ขอบคุณที่รัก..ที่รักกัน...

สวัสดีค่ะ เราขอใช้กระทู้นี้ขอบคุณคนที่รัก...ที่รู้สึกดีๆ..ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา..ถึงแม้ว่าเค้าเหล่านั้นจะห่างหายไปจากชีวิตเราแล้ว..แล้วเราก็คงไม่สามารถติดต่ออะไรกันได้อีก ..ด้วยสถานะที่ต่างคนต่างก็มีอะไรหลายๆอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป..บางคนพยายามจะติดต่อมาเพื่อแสดงความห่วงใย หวังดี แต่เราก็ต้องปฏิเสธไปแบบไม่มีเยื่อใย ..เพราะสุดท้าย...เราเลือกแล้วค่ะ..เลยไม่อยากให้คนที่เราเลือกเสียใจอีกต่อไป..ขอให้เก็บไว้แต่ความทรงจำดีๆของเรานะคะ...เขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เหมือนการรื้อฟื้นความทรงจำ ทำให้คิดถึงคนในเหตุการณ์..ขอแทนความคิดถึง ถึงเกม..บอย..และ..พี่บีนะคะ...อมยิ้ม04อมยิ้ม04
มาแชร์ประสบการณ์ ความรักของเราเองค่ะ  เล่าเลยนะคะ
เราขอแทนตัวเองว่า ปอ นะคะ ย้อนไปไกลหน่อย15 ปีที่แล้วค่ะ สมัยเรียนม.ปลาย เราเรียนโรงเรียนต่างอำเภอค่ะ ต้องนั่งรถประจำ ใช้เวลาประมาณ45นาทีทุกวัน เรามีก๊วนเพื่อนที่ไปเรียนด้วยกัน นั่งรถคันเดียวกัน มีทั้งเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้องค่ะ แต่ห่างกันแค่ปีสองปี เลยสนิทกันมาก ขอแทนเพื่อนเป็น พี่นา กับน้อง เหมียวแล้วกันนะคะ พี่นามีแฟนเป็นเด็กเทคนิคค่ะ ตอนนั้นนางอยู่ม.6 เราอยู่ม.4 ก็แบบใสๆค่ะ เราเองก็มีแฟนนะคะ เรียนที่เดียวกันค่ะ ตอนนั้นแฟนเราเค้ามีปัญหาทางบ้าน แทนเค้าว่าเกมนะคะ เกมมีปัญหาในการใช้ชีวิตหลายอย่าง เรื่องทางบ้าน เรื่องที่เค้าเล่นยา (แอบรู้มาค่ะ เค้าปิดเรา) เรื่องเรียน เราคบกันแต่ไม่เคยแม้แต่จะจับมือกันนะคะ แบบว่าใสจริงๆค่ะ วาเลนไทน์แรกของเรา ก็แบบมีดอกไม้ให้ พร้อมกลอนในการ์ด (นึกภาพย้อนไป15ปีที่แล้วนะคะ ไม่มีมือถือค่ะ) แค่นี้ก็นอนอมยิ้มแล้วค่ะ จะได้คุยกันคือที่โรงเรียนเท่านั้น แต่พอเค้ามีปัญหา เค้าไม่ค่อยมาเรียนค่ะ ติดต่อกันก็ลำบาก ต้องคอยถามเพื่อนเราที่บ้านอยู่ใกล้ๆบ้านเค้า ว่าเค้าเป็นไงบ้าง เราอยากคุยกับเค้า เผื่อเป็นกำลังใจได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้คุยค่ะ เค้าขาดเรียนบ่อย และสุดท้ายก็ไม่มาเรียนอีกเลย เราเลยขอเพื่อนค่ะ ไปส่งเราหน่อยที่บ้านเค้า เราอยากรู้ว่าทำไมเค้าไม่มาเรียน เป็นห่วงอนาคตเค้าค่ะ แล้วก็อยากเจอด้วย เพื่อนก็ใจดีค่ะแว๊นพาเราไป ก็ไกลอยู่นะคะ 30กิโลกับการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ไปถึงบ้านเค้าค่ะ เค้างัวเงียออกมา พอเห็นเราแล้วแบบตาโต เฮ้ยมาได้ไง ก็คุยกันค่ะเค้าบอกไม่เรียนแล้ว จะช่วยงานที่บ้าน อะไรประมาณนี้ เราก็เลยถามเรื่องยา เราขอเค้าว่าไม่เรียนไม่เป็นไร แต่เลิกยาได้มั้ย เค้าก็รับปากค่ะ ก่อนกลับเราก็บอกอย่าเงียบอีกนะ ติดต่อกันบ้าง (ตอนนั้นเรามีมือถือแล้วค่ะ โมโตโลล่า มีเสาด้วย55) ผ่านไปหลายวันก็เงียบค่ะ ไม่มีการติดต่อ ไม่มีการบอกเลิก ค้างคาอยู่อย่างนั้นค่ะ
จนวันนึง เป็นวันเกิดของแฟนพี่นาค่ะ นางก็เลยขอให้เราไปเป็นเพื่อน เอาของขวัญไปให้แฟนนาง ไปถึงนี่แบบตาลุกวาว หนุ่มๆทั้งน้านนน 555 แฟนพี่นาก็ออกมารับของขวัญ พร้อมกับเพื่อนค่ะ แทนชื่อว่าพี่ทีละกันนะคะ(พระเอกของเรา ) เค้าก็มาทักเราค่ะ ระหว่างที่พี่นากำลังมุ้งมิ้งกับแฟนนาง
พี่ที : สวัสดีครับ
เรา : ค่ะ
พี่ที : น่ารักจัง ชื่ออะไรครับ
เรา : .....(คิดในใจ..น่ากลัวอ่ะ ผู้ชายดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สำหรับเรานี่ใหม่มากเลยนะ เพราะเจอแต่เด็กม.ต้น ม.ปลาย ใสๆ เล่นกีฬา ไรงี้ )
พี่ที : ไม่บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวถามนาเอาก็ได้ เข้าไปข้างในมั้ย กินอะไรก่อน
เรา : ไม่อ่ะค่ะ หันไปมองเจ๊นาของเรา นางก็ยังอวยพรกันไม่จบ
พี่ทีก็ชวนคุยค่ะ กลิ่นเหล้าจากตัวเค้า ทำให้รู้สึกเหมือนจะเมาตามค่ะ เค้าก็ถามนั่นโน่นนี่ จำไม่ค่อยได้แล้วค่ะ อารมณ์ประมาณแซวๆ จีบเผื่อติดไรงี้
จนเจ๊นาคุยกับแฟนเสร็จ ก็ชวนเรากลับ  ณ ตอนนั้นโล่งค่ะ คืออึดอัดมานาน เหมือนถูกสอบสัมภาษณ์ 55 พี่ทีก็แบบ ไว้เจอกันอีกนะครับ เราก็ได้แต่ยิ้มเป็นมารยาทค่ะ ออกมาสักพักเจ๊นาก็ถามเรา พี่ทีจีบหรอ มันสายโหดนะ นักเลงอ่ะ เราก็บอกเค้าก็แซวๆอ่ะเจ๊ ไม่หรอกมั้ง คงแซวสาวเป็นนิสัย
หลังจากวันนั้น เราก็เจอกันอีกค่ะ คราวนี้เป็นช่วงเย็นวันศุกร์ พี่นาก็นัดเจอกับแฟนเค้า เอาเราไปด้วยค่ะ ไม้กันแม่อย่างดี 555 เค้านัดไปคุยกันที่สวนสาธารณะค่ะ กินลมชมวิวเพลินๆ เราก็ชอบไปค่ะนั่งชิล ดีกว่าอยู่บ้านดูทีวี ไปถึงก็เจอแฟนเจ๊นาค่ะ กับเพื่อนๆเค้าอีก2-3คน บรรยายกาศเดิมค่ะ นั่งดื่ม ตอนนั้นคิดในใจว่า พี่คะนี่เรียนสาขาสุราศาสตร์กันหรอคะ กินได้ตลอดสิน่า 55 แล้วก็อย่างที่ทุกคนคิกค่ะ มีพี่ทีด้วย เดินยิ้มตาปิดมาหาเรา เราก็ยิ้มค่ะ เราเป็นคนยิ้มเก่ง เจอใครจะยิ้มแล้วก็พยักหน้าเล็กน้อย เราคิดว่า คงดีกว่าที่ใครจะเห็นหน้าบึ้งๆของเราค่ะ อีกอย่างรอยยิ้มไม่ต้องเสียเงินซื้อค่ะ เลยแจกยิ้มได้ตลอด เค้าก็เข้ามาทักเราค่ะ
พี่ที : เจอกันอีกแล้วนะ น้องปอ
เรา :  หันขวับเลยค่ะ เรียกชื่อถูกได้ไง เพิ่งเจอกันครั้งนี้ครั้งที่2เองค่ะ
พี่ที : แปลกใจหรอ ก็พี่อยากรู้จักเรา แล้วมันก็ไม่ยากตรงไหน (เออก็จริง เพื่อนเค้าก็แฟนเพื่อนเรา) มานั่งด้วยกันสิ
สวนสาธารณะ จะมีโต๊ะหินอ่อนให้นั่งพักค่ะ จุดประสงค์คงเพื่อพักผ่อนหลังจากการออกกำลังกาย แต่คุณๆเหล่านี้ใช้เป็นที่นัดดื่มค่ะ เราก็นั่งก็นั่งค่ะ เราจะนั่งข้างพี่นา แต่เค้าบอกนั่งข้างพี่ก็ได้ นาเค้าจะคุยกับแฟนเค้า สรุปเรานั่งข้างทั้งสองคนค่ะ 55
เรา : ค่ะ นั่งก็นั่ง
เพื่อนเค้าอีกหลายๆคนก็มองแบบงงๆว่าเราเป็นใคร แถมแซวกันตามประสาคนเมามั้งคะ ประมาณแบบน่ารักดี ไม่เคยเห็ยเลย ชื่ออะไร มีแฟนหรือยัง??
พี่ที : น้องเค้าชื่อปอ  น้องปอนี่เพื่อนพี่.....
เค้าก็แนะนำรอบวงเลยค่ะ เราก็ยกมือไหว้ทุกคน เราเป็นคนนิสัยแบบนี้ค่ะ แก่กว่าเรา เราไหว้หมด เคยประกวดมารยาทไทยค่ะ 555 เพื่อนเค้านี่แบบเขินเลยค่ะ คงไม่ค่อยเจอแบบเรามั้งคะ เพราะเค้าสายดื่มสายเที่ยว แต่เราเด็กเรียนอ่ะค่ะ แล้วเค้าก็แบบดุเพื่อนๆเค้า ประมาณว่า อย่าแซวเรามาก เพื่อนเค้าก็แซวค่ะ เมิงเป็นอะไรกับน้องเค้า (เออนั่นสิ..ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย)
ระหว่างนั้น เพื่อนๆเค้าก็คุยกันค่ะ เราก็นั่งนิ่งๆแอบฟัง พี่นาเค้ารู้จักเพื่อนๆแฟนเค้ากลุ่มนี้มาก่อนค่ะ ก็คุยกันไปไม่ได้เก้อเขินอะไร เราก็แบบมีแอบกระซิบถามว่าคนนี้ชื่ออะไร คนนั้นชื่ออะไร เพราะตอนพี่ทีแนะนำเราจำยังไม่ได้ค่ะ แอบมองหลายๆคนน่าตาดีมากๆ หัวใจกระชุ่มกระชวยค่ะ   ระหว่างนั้นรู้สึกเหมือนมือใหญ่ๆแอบมาวางข้างหลังค่ะ เหมือนโอบเรา แต่ไม่ได้โอบค่ะเค้าจับเก้าอี้ด้านหลังเรา เค้าบอกคอยไล่ยุงให้ เดี๋ยวยุงกัด (ร้ายไปนะ)
จนเราเห็นว่าใกล้ค่ำแล้ว ก็มองหน้ากับพี่นา เป็นที่รู้กันค่ะ ว่าจะกลับบ้าน ประมาณทุ่มได้ค่ะ เพราะเราไม่เคยกลับบ้านกันดึก (เด็กเรียนค่ะเด็กเรียน) พี่ทีเห็นเรากำลังจะกลับ เลยขอเวลาคุยกับเราสองคนค่ะ
พี่ที : พี่ถามอะไรหน่อยดิ มีแฟนหรือยัง
เรา : ................
พี่ที : ไม่ตอบ คือไม่มีใช่มั้ย
เรา : ..............
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันค่ะ ทั้งที่ไม่ชอบคนดื่ม แต่ทำไมไม่ปฏิเสธเค้าไปให้ชัดเจน แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกับเกมแล้ว เรียกได้ว่าเค้าหายออกไปจากชีวิตเราเลยค่ะ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้บอกเลิกกันเป็นเรื่องเป็นราว
พี่ที : หนูไม่ตอบงั้นพี่ถือว่าเราไม่มีแฟนนะ .. พี่ถามอีกคำถามเดียว เป็นแฟนกับพี่ได้มั้ย
เรา :     (ช๊อคหนักมากค่ะ ไม่คิดว่าเค้าจะขอเป็นแฟนแบบปัจจุบันทันด่วนอะไรขนาดนี้ โดนมนต์ดำเราไปแน่ๆ 55)
พี่ที : เงียบอีกแล้ว .. ยังไงดี
เออนั่นดิ ทำไมไม่ปฏิเสธเค้าไป ชั้นไม่ชอบนักเลง ชั้นไม่ชอบคนดื่ม ชั้นเป็นเด็กม.ปลาย ชั้นชอบนักบาส ชั้นชอบแบบใสๆ ไม่เถื่อนดิบ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันเหมือนแบบเสียดายอ่ะค่ะ ถ้าจะปฏิเสธพี่เค้าไป ต้องยอมรับเลยว่าส่วนหนึ่งก็รู้สึกดี เหมือนเค้าพยายามดูแลเรา ปกป้องเรา คือ เกมกับเราไม่เคยมีโมเม้นแบบนี้เลยค่ะ อีกอย่างเราก็ไม่มีใครจริงๆ ในเวลานั้น
เราคงอยู่กับความคิดตัวเองนานเกินไป พี่ทีเค้าเลยตัดบทเลยค่ะ
พี่ที : งั้นตกลงนะ เราลองคบกัน ตั้งแต่วันนี้นะ... มืดแล้วกลับบ้านเหอะ เดี๋ยวที่บ้านดุ ขับรถดีๆนะครับ เดี๋ยวพี่โทรหา (ค่ะฟังไม่ผิดค่ะ เดี๋ยวพี่โทรหานี่ พี่มีเบอร์แล้วหรอคะ ตอนไหน ยังไง 555)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่