ทริปตัวแตก!!! ตะลุยกินแหลก 3วัน2คืน ที่ \\\ HONGKONG ///

ฉลองครบ 100,000 followers กินแหลกเลยว่าจะเอาทริปฮ่องกงมาลงพันทิปให้ทุกคนได้ติดตามแบบเจาะลึกกันหน่อยเพราะว่าลงใน ig อย่างเดียวเห็นทีจะละเอียดไม่พอ

ใครยังไม่ follow อย่าลืมไปกด follow นะครับ อิอิ

หรือติดตาม facebook ได้ทาง https://www.facebook.com/kinlagthailand
ทริปนี้ ผมได้มีโอกาสไปฮ่องกงเป็นเวลา 3 วัน แม้เวลาจะนอนแต่สาบานว่ากินจนพุงจะแตกเท่ากับกินได้ 7 วันสบายๆ
เป็นทริปที่พิเศษเนื่องจากผมมีผมมีโอกาสไปฮ่องกงมาแล้ว 3 ครั้ง ได้มีโอกาสทางร้านอาหารเด็ดๆ ตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆและคนรู้จักที่เป็นคนฮ่องกงเอง
ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่รวบรวมของอร่อยที่ฮ่องกงทั้งอาหารจีนดั้งเดิมและร้านอาหาร ขนมหวานใหม่ๆที่ intrend ในหมู่วัยรุ่นฮ่องกง (ที่ต้องรอคิวกันถึง6 ชั่วโมง!!!!!!) โดยรูปทั้งหมดถ่ายจากกล้อง fuji x-a2 +kit หลังกล้องเลยไม่ได้ผ่านแอพใดๆ ไม่ได้โฆษณาด้วย ซื้อเองใช้เอง555 ทริปนี้ตังตัวเอง เอ้ยตังพ่อล้วนๆครับ
วันแรกกันเลย ผมเดินทางถึงฮ่องกงในเวลาประมานเที่ยง ด้วยสายการบินไทย เมื่อถึงปุ๊บพวกเราไม่รอช้าครับ ตรงดิ่งไปหาอะไรแหลกก่อนหน้าจะทำอย่างอื่น นั่ง airport express มาลงที่สถานีเกาลูน ทริปนี้เราซื้อตั๋วแบบนั่งกี่เที่ยวก็ได้ครับรวมใช้ airport express ไปกลับคนละ 300 เหรียญฮ่องกง


แม้ของช้อปปิ้งจะอยู่ระหว่างทางไปกินแต่นี่มันคือทริปตัวแตก เรื่องช้อปปิ้งเราต้องไว้ทีหลัง ร้านแรกอยู่ในห้าง element เลย

ซึ่งเป็นห้างที่ต่อกับรถไฟฟ้าที่มาจาก airport ชื่อ Tim’s Kitchen

ได้รับรางวัล Quality Tourism Services ถึงในร้านเราก็สั่งๆๆๆ เห็นพนักงานบอกอันไหนน่ากินสั่งหมด

ระหว่างรอก็ถ่ายรูปเล่นไปครับ นี่พี่สาวผมเองครับ

เมนูแรกเสิฟๆเป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้งเด๋งดึ้งๆ กุ้งมาทั้งตัวเลย แป้งเยอะไปนิดนึงแต่โดยรวมเจอกุ้งทั้งตัวนี่ก็ฟินแล้ว

ต่อไปเป็นเต้าหู้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารอบๆทำอะไรมาแต่กินแล้วมีรสเค็มๆอร่อยดีครับ ตัวเต้าหู้ธรรมชาติมากจืดแต่กินกับตัวน้ำแล้วอร่อยเลย

อันดับต่อไปเป็นฮะเก๋าที่ใส่หอยเชลล์ไปด้วยแต่รุ้สึกจะเป็นวิญญาณสะมากกว่าเพราะรับรู้รสไม่ได้เลย เอาเป็นว่ามันคือฮะเก๋า เพราะรสกุ้งมันเด้งมามากกว่าหอยเชลล์เยอะเลยครับ

ซาลาเปาไส้หมูแดงครับ

ทีเด็ดของร้านนี้มันต้องอันนี้ มาฮ่องกงมันต้องกินห่านย่าง กินเข้าไปคำแรกนึกถึงตอนที่ได้กินของอร่อยมากๆแล้วตาลุกวาวอ่าครับ ประมาณนั้นแต่เว่อร์ไปนิด5555 หนังกรอบมากร้านนี้แถมเนื้อก็นุ่มและชุ่มไม่แห้งเลย แต่คือมันมาเยอะแล้วผมกินแทบจะคนเดียวเลยเลี่ยนนิดหน่อยตอนใกล้หมด ย้ำกว่าตอนใกล้หมด55 เพราะมันแอบมีน้ำมันในถ้วยเยอะไปแต่คือถ้าแบ่งกันกินนี่อร่อยจริงๆครับ

ตบท้ายด้วยของหวานมาเป็นคล้ายๆโมจิไส้งาดำ(คล้ายๆบัวลอยงาดำที่ใส่ในน้ำขิงบ้านเรา ทำเอาเสียราคาเลยผม) แต่มันอร่อยนะครับ ทอดกรอบๆมาเป็นของหวานที่ดีมาก สรุปร้านนี้อาหารอร่อย คุณภาพดี บรรยากาศโอเค ราคาแพงไปหน่อยครับ



หลังจากเดินเล่นในห้างelement หาของแปลกๆใหม่ๆลองทานแล้ว ผมก็ตรงดิ่งไปย่านใจกลางของการshopping และเป็นศูนย์กลางของแหล่งนักท่องเที่ยวที่มาที่ฮ่องกง วางของที่โรงแรม Langham tsim sha shui (ที่เลือกที่นี่เพราะเคยไปพักแล้วดี แถมใกล้แหล่งช้อปปิ้งและของกิน เรียกได้ว่าถึงราคาจะแพงกว่าที่อื่นแต่ประหยัดเวลามาก) เอาบรรยากาศโรงแรมมาฝากครับ


หลังจากนั้นก็ออกมาค้นหาของทีเด็ดต่อ ตรงข้าม Parklane ชื่อตึก The One มีแต่วัยรุ่นเขาเดินกันตึกนี้  mission ของการมาตึกนี้คือ  ร้าน Dazzling cafe และ ร้าน Nakamura Tokichi

เริ่มที่ร้าน Dazzling café


ผมที่ถึงกับอึ้งเลยครับบบ  รอไป 3ช.ม. เท่านั้นเอง หืมมมมมมม แต่ก็ถือว่ามีสิ่งที่น่ามองสำหรับหนุ่มๆอย่างผม เพราะร้านนี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องความฟรุ้งฟริ้ง เพราะฉะนั้นระหว่างที่รอก็เห็นสาวๆ มาต่อคิวกัน คุยกันไปกันมา ร้านนี้เขาให้นั่งแค่ 90 นาทีเท่านั้นนะครับ แล้วก็มีกฎว่าทุกคนต้องสั่งเครื่องดื่มคนละ 1 แก้ว อย่างอื่นจะสั่งเท่าไหร่ก็สั่งครับ

เอาเมนูของที่นี่มาฝากครับ ส่วนใหญ่จะเป็นขนมสะมากกว่าและที่ผมสั่งก็เปนเมนูที่ขึ้นชื่อของที่นี่ โดยเมนูที่ร้านนี่ไม่ต้องกลัวนะครับ อ้วนชัวร์ (ร้องไห้แพรพ) #วิปครีมมาาา #ร้องไห้หนักมากกก แต่อย่างที่บอกครับนี่มันทริปตัวแตก กลับมาค่อยลดครับ

อย่างแรกที่มีคือน้ำ 3 แก้วที่ต้องสั่งครับอันนี้เราจะไม่พูดถึง5555 มันไม่ใช่ของเด็ดที่นี่ รสชาติแต่ละแก้วก็พอรับได้ครับ


รอไปซักพักของหวานถึงมาครับ จานแรกชื่อ Party in your mouth honey toast ราคา 98 เหรียญฮ่องกง เหรียญนึงก็ประมาณ 4 บาทกว่าๆ คุณกันเอาเองเลยครับ ขนมปังในจานจะให้เลือกว่าเปนนิ่มหรือกรอบหรือปกติ ผมเลือกแบบกรอบมา เขาอบจนมันกรอบมากจนกรอบไปสำหรับผม แนะนำให้มากินหลายๆคนครับ ไม่งั้นมีจุกตาย

จานต่อไปคือที่ผมต้องการจะมาลองชื่อ Matcha red bean honey toast ราคา 90 เหรียญฮ่องกง หน้าตาดีมาก ข้างบนเปนวิปครีมนุ่มๆไม่เลี่ยน ได้กินสมใจอยากละครับแต่ว่ารสชาติมันไม่ได้อร่อยถึงขั้นที่คิดไว้ สรุปร้านนี้เป็นที่ฮอตฮิตของวัยรุ่นนี่นั่นมาก แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ได้อร่อยขนาดนั้นและคิดว่าเฉยๆครับ แต่ถ้าใครอยากลองก็มาลองได้เลย


ร้านต่อไปกะว่าจะกินตอนเย็นชื่อร้าน Nakamura Tokichi เขาว่ามีแต่ชาเขียวเลยครับร้านนี้ เอะอะเมนูอะไรก็มีชาเขียวเป็นส่วนประกอบ อย่างเช่นราเมนชาเขียว ขนมชาเขียวสารพัด ผมขึ้นไปอยู่ชั้น18 ถ้าจำไม่ผิด ผงะเลยครับขึ้นไปถึงคนรอคิวเยอะมากกกกกกก ไปถึง6โมงเย็น ไม่ให้เข้า ไม่ใช่ว่าร้านปิดนะครับ คิวเต็ม พนักงานบอกเริ่มแจกบัตรคิวตั้งแต่ 11 โมงเช้า ไอ้เราก็มาถึงนี่ละ อยากรู้จริงๆว่าจะอร่อยขนาดไหน ผมจึงวางแผนไปวันต่อไปครับ

หลังจากเดินไปรอบๆ อีกแค่แปบเดียว เอาละครับ หิวอีกละครับ  555555 ถึงชื่อ Kinlag ไงครับ โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินเนื้อมากกก ถึงมากที่สุด ผมเลยหาข้อมูลจากพี่ๆที่เป็นblogger เหมือนกัน เห็นเขาเคยไปกินร้านชาบูร้านนึงเลยไปตามละกันครับแก้ขัดร้านชาเขียว

เราได้ทำการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินของฮ่องกงลงสถานี mong kok ประตู c4

ชื่อร้าน little Sheep หาไม่ยากมองขึ้นไปเป็นรูปแกะ

ร้านนี้มีทั้งบุฟเฟ่ต์และตามสั่ง ผมเลือกเป็นตามสั่งเพราะอยากได้เนื้อดีหน่อยที่สั่งมาเป็นเนื้อแกะกับเนื้อวัว น้ำซุปเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ 2 อันตามที่ผมติ๊กเลย


นี่เป็นที่ตักตรงบุฟเฟ่ห์ครับพวกเนื้อต่างๆจะต้องสั่งให้เขาเอามาให้แต่ว่าไม่ดีเท่าแบบสั่งเป็นจานๆ

อันนี้เป็นเนื้อแกะราคา 138 เหรียญฮ่องกง อร่อยเลยครับ น้ำซุปสีแดงค่อนข้างเผ็ดมากนะครับระวังให้ดี ให้เนื้อมาเยอะมากเลยในแต่ละจานกินกันแทบไม่ไหว

อีกจานเป็น Marbel Beef ราคา 168 เหรียญเรียกได้ว่าจุใจเหมือนกัน แต่สุดท้ายกินไม่เหลือซักชิ้น 5555

สำหรับวันแรก ขอราตรีสวัสดิ์ไว้แค่นี้ก่อนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่