คือว่า จขกท.เพิ่งเรียนจบบัญชี(บช.บ) ตอนนี้ทำงานธุรการอยู่ที่บริษัทอสังหา ที่นึง พ่อแม่ของจขกท.เป็นข้าราชการทั้งคู่ค่ะ เค้าก็อยากให้เราและพี่สาวได้ทำงานราชการ ซึ่งพี่เราก็ได้ธกส.รอบล่าสุดไปแล้วเรียบร้อย หน้าที่ต่อไปคือเรา แต่เราเรียนไม่เก่ง ขี้เกียจอ่านหนังสือ จะอ่านเมื่ออยากอ่านเท่านั้น แล้วบอกตรงๆเลยนะคะว่า เราไม่เคยมีความรู้ และสนใจ เกี่ยวกับงานหรือหน่วยงานราชการเลย เช่น ตอนเรียนเราก็เรียนเน้นเกี่ยวกับธุรกิจ เอกชน ไม่มีวิชาบัญชีส่วนราชการเลยค่ะ ประกอบกับเห็นพ่อแม่ทำงานราชการมาตั้งแต่จำความได้เลยไม่ได้รู้สึกพิศวาสตื่นเต้นอะไร-*- จนเราเคยคิดบ่อยๆว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดีรึป่าว??
ล่าสุดเราไปสอบสาสุขมาค่ะ เป็นระเบียบบัญชีการเงิน การคลัง ของราชการซึ่งเราทำไม่ได้ เราไม่รู้ เป็นการสอบครั้งแรก ก็สอบไม่ติด ในหัวเรามีแต่เรื่องการขยายธุรกิจ การเพิ่มกำไร-*- และสาเหตุสำคัญคือ เราไปสอบเพื่อพ่อแม่ค่ะ พ่อแม่เราหวังมากว่าเราต้องได้งานราชการเพราะเราจบบัญชีมา แต่พี่สาวเราจบอุตสาหกรรมเกษตรด้านแพคเกจเค้าเลยไม่ค่อยอะไรกับพี่สาวเรา และที่สำคัญพ่อแม่เราให้เราย้ายไปเรียนบัญชีตอนเราอยู่ปี1ค่ะ เรายอมเรียนเพราะเราชอบคณะบริหารธุรกิจอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จะเรียนสาขาอะไรและคิดว่าบัญชีกว้างและหางานง่ายกว่าการตลาด
เราเข้าใจนะคะว่างานราชการ มันมั่นคง มีสวัสดิการดี แต่เราเป็นคนนึงที่คิดว่างานทุกงานก็มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกันไป จะมั่นคงหรือไม่อยู่ที่ตัวเราเอง และส่วนตัวเราแล้วเราเป็นคนที่มี lifestyleการทำงานแบบชอบเรียนรู้งานด้านต่างๆ(ก็เลยมาทำธุรการ) ชอบงานท้าทายตื่นเต้น ไม่ชอบแบบเช้าชามเย็นชาม ซึ่งจริงๆเราก็ไม่รู้หรอกนะคะว่างานราชการจะเป็นยังไง แต่อาเราเคยบอกว่า สบายไม่ต้องทำไร ไม่ต้องคิดไร การทำบัญชีต่างๆก็มีรูปแบบมาจากส่วนกลางให้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่อาเราว่าเราไม่ชอบอ่ะค่ะ มันอยู่ที่เดิมเกินไป ใครจะว่าเราเราจบใหม่ไฟแรงเราก็ไม่โกรธนะคะ เพราะlifestyle การทำงานเราเป็นแบบนี้แล้ว lifestyleชีวิตเรารวมๆ คือเราเป็นคนชอบเข้าสังคม ชอบอยู่ในเมือง(เคยมีปัญหากะพ่อแม่มาแล้วว่าจะไปทำงานกทม. ตอนนั้นได้งานแล้วต้องแบกหน้าไปยกเลิกนัดเซ็นสัญญาวินาทีสุดท้ายเอง คิดคำพูดเอาเอง) ชอบเจอคนหลากหลายเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจสังคมต่างๆมากขึ้น
เราเลยสงสัยว่า เราเหมาะกับงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจรึป่าว แล้วอย่างเราจะทำหน่วยงานไหนดี
ถ้าเราไม่เหมาะ เราไม่ทำ เราจะบอกพ่อแม่ยังไงดี
ตอนนี้เราเข้าใจพ่อแม่นะคะ ว่า
1.อยากให้เรียนบัญชี=หวังดีกับลูก ลูกก็เลยคนละครึ่งทาง เรียนบัญชี แต่ไม่เรียบร้อยเหมือนเด็กบัญชี แอบรับจ๊อบงานอีเว้น เป็นextra เป็นPR อยู่ตลอด แอบเที่ยวด้วย เกรดก็เลยพอถูๆไถๆ2.9-3.00
2.ที่ไม่ให้ไปกทม.คือ เป็นห่วง เราเลยทำคนละครึ่งทางคือ อยู่แถวบ้าน แต่บ.เป็นสาขาจาก กทม. ก็ไปมากทม.บ่อยๆ พอไปก็ตั้งใจทำงานรีบทำงานที่รับผิดชอบให้เสร็จ ถามพี่เขาว่ามีไรให้ช่วยไหม ถ้าไม่คุณน้องไปเที่ยวนะคะ ไปกับเพื่อนบ้าง คุณแฟนมารับไปบ้างซึ่งไปเที่ยวนี้พ่อแม่ไม่รู้
3.เราเฉยๆงานราชการมาตั้งแต่เด็ก ตอนก่อนนู้นนนนน พี่สาวเราเคยมีปัญหากะพ่อแม่เหมือนกันว่าไม่อยากทำราชการเราก็เฉยๆปนกับเห็นด้วยน้อยนิดกับพ่อแม่ แต่พอเราได้มาทำงานจริงๆ เรากลับเป็นเหมือนพี่สาวซะงั้นคือไม่อยากสอบ ไม่อยากอยู่ราชการ คิดว่างานราชการน่าจะเก็บไว้ทำตอนอายุ30+มากกว่า ไม่น่าจะเป็นงานแรกๆหรือเริ่มแรกในชีวิตการทำงานเพราะมันไม่ตอบสนองตัวเอง และทำให้เราขาดการเรียนรู้สะสมประสบการณ์การทำงาน แต่เราก็ครึ่งทาง อ่ะไปสอบก็ได้ สอบครั้งแรกก็ใช่ว่าจะติดเลยสักหน่อย ถึงติดคงอีกนานกว่าเขาจะเรียก(ปลอบใจตัวเอง) ก็อ่านหนังสือ ตั้งใจสอบให้พ่อแม่สบายใจ
นั่นมันแสดงให้เห็นว่าเราเข้าใจพ่อแม่ระดับนึงใช่ไหมคะ แต่บางครั้งเราก็ท้อ เรารู้สึกว่าเราเป็นฝ่ายปรับตัวหาท่านตลอด จนเรารู้สึกเหนื่อย มีหลายครั้งที่เราแอบร้องไห้ เราจะทำไงดีคะ เราเป็นลูกที่ไม่ดีรึป่าว ครอบครัวเรามีอะไรที่ผิดพลาดไหมคะ
ถ้าแทกผิดขออภัย
เริ่มจะมีปัญหากับพ่อแม่เรื่องงานที่ทำ ช่วยแชร์ความเห็น/แนะนำทีค่ะ ก่อนบ้านจะแตก
ล่าสุดเราไปสอบสาสุขมาค่ะ เป็นระเบียบบัญชีการเงิน การคลัง ของราชการซึ่งเราทำไม่ได้ เราไม่รู้ เป็นการสอบครั้งแรก ก็สอบไม่ติด ในหัวเรามีแต่เรื่องการขยายธุรกิจ การเพิ่มกำไร-*- และสาเหตุสำคัญคือ เราไปสอบเพื่อพ่อแม่ค่ะ พ่อแม่เราหวังมากว่าเราต้องได้งานราชการเพราะเราจบบัญชีมา แต่พี่สาวเราจบอุตสาหกรรมเกษตรด้านแพคเกจเค้าเลยไม่ค่อยอะไรกับพี่สาวเรา และที่สำคัญพ่อแม่เราให้เราย้ายไปเรียนบัญชีตอนเราอยู่ปี1ค่ะ เรายอมเรียนเพราะเราชอบคณะบริหารธุรกิจอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จะเรียนสาขาอะไรและคิดว่าบัญชีกว้างและหางานง่ายกว่าการตลาด
เราเข้าใจนะคะว่างานราชการ มันมั่นคง มีสวัสดิการดี แต่เราเป็นคนนึงที่คิดว่างานทุกงานก็มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกันไป จะมั่นคงหรือไม่อยู่ที่ตัวเราเอง และส่วนตัวเราแล้วเราเป็นคนที่มี lifestyleการทำงานแบบชอบเรียนรู้งานด้านต่างๆ(ก็เลยมาทำธุรการ) ชอบงานท้าทายตื่นเต้น ไม่ชอบแบบเช้าชามเย็นชาม ซึ่งจริงๆเราก็ไม่รู้หรอกนะคะว่างานราชการจะเป็นยังไง แต่อาเราเคยบอกว่า สบายไม่ต้องทำไร ไม่ต้องคิดไร การทำบัญชีต่างๆก็มีรูปแบบมาจากส่วนกลางให้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างที่อาเราว่าเราไม่ชอบอ่ะค่ะ มันอยู่ที่เดิมเกินไป ใครจะว่าเราเราจบใหม่ไฟแรงเราก็ไม่โกรธนะคะ เพราะlifestyle การทำงานเราเป็นแบบนี้แล้ว lifestyleชีวิตเรารวมๆ คือเราเป็นคนชอบเข้าสังคม ชอบอยู่ในเมือง(เคยมีปัญหากะพ่อแม่มาแล้วว่าจะไปทำงานกทม. ตอนนั้นได้งานแล้วต้องแบกหน้าไปยกเลิกนัดเซ็นสัญญาวินาทีสุดท้ายเอง คิดคำพูดเอาเอง) ชอบเจอคนหลากหลายเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจสังคมต่างๆมากขึ้น
เราเลยสงสัยว่า เราเหมาะกับงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจรึป่าว แล้วอย่างเราจะทำหน่วยงานไหนดี
ถ้าเราไม่เหมาะ เราไม่ทำ เราจะบอกพ่อแม่ยังไงดี
ตอนนี้เราเข้าใจพ่อแม่นะคะ ว่า
1.อยากให้เรียนบัญชี=หวังดีกับลูก ลูกก็เลยคนละครึ่งทาง เรียนบัญชี แต่ไม่เรียบร้อยเหมือนเด็กบัญชี แอบรับจ๊อบงานอีเว้น เป็นextra เป็นPR อยู่ตลอด แอบเที่ยวด้วย เกรดก็เลยพอถูๆไถๆ2.9-3.00
2.ที่ไม่ให้ไปกทม.คือ เป็นห่วง เราเลยทำคนละครึ่งทางคือ อยู่แถวบ้าน แต่บ.เป็นสาขาจาก กทม. ก็ไปมากทม.บ่อยๆ พอไปก็ตั้งใจทำงานรีบทำงานที่รับผิดชอบให้เสร็จ ถามพี่เขาว่ามีไรให้ช่วยไหม ถ้าไม่คุณน้องไปเที่ยวนะคะ ไปกับเพื่อนบ้าง คุณแฟนมารับไปบ้างซึ่งไปเที่ยวนี้พ่อแม่ไม่รู้
3.เราเฉยๆงานราชการมาตั้งแต่เด็ก ตอนก่อนนู้นนนนน พี่สาวเราเคยมีปัญหากะพ่อแม่เหมือนกันว่าไม่อยากทำราชการเราก็เฉยๆปนกับเห็นด้วยน้อยนิดกับพ่อแม่ แต่พอเราได้มาทำงานจริงๆ เรากลับเป็นเหมือนพี่สาวซะงั้นคือไม่อยากสอบ ไม่อยากอยู่ราชการ คิดว่างานราชการน่าจะเก็บไว้ทำตอนอายุ30+มากกว่า ไม่น่าจะเป็นงานแรกๆหรือเริ่มแรกในชีวิตการทำงานเพราะมันไม่ตอบสนองตัวเอง และทำให้เราขาดการเรียนรู้สะสมประสบการณ์การทำงาน แต่เราก็ครึ่งทาง อ่ะไปสอบก็ได้ สอบครั้งแรกก็ใช่ว่าจะติดเลยสักหน่อย ถึงติดคงอีกนานกว่าเขาจะเรียก(ปลอบใจตัวเอง) ก็อ่านหนังสือ ตั้งใจสอบให้พ่อแม่สบายใจ
นั่นมันแสดงให้เห็นว่าเราเข้าใจพ่อแม่ระดับนึงใช่ไหมคะ แต่บางครั้งเราก็ท้อ เรารู้สึกว่าเราเป็นฝ่ายปรับตัวหาท่านตลอด จนเรารู้สึกเหนื่อย มีหลายครั้งที่เราแอบร้องไห้ เราจะทำไงดีคะ เราเป็นลูกที่ไม่ดีรึป่าว ครอบครัวเรามีอะไรที่ผิดพลาดไหมคะ
ถ้าแทกผิดขออภัย