ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ครอบครัวผมได้เดินไปยังจังหวัดทางภาคเหนือ เพื่อพักผ่อนประจำปี, เยี่ยมคุณแม่ภรรยา และใช้โอกาสทำงานในบางวัน
ผมได้ขับรถมากกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร และสิบกว่าจังหวัด
ผมได้ข้อคิดหลายๆ อย่างในการขับรถ ที่เราสามารถประยุกต์ใช้ในการลงทุนในตลาดหุ้นได้ ดังนี้ครับ
1) อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และกับรถทุกชนิด
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและเกิดขึ้นกับรถทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นรถเล็ก รถใหญ่ รถมอเตอร์ไซด์ และ รถจักรยานก็ตาม
ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุน ที่ไม่ว่าเราจะลงทุนในหุ้นแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นเติบโต หุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นยอดนิยมทั้งหลาย มีโอกาสที่เราจะตัดสินใจลงทุนผิดพลาดทั้งนั้น
การลงทุนที่ผิดพลาดอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าเราจะวางแผนดีเพียงใดก็ตาม
2) หลังช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ รถจะโล่ง
หลังบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว รถจะโล่งขึ้น เนื่องจากรถยังติดออในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเมื่อผ่านมาได้ รถจะโล่งและคล่องตัวมาก
เหมือนกับตลาดหุ้นเมื่อตกอย่างแรงแล้ว จะมีหุ้นราคาถูกอยู่เป็นจำนวนมากให้เราได้มีโอกาสลงทุน และมีคนจำนวนน้อยที่สนใจจะลงทุน
ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดี ที่จะลงทุน หลังจากที่ตลาดตกอย่างรุนแรง
แต่ที่สำคัญคือ “อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และกับรถทุกชนิด” หมายความว่า หลังจากที่เราผ่านช่วงที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก
3) ความเร็วที่ใช้
ยิ่งขับรถเร็วยิ่งทำให้เราถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น แต่ต้องแลกกับ ความน่าจะเป็นที่จะเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น, อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เปลืองขึ้น, ค่าซ่อมบำรุงที่มากขึ้น เช่นค่าสึกหรอของระบบเบรค, ความอกสั่นขวัญหาย ของคนขับและผู้โดยสาร และ คำสรรเสริญของผู้ใช้ถนนด้วยกัน
การขับรถเร็วมากนั้นก็เหมือนกับการใช้มาร์จิน สามารถทำกำไรได้มากขึ้นและเร็วขึ้น แต่ถ้าตัดสินใจผิดพลาดกับทิศทางทางของตลาด เราก็จะได้รับความเสียหายอย่างมาก และสามารถหมดตัวได้อย่างรวดเร็ว
แต่ถ้ามองเราเห็นถนนที่โล่งมากๆ เป็นทางตรง ตอนกลางวัน ซึ่งถ้าเราขับรถที่มีสภาพเยี่ยมยอด เราคงจะต้องใช้ความเร็วบ้างใช่ไหมครับ
4) เราไม่รู้หรอกครับ ว่าใครจะขับถึงจุดหมายหรือเปล่า
เราไม่รู้หรอกว่า รถคันที่แซงเรา หรือถูกเราแซง จะไปถึงจุดหมายของเรา ช้าหรือเร็วกว่าเรา เพราะจุดหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน และลักษณะการขับรถก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย
บางคนก็ชอบที่จะขับยาวรวดเดียว ขณะที่อีกคนก็ชอบขับไปเรื่อยๆ พักบ้างเป็นระยะๆ บางคนก็อาจที่จะต้องพักไปเยี่ยมญาติระหว่างทาง
สำหรับการลงทุน ก็เหมือนกันคือ วัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างสไตล์ อย่าไปเปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุนกับคนอื่นให้เสียเวลา
5) หุ้นใหญ่ ก็เหมือนรถบรรทุก รถเทรลเลอร์
หุ้นใหญ่ ก็เหมือนรถบรรทุก รถเทรลเลอร์ อยู่บนถนนใครๆ ก็เกรงใจ ขับไม่เร็วมาก แต่มีระบบที่ดี เช่นจำกัดความเร็ว ไปเรื่อยๆ, ชำนาญเส้นทาง ไปถึงแน่นอน
พนักงานก็ได้รับการฝึกอบรมและดูแลอย่างดี คนขับอยู่ในตำแหน่งสูง มองเห็นทางได้ชัดเจน
มีอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง เดือดร้อนทั้งหมด เช่น รถคว่ำเดือดร้อนทุกเลนทั้งสองฝั่ง น้ำมันรั่วหรือก๊าซรั่ว ทำให้ผู้คนแตกตื่น โกลาหล
เปรียบเหมือน หุ้นขนาดใหญ่ มีผู้บริหารฝีมือดี พนักงานได้รับการอบรม มีโอกาสเติบโตได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา
เมื่อได้ที่หุ้นใหญ่ตก หรือมีข่าวร้าย ตลาดรวมก็จะตกไปด้วย รวมถึงหุ้นเล็กหุ้นน้อยเดือดร้อนกันไปหมด
6) หุ้นปั่น ก็เหมือน รถสิบล้อ คนขับเมายาบ้า
หุ้นปั่น ก็เหมือน รถสิบล้อ คนขับเมายาบ้า ตะบี้ตะบันขับแซงไปทั่ว ใครๆ ก็กลัวและหลีกทางให้ ไม่เคยไปถึงจุดหมายปลายทางสะที
ใครมีหุ้นปั่น ออกไม่ทัน ก็เดือดร้อน มือพอง
7) ด่านตรวจก็เหมือนผู้คุ้มกฏ
ด่านตรวจก็เหมือนผู้คุ้มกฏ ไม่สามารถตรวจได้ทุกคัน มีหน่วยตรวจตามทาง ใครทำไม่ดีเจอด่านตรวจ แต่ไม่โดนตรวจก็โชคดีและผ่านไป
แต่ถ้าโดยตรวจ ก็เสียเวลา เพราะจะโดยตรวจอย่างละเอียดยิบ เสียเวลามาก
เปรียบเหมือน กลต ที่พยายามทำน้าที่ดีที่สุดแล้ว อาจจะมีหลุดไปบ้าง แต่ถ้าใครถูกตรวจสอบก็แน่นอนว่า เสียเวลาและสุขภาพจิตครับ
8) รถที่จอดไว้นานต้องตรวจสภาพ
กลับมาบ้าน มาเจอรถอีกคันที่ไม่ได้ขับมานาน เนื่องจากขับอีกคันไปเที่ยว ก่อนจะเอารถที่จอดไว้นานไปขับก็ต้องตรวจน้ำมันต่างๆ ยางลมรถ ไม่งั้นถ้าเอาไปขับอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
เปรียบเสมือน เมื่อเราร้างลาการลงทุนไปนาน ก็ต้องทบทวนความรู้และสภาพตลาด ไม่งั้นก็จะมีโอกาสล้มเหลวสูง
9) ก่อนออกรถต้องมีจุดมุ่งหมาย
สุดท้ายครับ ทุกครั้งที่เราขับรถ เราจะมีจุดหมายปลายทางมีการวางแผนว่าจะไปทางไหน พักที่ไหน เติมน้ำมันที่ไหน
ดังนั้นถ้าจะลงทุนเราต้องวางแผนด้วยครับ เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง
- ขอให้โชคดีครับ -
“- ประสบการณ์การขับรถ ช่วงปีใหม่กับการลงทุนในตลาดหุ้น –“
ผมได้ขับรถมากกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร และสิบกว่าจังหวัด
ผมได้ข้อคิดหลายๆ อย่างในการขับรถ ที่เราสามารถประยุกต์ใช้ในการลงทุนในตลาดหุ้นได้ ดังนี้ครับ
1) อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และกับรถทุกชนิด
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและเกิดขึ้นกับรถทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นรถเล็ก รถใหญ่ รถมอเตอร์ไซด์ และ รถจักรยานก็ตาม
ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุน ที่ไม่ว่าเราจะลงทุนในหุ้นแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นเติบโต หุ้นขนาดเล็ก หรือหุ้นยอดนิยมทั้งหลาย มีโอกาสที่เราจะตัดสินใจลงทุนผิดพลาดทั้งนั้น
การลงทุนที่ผิดพลาดอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าเราจะวางแผนดีเพียงใดก็ตาม
2) หลังช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ รถจะโล่ง
หลังบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว รถจะโล่งขึ้น เนื่องจากรถยังติดออในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเมื่อผ่านมาได้ รถจะโล่งและคล่องตัวมาก
เหมือนกับตลาดหุ้นเมื่อตกอย่างแรงแล้ว จะมีหุ้นราคาถูกอยู่เป็นจำนวนมากให้เราได้มีโอกาสลงทุน และมีคนจำนวนน้อยที่สนใจจะลงทุน
ดังนั้นเป็นโอกาสที่ดี ที่จะลงทุน หลังจากที่ตลาดตกอย่างรุนแรง
แต่ที่สำคัญคือ “อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และกับรถทุกชนิด” หมายความว่า หลังจากที่เราผ่านช่วงที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก
3) ความเร็วที่ใช้
ยิ่งขับรถเร็วยิ่งทำให้เราถึงจุดหมายได้เร็วขึ้น แต่ต้องแลกกับ ความน่าจะเป็นที่จะเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น, อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เปลืองขึ้น, ค่าซ่อมบำรุงที่มากขึ้น เช่นค่าสึกหรอของระบบเบรค, ความอกสั่นขวัญหาย ของคนขับและผู้โดยสาร และ คำสรรเสริญของผู้ใช้ถนนด้วยกัน
การขับรถเร็วมากนั้นก็เหมือนกับการใช้มาร์จิน สามารถทำกำไรได้มากขึ้นและเร็วขึ้น แต่ถ้าตัดสินใจผิดพลาดกับทิศทางทางของตลาด เราก็จะได้รับความเสียหายอย่างมาก และสามารถหมดตัวได้อย่างรวดเร็ว
แต่ถ้ามองเราเห็นถนนที่โล่งมากๆ เป็นทางตรง ตอนกลางวัน ซึ่งถ้าเราขับรถที่มีสภาพเยี่ยมยอด เราคงจะต้องใช้ความเร็วบ้างใช่ไหมครับ
4) เราไม่รู้หรอกครับ ว่าใครจะขับถึงจุดหมายหรือเปล่า
เราไม่รู้หรอกว่า รถคันที่แซงเรา หรือถูกเราแซง จะไปถึงจุดหมายของเรา ช้าหรือเร็วกว่าเรา เพราะจุดหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน และลักษณะการขับรถก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย
บางคนก็ชอบที่จะขับยาวรวดเดียว ขณะที่อีกคนก็ชอบขับไปเรื่อยๆ พักบ้างเป็นระยะๆ บางคนก็อาจที่จะต้องพักไปเยี่ยมญาติระหว่างทาง
สำหรับการลงทุน ก็เหมือนกันคือ วัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างสไตล์ อย่าไปเปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุนกับคนอื่นให้เสียเวลา
5) หุ้นใหญ่ ก็เหมือนรถบรรทุก รถเทรลเลอร์
หุ้นใหญ่ ก็เหมือนรถบรรทุก รถเทรลเลอร์ อยู่บนถนนใครๆ ก็เกรงใจ ขับไม่เร็วมาก แต่มีระบบที่ดี เช่นจำกัดความเร็ว ไปเรื่อยๆ, ชำนาญเส้นทาง ไปถึงแน่นอน
พนักงานก็ได้รับการฝึกอบรมและดูแลอย่างดี คนขับอยู่ในตำแหน่งสูง มองเห็นทางได้ชัดเจน
มีอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง เดือดร้อนทั้งหมด เช่น รถคว่ำเดือดร้อนทุกเลนทั้งสองฝั่ง น้ำมันรั่วหรือก๊าซรั่ว ทำให้ผู้คนแตกตื่น โกลาหล
เปรียบเหมือน หุ้นขนาดใหญ่ มีผู้บริหารฝีมือดี พนักงานได้รับการอบรม มีโอกาสเติบโตได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา
เมื่อได้ที่หุ้นใหญ่ตก หรือมีข่าวร้าย ตลาดรวมก็จะตกไปด้วย รวมถึงหุ้นเล็กหุ้นน้อยเดือดร้อนกันไปหมด
6) หุ้นปั่น ก็เหมือน รถสิบล้อ คนขับเมายาบ้า
หุ้นปั่น ก็เหมือน รถสิบล้อ คนขับเมายาบ้า ตะบี้ตะบันขับแซงไปทั่ว ใครๆ ก็กลัวและหลีกทางให้ ไม่เคยไปถึงจุดหมายปลายทางสะที
ใครมีหุ้นปั่น ออกไม่ทัน ก็เดือดร้อน มือพอง
7) ด่านตรวจก็เหมือนผู้คุ้มกฏ
ด่านตรวจก็เหมือนผู้คุ้มกฏ ไม่สามารถตรวจได้ทุกคัน มีหน่วยตรวจตามทาง ใครทำไม่ดีเจอด่านตรวจ แต่ไม่โดนตรวจก็โชคดีและผ่านไป
แต่ถ้าโดยตรวจ ก็เสียเวลา เพราะจะโดยตรวจอย่างละเอียดยิบ เสียเวลามาก
เปรียบเหมือน กลต ที่พยายามทำน้าที่ดีที่สุดแล้ว อาจจะมีหลุดไปบ้าง แต่ถ้าใครถูกตรวจสอบก็แน่นอนว่า เสียเวลาและสุขภาพจิตครับ
8) รถที่จอดไว้นานต้องตรวจสภาพ
กลับมาบ้าน มาเจอรถอีกคันที่ไม่ได้ขับมานาน เนื่องจากขับอีกคันไปเที่ยว ก่อนจะเอารถที่จอดไว้นานไปขับก็ต้องตรวจน้ำมันต่างๆ ยางลมรถ ไม่งั้นถ้าเอาไปขับอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
เปรียบเสมือน เมื่อเราร้างลาการลงทุนไปนาน ก็ต้องทบทวนความรู้และสภาพตลาด ไม่งั้นก็จะมีโอกาสล้มเหลวสูง
9) ก่อนออกรถต้องมีจุดมุ่งหมาย
สุดท้ายครับ ทุกครั้งที่เราขับรถ เราจะมีจุดหมายปลายทางมีการวางแผนว่าจะไปทางไหน พักที่ไหน เติมน้ำมันที่ไหน
ดังนั้นถ้าจะลงทุนเราต้องวางแผนด้วยครับ เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง
- ขอให้โชคดีครับ -