แชร์ประสบการณ์ สมัครตัวแทนประกัน โดนรุ่นพี่ใช้บท Sale Talk ดูแล้วไม่จริงใจ เร่งให้ปิดการขาย เซ็ง!!!

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนหนึ่งนี่แหล่ะ ที่พอใกล้ๆสิ้นปีก็จะหาค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษี
แล้วก็สนใจเรื่อง "ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ที่ลดหย่อนได้" แล้วก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า แล้วจะซื้อแบบไหน
ของสถาบันไหนดีล่ะ ที่เหมาะกับตัวเราที่สุด แล้วก็ตามอ่านหลายๆกระทู้บอกว่า ลองไปสมัครเป็นตัวแทนดูสิ ไปลองสอบดู
เราก็จะได้ซื้อได้ในราคาทุนไม่ต้องไปเสียค่าคอมมิชชั่นให้ใคร จุดนี้เลยเป็นที่มาของเรื่องราวต่างๆ

จากนั้นก็เลยถามเพื่อนๆว่า พอจะรู้จักใครมั้ยที่เป็นตัวแทน หรือ ผู้บริหารประกันชีวิต ที่เราพอจะแนะนำให้เราได้ว่า
ต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง สุดท้ายก็ได้เข้าไปฟังของสถาบันหนึ่ง....เราออกตัวกับคนที่แนะนะก่อนเลยว่า
"เราอยากมาฟัง อยากสอบ เพราะอยากซื้อของตัวเอง ผลพลายได้อื่นๆคือ หากมีคนที่สนิทและรู้จักเราแล้วหาตัวแทนดีๆสักคน
ที่ให้คำตอบได้ทุกเรื่อง ไม่เร่งปิดการขายและหรือไม่มีข้อมูลบางอย่างที่ตัวแทนคนอื่นๆมักจะไม่บอก โดยเราเองก็ไม่ได้หวังว่าจะ
หาผลประโยชน์เหล่านี้สักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น อย่ามาหวังให้เราทำยอด....คนที่แนะนำเราก็เข้าใจในสิ่งที่เราบอก (ตอนนั้นบอกว่าเข้าใจนะ)"

หลังจากนั้น เราก็ได้ไปฟังบรรยาย เค้าก็ให้หัวหน้าฝ่ายขายใหญ่ๆอ่ะ คนที่ประสบผลสำเร็จมาพูดๆๆๆ (เราก็ อืมๆ ออๆ ไป เพราะเราพอทราบ
เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายแบบนี้อยู่บ้าง) พอฟังเสร็จเราก็จ่ายเงินค่าสอบ นู่นนี่นั่น แล้วก็ได้แนวข้อสอบมานั่งอ่าน จนกระทั่งถึงวันสอบ แล้วผลออกมาก็คือ
"สอบผ่าน"

พอถึงวันอบรม คือ ต้องผ่านการอบรม ถึงจะขึ้นทะเบียนได้ นัดเรามา 8.30 น. บ้านเราก็มาไม่ยากมาก แต่ก็ต้องใช้เวลา พอลงทะเบียน
อ้าว...อบรม 9 โมง เราก็อุตส่าห์มาซะ 8 โมง (ให้รีบเพื่อ) โดยเค้าให้คำตอบว่า ก็จะลองดูว่า ขั้นต้นมีวินัยเรื่องเวลามั้ย (คิดในใจ คือ เราก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีวินัยเรื่องเวลานะ โอเค เก็บไว้ในใจ 1 เรื่อง) แล้วเค้าก็ยังบอกว่า หลังจากอบรมเสร็จ เจอกันจะลง application ในการคำนวณค่าเบี้ยฯให้

หลังจากนั้น ก็ต้องไปฟังบรรยายหลังเลิกงาน เค้าก็จะคุยๆๆๆกันเรื่องว่า อาทิตย์นึงผ่านมา ใครขายได้บ้าง มีแนวคิดอะไรบ้าง มีการจำลองสถานการณ์การขาย มีการให้สคริปในการขายด้วย โห อะไรจะขนาดนั้น

ประสบการณ์จากการเข้าฟัง เราเลยรู้ว่า
1. ไม่ว่าลูกค้าจะถามอะไร เราไม่จำเป็นต้องตอบคำถามทุกเรื่อง โดยให้ยกตัวอย่างเรื่องนู้นเรื่องนี้มา เพื่อเบี่ยงเบนให้ลูกค้ารู้สึกว่า "เฮ้ย เราควรรีบทำประกัน ตอนนี้"
2. มันก็จะมีคำถามที่ชวนให้ลูกค้าตอบว่า "ดี" ซึ่งถ้าลูกค้าตอบ "ไม่ดี" มันก็จะดูว่าลูกค้าเป็นคนแปลก พิลึก อกตัญญู เช่น
    - คุณลูกค้าว่าดีมั้ย ถ้าเราเริ่มออมตั้งแต่วันนี้ หากวันหน้าเราเป็นอะไรไป จะได้ไม่เป็นภาระให้พ่อแม่ "เราก็ต้องตอบว่า ดี ใช่มะ" เป็นต้น
3. ให้เร่งปิดการขาย โดยที่ไม่ต้องบอกข้อมูลลูกค้าทั้งหมด เฮ้ย จรรยาบรรณบอกว่า ข้อมูลใดที่เป็นสาระสำคัญเราต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบให้หมดนะ
มันก็จะมีเรื่องที่ขัดแย้งกับความรู้สึกอยู่
4. จากการเข้าฟังครั้งแรก (ก่อนการเข้าสอบ)
พอออกจากห้อง คนที่แนะนำเราบอกว่า ออกขายได้เลยนะ บอกเพื่อนเลย (เราก็ เฮ้ย ขายได้ เพิ่งสอนไปแค่ 2-3 แบบประกันเอง จะไปแนะนำไรใครได้)
พอออกจากห้อง หลังสอบเสร็จ ก็บอกอีกขายได้รึยัง (คือ โทษทีนะ เลขตัวแทนยังไม่มี การไม่บอกเลขตัวแทนแก่ผู้ซื้อ ผิดนะ)
5. พอเราเข้าฟังหลายๆคลาส เราก็ได้ความรู้เพิ่มเติมว่า แบบประกันนี่นั่นโน่น เหมาะหรือไม่เหมาะกับเรา นี่ถ้าเราหลงจ่ายเงินตั้งแต่ครั้งแรก เราคงไม่เจอแบบประกันที่เหมาะกับเราจริงๆ
6. ตัวแทนที่เป็นคนแนะนำเรา พูดจากับเราด้วยบท Sale Talk ตลอด ซึ่งดูแล้ว ไม่มีซึ่งความจริงใจเท่าไหร่ ถึงว่าสิ คนทั่วไปถึงไม่ชอบพวกนี้

หลังจากน้ัน คนที่แนะนำก็บอกว่า "ถ้าขายได้ 5 app (หมายถึง 5 กรมธรรม์) จะลง application คำนวณค่าเบี้ยฯให้" อ้าว เฮ้ย ไหนบอกว่า สอบเสร็จจะลงให้เลย แล้วนี่ทำไมเปลี่ยนคำพูดอ่ะ

หลังจากนั้นก็ไม่เข้าคลาสอีก เนื่องจากรอ รอให้ได้เลขทะเบียน เราก็จะซื้อประกันของเรา และ/หรือ แนะนำเฉพาะคนที่เราสนิท สนใจจริงๆ ตรงตามวัตถุประสงค์ของเราตั้งแต่แรก

วัตถุประสงค์ที่ตั้งกระทู้นี้คือ
1. หาเพื่อนที่ใครเคยมีประสบการณ์เดียวกันกับเรา แชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมา
2. นานมั้ยหลังจากสอบเสร็จ กว่าจะได้เลขตัวแทน
3. พวกอุปกรณ์การขาย เช่น Application ที่ลงในมือถือ ต้องทำยังไงถึงจะได้มีกฎ หรือ เงื่อนไขอะไรบ้าง

ขอบคุณที่ทนอ่านกันนะคับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่