ความยุติธรรมมันคงมีจริงแค่คำพูด แต่ไม่มีจริงหรอกในโลกนี้ "โลกความเป็นจริง"

สวัสดีทุกคน แนะนำตัวเองก่อนนะ เราชื่อแอม เราเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง  ต้องอาศัยเพื่อนในกลุ่มช่วยติวช่วยดันมาตลอดกว่าจะเข้ามหาลัยมาได้ก็ลำบากแทบเลือดตากระเด็น  และเรากับเพื่อนหนึ่งคนในกลุ่มที่ช่วยติวก็ได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังแถวๆรังสิต แต่เพื่อนเราคนนี้มันเป็นคนแนวซื่อๆ เรียกว่าไม่ทันคนก็ได้อยู่ ชอบยอมๆเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหา แต่มันก็ทำกิจกรรมให้มหาลัยตลอดนะแถมยังทำงานพิเศษอีกถึงมันจะมีเงินเดือนจากมหาลัยให้ใช้ แต่เพราะค่าใช้จ่ายในมหาลัยค่อนข้างสูง ใครอยู่มหาลัยจะเข้าใจเลยว่าชีทมันแพงกว่าค่าเทอมอีก มันไม่อยากให้ทางบ้านเดือดร้อนส่งเงินมาให้มัน เพราะฐานะทางบ้านมันก็ไม่ค่อยดี  มันเลยเลือกทำงานพิเศษซึ่งเป็นทางรอดเดียวสำหรับมันที่มาเรียนแค่ตัวและสมอง และนั่นก็ทำให้มันไม่ค่อยจะมีเพื่อนสนิทเท่าไหร่

พูดมาเยอะขอเข้าเรื่องเลย เพื่อนเรามันเรียนคณะที่มีความยุติธรรมเป็นอันดับหนึ่งในมหาลัยนี้แหละ  แต่เหมือนความยุติธรรมที่มันเรียนมาจะไม่เข้าข้างมันเลยตรงที่ มันทำกระเป๋าตังหายแล้วไปขอรับกระเป๋าคืนจากยาม ซึ่งมันก็ไปรับคนเดียว เพราะมันชอบบอกว่ากลัวจะรบกวนคนอื่น เล่าต่อนะ ยามก็เอากระเป๋าให้ตรวจเช็กว่าใช่ของมันมั้ย มันเช็กแล้วก็บอกว่าใช่ค่ะ แล้วมันก็ยื่นบัตรนักศึกษาแสดงตัวว่าตรงกับเอกสาร แล้วยามก็เอาเอกสารให้มันเซ็นเพื่อแสดงตัวว่าเจ้าของมารับกระเป๋าแล้ว

จากนั้นเรื่องก็มาหามันตอนเช้าที่มันกำลังเรียนอยู่มีคนโทรมาบอกว่า กระเป๋าตังค์ที่มีเอกสารพวกบัตรประชาชนของมัน  ฯลฯ เป็นของคนที่โทรมาหามัน ตอนนั้นมันเรียนอยู่จะไปหาเลยก็เหมือนทิ้งการเรียนไปดื้อๆ  เลยนัดเจอกันตอนที่มันเลิกเรียนแล้ว  พอเลิกเรียนมันก็ไปตามนัดและด้วยความที่มันมองโลกในแง่ดีมาแต่ไหนแล้ว คิดว่าเรื่องกระเป๋าตังค์ใบละไม่เกินร้อยกว่าบาทไปคนเดียวก็ได้ เพราะคนอื่นๆก็เรียนกันอยู่จะชวนไปด้วยก็ดูไร้สาระ พอไปถึง เพื่อนเราก็โดนรุมเลยจ้า ทางฝั่งนั้นพาเพื่อนมาเป็นพยานว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าตังค์ใบนั้น เพื่อนเราก็เฉยๆยื่นกระเป๋าไปให้ดูว่านี่คือกระเป๋าตังค์ของเพื่อนเรา ส่วนทางนั้นก็ยืนยันว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นของเค้าโดยใช้ความเชื่อว่าซองใส่บัตรประชาชนที่นางเจอในกระเป๋าตอนนั้นคือซองใส่บัตรประชาชนของนาง ไม่ว่าเพื่อนเราจะพูดยังไง นางก็ยืนยันนั่งยันว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นของนางด้วยความเชื่อว่า อีซองใส่บัตรประชาชนนั่นแหละที่ยืนยันว่ามันใช่กระเป๋าของนาง เพื่อนเราก็เลยตัดบทไปและพูดประนีประนอมตามที่คณะมันสอนมาเป๊ะว่าถ้าเชื่อว่าของนางจริงก็เอากระเป๋าไปแล้วเอาเอกสารบัตรต่างๆของเพื่อนเราที่อยู่ในกระเป๋าคืนมา เรื่องจะได้จบๆไป เพราะเรื่องไร้สาระนี้มันกินเวลาที่ต้องเข้าเรียนเยอะแล้ว
ทีนี้เรื่องไม่จบจ้ะ เพราะนางอยากได้บัตรประชาชน และบัตรนักศึกษาของนางคืน ซึ่งเพื่อนเรามันไม่ได้เอาของนางไปแล้วจะเอาอะไรมาคืนให้นางล่ะ  นางเลยโทรตามพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดให้มาเคลียร์เรื่องนี้ที่มหาลัยภายในหนึ่งชั่วโมงและพอมาไม่ได้ ที่บ้านนางเลยให้โทรตามอาจารย์ที่ปรึกษามาคุยให้เรื่องจบๆไป

อาจารย์ที่ปรึกษามาเร็วถึงทันใจ ก็เข้าใจแหละว่าอาจารย์แกห่วงนักศึกษา มาถึงแกก็ถามเรื่องราวแล้วมาขอคุยกับเพื่อนเราตัวต่อตัว ถามว่าเพื่อนเราเอาไปมั้ย เพื่อนเราก็ตอบตามความจริงว่าเปล่า ไม่ได้เอาไป แล้วก็ถามบ้านอยู่ที่ไหน จบจากโรงเรียนอะไร พ่อแม่ทำงานอะไร พอนานเข้าอาจารย์ของนางก็บอกเพื่อนเราว่า ถ้าเอาไปก็ให้เอามาคืนเรื่องจะได้จบๆ ไม่ต้องถึงมหาลัย จะได้ไม่โดนไล่ออก เพื่อนเราเจอประโยคนี้มันก็ร้องไห้ดิ ก็กว่าจะเข้ามาเรียนที่นี่ได้เลือดตาแทบกระเด็น ไม่ใช่เดินเข้ามาเฉยๆก็ได้เรียนเลย มันไม่ได้ทำอะไรผิดก็โดนไล่ออกแล้วหรอ
อาจารย์เหมือนจะเมตตาให้โทรรียกเพื่อนมาเป็นพยาน เพื่อนเรามันก็ไม่รู้จะโทรเรียกใครก็อย่างที่เราเล่ามาว่ามันต้องทำงานหลังเลิกเรียนตลอดจะมีเวลาลัลล้าไปหาเพื่อนที่ไหนล่ะ ส่วนคนที่รู้จักก็เรียนกันอยู่  จะให้มาเพราะเรื่องกระเป๋าตังค์ราคาไม่กี่บาทก็ดูจะไร้สาระ(ฟังมันเล่าตรงนี้แล้วอยากจะฆ่ามันมาก) มันเลยวิ่งไปที่คณะขอพบท่านรองคณบดีให้มาช่วยคุย มาถึงอาจารย์ก็คุยกันเฉพาะอาจารย์ เพื่อนเรานี่นั่งร้องไห้เพราะนางมีพันธะกับมหาลัยที่อาจจะทำให้พันธะนั้นจบได้ถ้าเรื่องเป็นถึงขนาดนี้ นางคนนั้นนี่ยิ้มน่าระรื่นสนุกสนานกับเพื่อนที่มาให้กำลังใจ
หลังอาจารย์คุยกันก็ได้ข้อสรุปว่าส่งเรื่องนี้ให้ทางวินัยเป็นคนตัดสินว่าใครผิดหรือใครถูก ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าแค่กระเป๋าตังค์ราคาไม่กี่บาทต้องเรื่องถึงอาจารย์ที่ปรึกษา ถึงฝ่ายวินัยของมหาลัยเพื่อสอบสวนความบริสุทธิ์กันเลยหรอ

เกิดเรื่องไม่นานทางวินัยก็โทรหาเพื่อนเราเพื่อนัดสอบสวน เพื่อนเราก็ไม่ว่างไงเลยขอนัดในวันที่มันไม่มีเรียน หลังจากนั้นเพื่อนเราก้ไปคุยกับ รปภ.ตึกที่เอากระเป๋าคืนให้เพื่อหาหลักฐานให้ตัวเองซึ่ง รปภ.ตึก น่ารักมากบอกว่าตอนที่เพื่อนเรายื่นบัตรให้ดูไม่ได้ดู เราก็เลยคิดว่าทำไมถึงยื่นเอกสารให้เพื่อนเราเซ็นรับของล่ะถ้าคุณไม่ได้ดู รปภ.ตึกไม่น่าจะสะเพร่าขนาดนี้นะ พอขอดูกล้องก็บอกว่าไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้ต้องไปขออีกที่ พอไปขอดูกล้องตามที่ รปภ.บอก ที่นั่นก็บอกว่าต้องไปดูที่ตึกที่รปภ.บอกให้มานั่นแหละ สุดท้าย รปภ.ที่นั่นก็ขอเคลียร์ให้ซึ่งเรื่องจะได้จบ เพื่อนเราไม่ได้บอกไงว่าตอนนี้เรื่องถึงงานวินัยมหาลัยแล้ว ก็คุยกันดีๆ เพราะเพื่อนเราไม่อยากใช้คำว่ารุ่นพี่มาข่มน้องใหม่คณะที่ว่ากันว่าเก่งและก่อตั้งมา25ปีแล้ว ดีที่คุณลุงรปภ.ใหญ่ช่วยเคลียร์ให้เรื่องจบด้วยดี แล้วพ่อของนางก็ขอคุยกับเพื่อนเราซึ่งเพื่อนเราบอกว่า ถ้าทำให้น้องร้องไห้ต้องขอโทษด้วย แต่ไม่ได้คิดว่าจะเอาชนะ แค่ต้องการยืนยันความบริสุทธิ์เท่านั้น แต่น้องไม่ขอโทษเพื่อนเราเลยซึ่งเพื่อนเราไม่คิดอะไรมากแค่สงสัยเท่านั้นก็เลยถาม ทางนั้นบอกว่าจริงๆแล้วนางเป็นคนที่มีมารยาทสัมมาคารวะดี ไม่ก้าวร้าว ประมาณว่าสั่งสอนลูกมาดี เชื่อว่ายังไงลูกก็ถูกและดีตามที่ทางบ้านเลี้ยงมา ซึ่งเพื่อนเราดีใจว่าจบสักทีจะได้ไปเอากระเป๋า แต่เราว่ามันจบแบบคาใจ

แล้วก็จริงเพราะพอเพื่อนเราไปรับกระเป๋าคืนทางวินัยแจ้งว่าต้องการทราบความจริงว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ การที่ยอมความกันตรงนั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน แล้วให้เพื่อเราเขียนคำให้การ เรียกคู่กรณีเพื่อนเรามาเขียนคำให้การเพื่อตั้งกรรมการสอบสวน เราก็งงว่าไหนบอกเรื่องจบแล้วมารับกระเป๋าตังค์คืนได้เลยแต่ทำไมยังต้องตั้งกรรมการมาสอบสวนต่อ เหมือนทางฝั่งนั้นต้องการหาคนรับผิดให้ได้ว่าหายไปไหนใครเอาไปถ้าไม่ใช่เพื่อนเราคนนี้ คือเหมือนจะเอาให้ได้ว่ามันต้องมีคนผิดไม่งั้นกระเป๋าตังค์จะหายไปได้ยังไง
เพื่อนเราก็งง คือบอกเลยว่าเราไม่ใช่มันเราก็งงว่าทำไมมาถึงขั้นนี้ ขั้นที่ว่าเรื่องกระเป๋าตังค์ราคาไม่กี่บาทต้องตั้งกรรมการมาสอบสวนวินัยเพื่อนเรา พอเรื่องเป็นแบบนี้เพื่อนเราก็วิ่งหาความช่วยเหลือทั้งจากรุ่นพี่ทั้งจากอาจารย์ที่มันรู้จักหลายๆคน ซึ่งหลายคนที่ฟังก็รู้สึกแบบเราว่ามันบ้ามากที่มาตั้งกรรมการสอบสวนแค่เพราะกระเป๋าตังค์ใบเดียว สุดท้ายมันได้อาจารย์คนนึงมาช่วยคุย ซึ่งเราคิดว่าอาจารย์เห็นว่าคำให้การทุกอย่างทำให้มันเหมือนคนเอาไป อาจารย์เลยแนะนำว่าให้ยอมรับผิด แต่พอมันรับผิดเท่านั้นแหละเรื่องหนักกว่าเก่าเพราะเค้าต้องการเอกสารของนางคนนั้นซึ่งเพื่อนเราไม่มี อาจารย์ถามว่ามันเอาทิ้งมั้ยมันก็ตอบว่าไม่มีตั้งแต่แรกแล้วจะเอาอะไรทิ้งล่ะ สุดท้ายอาจารย์ก็ขอถอนตัวไป จนวันนี้เพื่อนเราก็ต้องรอสอบสวนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของมันต่อไป ทั้งที่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ผิด ไม่ได้เอาไป เราเลยสงสัยแค่ว่ามหาลัยดังๆเค้าทำแบบนี้หรอ หาแพะมารับในสิ่งที่ไม่ได้ทำ เอาเรื่องไร้สาระอย่างกระเป๋าตังค์หายมาเป็นสอบสวนให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ทำให้คนๆหนึ่งต้องมาลำบากกับสิ่งที่เกิดขึ้นงั้นหรอ เพราะเราเห็นอ่ะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องนี้เพื่อนเราก็ไม่ได้เข้าเรียนต้องตามหาหลักฐานเพื่อมายืนยันความบริสุทธิ์ตัวเอง งานมันก็ไม่ได้ไปทำจิตใจไม่อยู่กับตัวคอยคิดนั่นคิดนี่จนต้องหยุดงานขาดรายได้ไปเลย เราแค่อยากรู้ว่าน้องคนนั้นจะรู้มั้ยว่าสิ่งที่น้องทำมันเหมือนกับการฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น จะรู้มั้ยว่าสิ่งที่ทำมันทำลายอนาคตคนๆหนึ่งที่พยายามทนลำบากแทบตายเพื่อจะได้เข้ามาเรียนที่นี่ที่เดียวกับน้องที่น้องแค่สอบๆๆแล้วก็เข้ามา สุดท้ายที่เราอยากรู้คือความยุติธรรมมันยังมีอยู่บนโลกนี้จริงๆหรอ เพราะขนาดมหาลัยที่ว่าดีและดังยังไม่มีให้กับเพื่อนเราคนนี้เลย

เราไม่แปลกใจว่าทำไมสังคมถึงยังมีแพะมากมาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่