังเขาตลอดค่ะ เพราะมันจุกจนพูดไม่ออก เขาพูดว่า "เราขอไปอยู่กับเพื่อนกลุ่มนั้นนะ เขาให้คำปรึกษาที่ดีกว่าเธอให้คำปรึกษาที่เป็นทางการที่มันไม่สามารถเป็นความจริงได้(เราเอะใจเลยค่ะ ถ้าคำปรึกษาที่ให้ไปดูเป็นทางดารแล้วทำไมไม่บอกล่ะ พอเราให้อันที่ดูค่อนข้างจะเป็นไปได้ก็กลับบอกว่าทำไม่ได้หรอก ไม่เอาดีกว่าคือไร?) เราไม่อยากอยู่กับเธอแล้วอ่ะ เธอทำตัวเหินห่างเรามากเกินไป เธอดูไม่เหมือนคนเดิม" ประมาณนี้ เราคิดในใจว่าเราไปห่างเหินตอนไหน ใช่ตอนที่ซ้อมแข่งหรือเปล่าแต่ใครกันแน่ที่เหินห่างก่อนกัน ใครกันแน่ที่ดูเปลี่ยนไป เรายืนฟังเขาพูดแล้วคิดไปด้วย แล้วให้คำปรึกษาที่ดีกว่านี้ยังไง มันดูว่าเฟคไปหรอ วันนั้นเราคุยกับเขาเสร้จเรายืนร้องไห้หนักมากค่ะ เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จนเพื่อนที่นั่งเล่นอยู่ข้างนอกเดินเข้ามาหา มาปลอบ เรายิ่งร้องใหญ่เลยค่ะ เพื่อนบอกว่าให้ใจเย็นๆมีอะไรก็คุยกันดีๆซึ้งตอนนั้นเราไม่รู้จะคุยอะไรเลยค่ะ มันจุกเข้าไปข้างในลึกมาก...จนกระทั้งปัจจุบันตอนนี้เลยค่ะ ตอนนี้ยังนั่งเรียนข้างๆกันนะคะโต๊ะที่เรานั่งเป็นแถวสามแถวค่ะ นั่งสามคน ถามว่าอึดอัดไหมอึดอัดมาก เพื่อนต่างห้องก็เข้ามาถามว่าช่วงนี้ไม่เห็นไปไหนด้วยกันเลยเห็นคนนั้นอยู่กับอีกกลุ่มหนึ่ง เราก็ตอบไปว่าไม่ค่อยคุยกัน มีเรื่องนิดหน่อย ช่วงนี้เลยตีตัวออกห่างจากเขาค่ะ กลายเป็สัมภเวสีไม่มีที่ไปเลยค่ะ เวลากินข้าวนี้ต้องไปกินกับคนนู้นทีคนนี้ที
*เลยอยากทราบว่าเราทำถูกไหมที่ตีตัวออกห่างจากเขา
*เราผิดไหมที่ให้คำปรึกษาที่เป็นทางการกับเขามากเกินไป
*เราไปกินข้าวกับคนอื่นนี้เขาจะมองว่าเราติดเพื่อนใหม่ไหม
#อีกอย่างค่ะเขาหาว่าเราไปนินทาเขา ซึ้งเราไม่เคยนินทาเขาเลยค่ะ ไม่เคยแม้แต่สักครั้ง มีแต่นินทาเพื่อนในห้องที่ไม่ค่อยได้เข้าเรียนเท่านั้นเอง
#มีคนบอกว่าเขาอาจจะโดนเป่าหูจากเพื่อนกลุ่มใหม่ก็ได้ เพราะกลุ่มนี้เขาไม่ค่อยชอบเพื่อนคนที่มาปลอบเราสักเท่าไร
#ตอนนี่เขากลายเป็นคนที่แต่งหน้ามาโรงเรียนทุกวันเลยคะทั้งๆที่เขาไม่เคยจับเครื่องสำอางค์
#ขอบคุณทุกคนที่เขามาอ่านนะคะ #มาแบ่งปันประสบการณ์น่าเจ็บปวดด้วยกันเถอะคะ #ขออภัยนะคะถ้าหากใช้คะ ค่ะ ไม่ถูกต้อง