Old Fashioned (2015)
ขุดแล้วขุดเล่ากว่าจะได้ดู ผมนี่แทบร้อง คงเพราะขึ้นชื่อว่าไม่ใช่หนังกระแสเลยหาตัวยากหน่อย แต่พอได้ดูเท่านั้นแหละ ก็คิดว่าคุ้มค่าความพยายามนะ หนังเรื่องนี้ชื่อว่า “Old Fashioned” แปลเป็นไทยประมาณว่า “หัวโบราณ” หรือ “เชย” “เสี่ยว” ทำนองนี้ ถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่าง Clay (Rik Swartzwelder) ชายผู้เรียบง่าย เจ้ากฏเกณฑ์ เคร่งครัด สุภาพบุรุษ ให้เกียรติเพศตรงข้าม กับ Amber (Elizabeth Roberts) ผู้หญิงผู้มีวิญญาณอิสระ ในเลเวลที่เมื่อกระปุกเต็มเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะขับรถไปยังที่ที่ไม่รู้จักจนกว่าน้ำมันจะหมด เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือแนวคิดสองขั้วที่มาเจอกันระหว่าง “ความเปิดกว้าง” ของแนวคิดสมัยใหม่ และ “ความอนุรักษ์” ของแนวคิดสมัยก่อน เช่นประโยคหนึ่งที่ผู้ชายได้พูดให้ชวนไตร่ตรอง “มีขอบเขตหลายเส้นที่ถูกโยนทิ้ง แต่มันมีขึ้นเพื่อป้องกันเรา” เกิดเป็นคำถามน่าคิดว่าค่านิยมแบบไหนกันที่เราควรปรับตัวไปตามกาลเวลา หรือควรเก็บเอาไว้เพราะมีประโยชน์ทุกยุคสมัย และอะไรควรจะเป็นตรงกลางระหว่างคำว่า “อิสระ” และ “กฏเกณฑ์” ที่เหมาะสม ตามบทสนทนาหนึ่งของทั้งคู่ “life is not just all warm and fuzzy.” ผู้ชายพูด “It’s not just about rules either.” ผู้หญิงพูด
นอกจากนั้น ก็ตามมาด้วยการเปรียบเทียบให้คนดูได้เก็บไว้คิดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เช่น
“ความรักแบบสนุก” กับ “ความรักแบบสงบ”
“ผู้ชายดูดีแต่เจ้าชู้” กับ “ผู้ชายธรรมดาแต่จริงใจ”
“ชีวิตปาร์ตี้ตื่นเต้น” กับ “ชีวิตเงียบๆเรียบง่าย”
“คนที่เล่นไปเรื่อยๆ” กับ “คนที่สร้างครอบครัว”
ฯลฯ
เวลาดูหนังที่บทมันไม่ค่อยสมจริง จะแอบหงุดหงิดนิดหน่อย เลยทำให้เป็นคนชอบการดูหนังสารคดีไปเลย ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนกันไหมถ้าได้เจอประโยคที่เราไม่พูดกันแน่ๆในชีวิตจริงหรือไม่เป็นธรรมชาติถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน สำหรับเรื่องนี้ก็มีบางบทนะที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น แต่ให้อภัยโดยดีเพราะมันนำประเด็นน่าสนใจมาให้คิด
“เราไม่จำเป็นต้องเดินไปทั่วหลอกใช้กัน หรือทำร้ายกัน มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น” Clay พระเอกของเรื่องได้กล่าวไว้อย่างนั้น ตามมาด้วยกฏมากมายที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษว่าจะปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างไร เช่น “ผมจะไม่อยู่ห้องเดียวกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาโดยลำพัง” “ผมจะให้เกียรติอารมณ์ของเธอและร่างกายของเธอ”
อาจจะดูเป็นคนดีเลิศ แต่จริงๆทั้งเขาและเธอก็มีความไม่สมบูรณ์แบบในตัว ทั้งนิสัย และอดีตที่ยากจะยอมรับ โดย Clay เองก็เคยใช้ความสามารถในการถ่ายภาพยนต์ของตัวเองทำเรื่องแย่ๆมาก่อน ส่วน Amber ก็เป็นผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาหลายคน จึงเกิดเป็นความท้าทายให้ทั้งคู่ได้พิสูจน์ว่าจะให้อภัยกันความบกพร่องและเลือกจะมองที่ปัจจุบันของกันและกันได้หรือไม่
และนี้คือความรักแบบ Old Fashioned ที่ไม่ได้รวดเร็ว ตื่นเต้น แต่มีมุมน่ารัก เรียบง่าย ในแบบเฉพาะของมัน
วันดีคืนดี ระหว่างนั่งกดดู recommended video ใน Youtube ไปเรื่อยๆก็บังเอิญไปเจอสัมภาษณ์ของ Rik Swartzwelder พี่แกเป็นทั้งนักแสดงนำชายและผู้กำกับของเรื่องในเวลาเดียวกัน (คนอะไร) ริคเล่าให้ฟัง (ประมาณ) ว่า หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ไม่ใช่เล่นๆ ตลกขำขำ กูฟี้ กูฟี้ (ไอ้คำหลังไม่รู้แปลว่าไร) แต่จะนำเสนอความรักที่จริงจังและจริงใจ ปีที่เข้าฉายคือ 2015 วันวาเลนไทน์พร้อมๆกับ Fifty Shade of Grey หนังความรักในแบบร้อนแรงและรุนแรง “ผมว่าเราต่างเหนื่อยและอ่อนเพลียกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในข่าวหรือเรื่องทั่วไป มันยากพอแล้วที่จะใช้ชีวิต คงมีความกระหายจากสังคมที่จะลองมองความรักในมุมแตกต่าง” และริคก็ทิ้งท้ายไว้เป็นคำถามให้คนดูตัดสินว่าความรักแบบไหนกันที่เราต้องการ หรือความรักแบบไหนที่เราให้คนที่เรารัก (น้องสาว ลูกสาว) ได้เจอ (Ref :
https://www.youtube.com/watch?v=6EsU5_avegg)
ขอจบการรีวิวด้วยประโยคเด็ดจากเรื่อง
“It’s not about seeking but becoming.” Clay
“Love doesn't have to be perfect but just have to be worth it.” Amber
TwoArces :: รีวิวหนังเรื่อง Old Fashioned (2015)
Old Fashioned (2015)
ขุดแล้วขุดเล่ากว่าจะได้ดู ผมนี่แทบร้อง คงเพราะขึ้นชื่อว่าไม่ใช่หนังกระแสเลยหาตัวยากหน่อย แต่พอได้ดูเท่านั้นแหละ ก็คิดว่าคุ้มค่าความพยายามนะ หนังเรื่องนี้ชื่อว่า “Old Fashioned” แปลเป็นไทยประมาณว่า “หัวโบราณ” หรือ “เชย” “เสี่ยว” ทำนองนี้ ถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่าง Clay (Rik Swartzwelder) ชายผู้เรียบง่าย เจ้ากฏเกณฑ์ เคร่งครัด สุภาพบุรุษ ให้เกียรติเพศตรงข้าม กับ Amber (Elizabeth Roberts) ผู้หญิงผู้มีวิญญาณอิสระ ในเลเวลที่เมื่อกระปุกเต็มเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะขับรถไปยังที่ที่ไม่รู้จักจนกว่าน้ำมันจะหมด เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือแนวคิดสองขั้วที่มาเจอกันระหว่าง “ความเปิดกว้าง” ของแนวคิดสมัยใหม่ และ “ความอนุรักษ์” ของแนวคิดสมัยก่อน เช่นประโยคหนึ่งที่ผู้ชายได้พูดให้ชวนไตร่ตรอง “มีขอบเขตหลายเส้นที่ถูกโยนทิ้ง แต่มันมีขึ้นเพื่อป้องกันเรา” เกิดเป็นคำถามน่าคิดว่าค่านิยมแบบไหนกันที่เราควรปรับตัวไปตามกาลเวลา หรือควรเก็บเอาไว้เพราะมีประโยชน์ทุกยุคสมัย และอะไรควรจะเป็นตรงกลางระหว่างคำว่า “อิสระ” และ “กฏเกณฑ์” ที่เหมาะสม ตามบทสนทนาหนึ่งของทั้งคู่ “life is not just all warm and fuzzy.” ผู้ชายพูด “It’s not just about rules either.” ผู้หญิงพูด
นอกจากนั้น ก็ตามมาด้วยการเปรียบเทียบให้คนดูได้เก็บไว้คิดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เช่น
“ความรักแบบสนุก” กับ “ความรักแบบสงบ”
“ผู้ชายดูดีแต่เจ้าชู้” กับ “ผู้ชายธรรมดาแต่จริงใจ”
“ชีวิตปาร์ตี้ตื่นเต้น” กับ “ชีวิตเงียบๆเรียบง่าย”
“คนที่เล่นไปเรื่อยๆ” กับ “คนที่สร้างครอบครัว”
ฯลฯ
เวลาดูหนังที่บทมันไม่ค่อยสมจริง จะแอบหงุดหงิดนิดหน่อย เลยทำให้เป็นคนชอบการดูหนังสารคดีไปเลย ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนกันไหมถ้าได้เจอประโยคที่เราไม่พูดกันแน่ๆในชีวิตจริงหรือไม่เป็นธรรมชาติถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน สำหรับเรื่องนี้ก็มีบางบทนะที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น แต่ให้อภัยโดยดีเพราะมันนำประเด็นน่าสนใจมาให้คิด
“เราไม่จำเป็นต้องเดินไปทั่วหลอกใช้กัน หรือทำร้ายกัน มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น” Clay พระเอกของเรื่องได้กล่าวไว้อย่างนั้น ตามมาด้วยกฏมากมายที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษว่าจะปฏิบัติกับผู้หญิงอย่างไร เช่น “ผมจะไม่อยู่ห้องเดียวกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาโดยลำพัง” “ผมจะให้เกียรติอารมณ์ของเธอและร่างกายของเธอ”
อาจจะดูเป็นคนดีเลิศ แต่จริงๆทั้งเขาและเธอก็มีความไม่สมบูรณ์แบบในตัว ทั้งนิสัย และอดีตที่ยากจะยอมรับ โดย Clay เองก็เคยใช้ความสามารถในการถ่ายภาพยนต์ของตัวเองทำเรื่องแย่ๆมาก่อน ส่วน Amber ก็เป็นผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาหลายคน จึงเกิดเป็นความท้าทายให้ทั้งคู่ได้พิสูจน์ว่าจะให้อภัยกันความบกพร่องและเลือกจะมองที่ปัจจุบันของกันและกันได้หรือไม่
และนี้คือความรักแบบ Old Fashioned ที่ไม่ได้รวดเร็ว ตื่นเต้น แต่มีมุมน่ารัก เรียบง่าย ในแบบเฉพาะของมัน
วันดีคืนดี ระหว่างนั่งกดดู recommended video ใน Youtube ไปเรื่อยๆก็บังเอิญไปเจอสัมภาษณ์ของ Rik Swartzwelder พี่แกเป็นทั้งนักแสดงนำชายและผู้กำกับของเรื่องในเวลาเดียวกัน (คนอะไร) ริคเล่าให้ฟัง (ประมาณ) ว่า หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ไม่ใช่เล่นๆ ตลกขำขำ กูฟี้ กูฟี้ (ไอ้คำหลังไม่รู้แปลว่าไร) แต่จะนำเสนอความรักที่จริงจังและจริงใจ ปีที่เข้าฉายคือ 2015 วันวาเลนไทน์พร้อมๆกับ Fifty Shade of Grey หนังความรักในแบบร้อนแรงและรุนแรง “ผมว่าเราต่างเหนื่อยและอ่อนเพลียกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในข่าวหรือเรื่องทั่วไป มันยากพอแล้วที่จะใช้ชีวิต คงมีความกระหายจากสังคมที่จะลองมองความรักในมุมแตกต่าง” และริคก็ทิ้งท้ายไว้เป็นคำถามให้คนดูตัดสินว่าความรักแบบไหนกันที่เราต้องการ หรือความรักแบบไหนที่เราให้คนที่เรารัก (น้องสาว ลูกสาว) ได้เจอ (Ref : https://www.youtube.com/watch?v=6EsU5_avegg)
ขอจบการรีวิวด้วยประโยคเด็ดจากเรื่อง
“It’s not about seeking but becoming.” Clay
“Love doesn't have to be perfect but just have to be worth it.” Amber