สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
จากโจทย์นี้
ต้องไปดูที่พ่อครับ พ่อรวยมาก รวยจิกอ๋าย
ก็เอาเงินที่ลูกจ่ายหนี้ตัวเอง 2 ล้านไปคืนผู้ค้ำก่อน
หนี้ก็จะลดลงมาเหลือ 28 ล้าน
ที่เหลือพ่อก็ใช้คืนให้
1 ปีก็หมดครับ
แล้วลูกจะจ่ายคืนกี่ปีก็ว่ากันไป หรือจะหักจากมรดกที่ลูกถึงได้รับก็ได้
โจทย์มันไม่ได้ยากอะไร แต่คนมันจะโกงน่ะครับ มันเลยดู ยุ่ง ยาก เยอะสิ่ง ซับซ้อน ไปซะงั้น
ต้องไปดูที่พ่อครับ พ่อรวยมาก รวยจิกอ๋าย
ก็เอาเงินที่ลูกจ่ายหนี้ตัวเอง 2 ล้านไปคืนผู้ค้ำก่อน
หนี้ก็จะลดลงมาเหลือ 28 ล้าน
ที่เหลือพ่อก็ใช้คืนให้
1 ปีก็หมดครับ
แล้วลูกจะจ่ายคืนกี่ปีก็ว่ากันไป หรือจะหักจากมรดกที่ลูกถึงได้รับก็ได้
โจทย์มันไม่ได้ยากอะไร แต่คนมันจะโกงน่ะครับ มันเลยดู ยุ่ง ยาก เยอะสิ่ง ซับซ้อน ไปซะงั้น
Alittleparfait ถูกใจ, kiddeemao ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 828004 ถูกใจ, anegi ถูกใจ, LoveRuben ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 750765 ถูกใจ, พจมารร้าย ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 972086 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 869412 ถูกใจ, The introvert girl ถูกใจรวมถึงอีก 9 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 6
มีกระแสใหม่ เรื่อง เห็นใจทันตแพทย์หญฺิง ถ้าเขาขอผ่อนใช้จะได้มั้ย เงินตั้ง 10 ล้าน คงไม่ได้หาได้ง่ายๆ
ผมในฐานะเคยทำงาน อยู่ในสหรัฐอเมริกา ขออธิบายเรื่องนี้ ครับว่า
"เงิน 10 ล้านบาท = 300,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้น สำหรับ คนที่เป็นทันตแพทย์ ในสหรัฐอเมริกานั้น สามารถเอาเงินสดมากองได้ ใช้เวลา ไม่เกิน 2 อาทิตย์ แน่นอน"
ด้วยเหตุผลดังนี้
อันดับแรก คนที่เป็นทันตแพทย์ ระดับทำงานมีความเชี่ยวชาญพิเศษ ผมให้ ต่ำๆ เลยว่า เงินได้รายปีคุณคือ 150,000 ดอลลาร์ (นี่คือประเมิณต่ำสุด ผมเป็นสถาปนิก ระดับ Intermediate ในสหรัฐเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมมีรายได้ 75,000 ดอลลาร์ต่อปี) เข้าใจว่าสามีเธอก็เป็นทันตแพทย์ รวมกันสามีภรรยา ได้ 300,000 ดอลลาร์ นีคือฐานรายได้ของครอบครัวเธอ
สมมุติผมยกประโยชน์ให้คุณว่าคุณไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียวละกัน (ซึ่งก็ค่อนข้างบ้าบอ แต่จะตั้งหลักแบบนี้)
แหล่งที่ 1 Credit Card : โดยปกติ คนอเมริกัน จะมี Credit Card กัน 3-4 ใบ เป็นธรรมดา แต่ละใบก็จะให้วงเงินประมาณ 25% ของ เงินรายได้ต่อปี และให้กด Cash ได้ 1/2 ของวงเงิน โดยประมาณ ดังนั้น บ้านคุณ มีฐานรายได้ 300,000 คุณ กดมาได้เดี๋ยวนี้แน่ 75,000 ดอลลาร์ อันนี้คือได้เลย แน่นอนดอกเบี้ยสูงมหากาฬ แต่หาได้แน่
แหล่งที่ 2 Mortgage: คุณอยู่มานานขนาดนี้ คุณต้องมี บ้านพักอาศัย และคุณต้องผ่อนไปแล้ว พอควร บ้านใน Boston อาจจะเป็น Condo ก็ต้องระดับดี ราคา 600,000 ดอลารร์ ต้องมีล่ะ ตีซะว่าคุณผ่อนไป 30% แล้ว อยู่มานาน ก็คือผ่อนไป 180,000 ดอลลาร์ แล้วราคาบ้านคุณก็ต้องขึ้นมาบ้าง ดังนั้น ในระบบอเมริกัน ที่ให้มีการกูยืมเงินจาก Mortgage ตัวเองได้ คุณอาจจะกู้ออกมาได้ อย่างน้อยๆ 150,000 ดอลาร์ อันนี้ไม่ยาก ไปเซ็นเอกสาร อาทิตย์เดียวเงินออก
แหล่งที่ 3 Life Insurance : ในระบบของสหรัฐมีการซื้อประกัน ในลักษณะที่เป็น Whole Life Insurance แปลว่ามีเงินสะสมไป สามารถเป็นเงินเกษียณได้และกู้ยืมได้ คุณมีลูกคุณทำแน่ๆ มันเป็นเรื่องปกติๆ ใครๆ ก็ทำกัน สามีภรรยากู้กันคนละ 50,000 ดอลลาร์ ก็ 100,000 แล้ว
รวมกัน ก็ 325,000 ขอยืนยันด้วยประสบการณ์ชีวิตที่เคยทำงานในสหรัฐ ทั้งที่เป็นคนจ่ายภาษี ทำงานกินเงินเดือน ขายประกันชีวิต และเกือบซื้อบ้านอยู่ ว่า
การที่เธออ้างว่าไม่มีเงินใช้ "นั้นฟังไม่ขึ้น" และเธอไม่มีความจำเป็นต้องผ่อนเลย เธอหาเงินเหล่านั้นได้ "Now" ประเด็นคือเธอจะต้องเสียดอกเบี้ยมหาศาลทุกด้าน แต่นั้นคือ ผลกรรม ที่เธอควรจะต้องได้รับ อยู่แล้ว
ก็จงรับผลกรรมนั้นไปเสีย แล้วถ้าจ่ายมา ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็จะไม่มีใครไปยุ่งกับชีวิตของคุณอีก
https://www.facebook.com/ponn.virulrak/posts/10153737604171084
ผมในฐานะเคยทำงาน อยู่ในสหรัฐอเมริกา ขออธิบายเรื่องนี้ ครับว่า
"เงิน 10 ล้านบาท = 300,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้น สำหรับ คนที่เป็นทันตแพทย์ ในสหรัฐอเมริกานั้น สามารถเอาเงินสดมากองได้ ใช้เวลา ไม่เกิน 2 อาทิตย์ แน่นอน"
ด้วยเหตุผลดังนี้
อันดับแรก คนที่เป็นทันตแพทย์ ระดับทำงานมีความเชี่ยวชาญพิเศษ ผมให้ ต่ำๆ เลยว่า เงินได้รายปีคุณคือ 150,000 ดอลลาร์ (นี่คือประเมิณต่ำสุด ผมเป็นสถาปนิก ระดับ Intermediate ในสหรัฐเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมมีรายได้ 75,000 ดอลลาร์ต่อปี) เข้าใจว่าสามีเธอก็เป็นทันตแพทย์ รวมกันสามีภรรยา ได้ 300,000 ดอลลาร์ นีคือฐานรายได้ของครอบครัวเธอ
สมมุติผมยกประโยชน์ให้คุณว่าคุณไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียวละกัน (ซึ่งก็ค่อนข้างบ้าบอ แต่จะตั้งหลักแบบนี้)
แหล่งที่ 1 Credit Card : โดยปกติ คนอเมริกัน จะมี Credit Card กัน 3-4 ใบ เป็นธรรมดา แต่ละใบก็จะให้วงเงินประมาณ 25% ของ เงินรายได้ต่อปี และให้กด Cash ได้ 1/2 ของวงเงิน โดยประมาณ ดังนั้น บ้านคุณ มีฐานรายได้ 300,000 คุณ กดมาได้เดี๋ยวนี้แน่ 75,000 ดอลลาร์ อันนี้คือได้เลย แน่นอนดอกเบี้ยสูงมหากาฬ แต่หาได้แน่
แหล่งที่ 2 Mortgage: คุณอยู่มานานขนาดนี้ คุณต้องมี บ้านพักอาศัย และคุณต้องผ่อนไปแล้ว พอควร บ้านใน Boston อาจจะเป็น Condo ก็ต้องระดับดี ราคา 600,000 ดอลารร์ ต้องมีล่ะ ตีซะว่าคุณผ่อนไป 30% แล้ว อยู่มานาน ก็คือผ่อนไป 180,000 ดอลลาร์ แล้วราคาบ้านคุณก็ต้องขึ้นมาบ้าง ดังนั้น ในระบบอเมริกัน ที่ให้มีการกูยืมเงินจาก Mortgage ตัวเองได้ คุณอาจจะกู้ออกมาได้ อย่างน้อยๆ 150,000 ดอลาร์ อันนี้ไม่ยาก ไปเซ็นเอกสาร อาทิตย์เดียวเงินออก
แหล่งที่ 3 Life Insurance : ในระบบของสหรัฐมีการซื้อประกัน ในลักษณะที่เป็น Whole Life Insurance แปลว่ามีเงินสะสมไป สามารถเป็นเงินเกษียณได้และกู้ยืมได้ คุณมีลูกคุณทำแน่ๆ มันเป็นเรื่องปกติๆ ใครๆ ก็ทำกัน สามีภรรยากู้กันคนละ 50,000 ดอลลาร์ ก็ 100,000 แล้ว
รวมกัน ก็ 325,000 ขอยืนยันด้วยประสบการณ์ชีวิตที่เคยทำงานในสหรัฐ ทั้งที่เป็นคนจ่ายภาษี ทำงานกินเงินเดือน ขายประกันชีวิต และเกือบซื้อบ้านอยู่ ว่า
การที่เธออ้างว่าไม่มีเงินใช้ "นั้นฟังไม่ขึ้น" และเธอไม่มีความจำเป็นต้องผ่อนเลย เธอหาเงินเหล่านั้นได้ "Now" ประเด็นคือเธอจะต้องเสียดอกเบี้ยมหาศาลทุกด้าน แต่นั้นคือ ผลกรรม ที่เธอควรจะต้องได้รับ อยู่แล้ว
ก็จงรับผลกรรมนั้นไปเสีย แล้วถ้าจ่ายมา ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ก็จะไม่มีใครไปยุ่งกับชีวิตของคุณอีก
https://www.facebook.com/ponn.virulrak/posts/10153737604171084
แสดงความคิดเห็น
ถ้าทำงานรายได้ 200,000 usd/ปี ใช้หนี้ 30 ล้านกี่ปีหมดครับ..?
ถ้ามีหนี้ 30 ล้านบาท จะใช้เวลานานกี่ปีถึงจะหมด