ผมขอแชร์นะครับ 5 หลักการใช้ชีวิตให้ปลอดภัยและมีสุข ดังนี้
1.มีสติ คือการมีสติทุกขณะจิต เราทำอะไรอยู่เราก็รู้ตัวว่าเราทำอะไร ไม่ใช่ว่าขับอยู่นึกไปว่าเรากำลังกินข้าว หรือเป็นหนี้ก็เก็บเอามาคิดอยู่ตลอดเวลา จนเสียสุขภาพจิตเรา “ทำอะไรอยู่ ให้รู้ว่าทำอย่างนั้น”
2.อยู่ถูกที่ คือการลีกเลี่ยงสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย เช่นเดินคนเดียวในซอยเปลี่ยวเพื่อไปซื้อของกิน ถ้าจำเป็นก็หาเพื่อนไปด้วย หรือ ถ้าไม่มีและไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางในที่เปลี่ยวก็ควรลีกเลี่ยง ควรที่จะซื้ออาหารสำเร็จรูปมาเก็บตุนไว้บ้างสักนิด “อยู่ถูกที่ ชีวิตก็ปลอดภัย” และควรรู้ว่าชีวิตคุณต้องเดินทางไปไหนบ้าง อยู่ที่ไหนบ้าง เพื่อประเมินว่าที่ที่เราจะไปมันปลอดภัยหรือไม่
3.อยู่กับปัจจุบัน คือการยอมรับกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่เราก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว เช่น เราเจ็บป่วยซึ่งคนเรามีโอกาสเป็นทุกคน และเราก็มีการตรวจสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้วยังป่วยแล้วไม่ยอมรับความจริง มัวคิดว่าตัวยังแข็งแรง เรียวแรงยังดี ก็โหมทำงานอย่างหนักจนอาการป่วยแย่ลงกว่าเดิม “พระท่านบอกว่า จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่อาลัยอดีต ไม่เพ้อฝันถึงอนาคต” คุณก็จะมีชีวิตที่สดใส
4.รู้จักเลือกกิน เลือกใช้ เราบริโภคอะไรเข้าไปก็ได้อย่างนั้น ตลอดชีวิตเราต้องกินทุกวัน กินจนถึงวันสุดท้าย เราก็ควรที่จะรู้ว่าสิ่งที่บริโภคเข้าไปมันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง และก็ต้องทราบว่าร่างกายคนเราต้องการสารอาหารอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้บริโภคอาหารได้ถูกหลัก “อาหารที่ดีก็ช่วยให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง และยืนยาว”
ก่อนใช้อะไรก็ควรตรวจสอบให้ดีๆ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายได้
5.รู้จักปล่อยวาง คือ เมื่อเราล้มเหลว เจอปัญหา มาคอยบั่นทอนจิตใจให้เป็นทุกข์ตลอดเวลา เราควรปล่อยว่างมัน ผมไม่ได้หมายความว่าปล่อยเลยตามเลย ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า ชีวิตล้วนไม่เที่ยง เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป “ตัวกูเป็นของกูแล้วตัวกูก็จากก็ไป” เวลาเกิดปัญหาต้องมองกว้างๆ ให้ลองจิตนาการว่า เราอยู่นอกโลกแล้วมองมายังโลกใบนี้ แล้วค่อยๆพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วคุณจะพบกับทางออก
5 หลักการใช้ชีวิตให้ปลอดภัยและมีสุข!!
1.มีสติ คือการมีสติทุกขณะจิต เราทำอะไรอยู่เราก็รู้ตัวว่าเราทำอะไร ไม่ใช่ว่าขับอยู่นึกไปว่าเรากำลังกินข้าว หรือเป็นหนี้ก็เก็บเอามาคิดอยู่ตลอดเวลา จนเสียสุขภาพจิตเรา “ทำอะไรอยู่ ให้รู้ว่าทำอย่างนั้น”
2.อยู่ถูกที่ คือการลีกเลี่ยงสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย เช่นเดินคนเดียวในซอยเปลี่ยวเพื่อไปซื้อของกิน ถ้าจำเป็นก็หาเพื่อนไปด้วย หรือ ถ้าไม่มีและไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางในที่เปลี่ยวก็ควรลีกเลี่ยง ควรที่จะซื้ออาหารสำเร็จรูปมาเก็บตุนไว้บ้างสักนิด “อยู่ถูกที่ ชีวิตก็ปลอดภัย” และควรรู้ว่าชีวิตคุณต้องเดินทางไปไหนบ้าง อยู่ที่ไหนบ้าง เพื่อประเมินว่าที่ที่เราจะไปมันปลอดภัยหรือไม่
3.อยู่กับปัจจุบัน คือการยอมรับกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่เราก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว เช่น เราเจ็บป่วยซึ่งคนเรามีโอกาสเป็นทุกคน และเราก็มีการตรวจสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้วยังป่วยแล้วไม่ยอมรับความจริง มัวคิดว่าตัวยังแข็งแรง เรียวแรงยังดี ก็โหมทำงานอย่างหนักจนอาการป่วยแย่ลงกว่าเดิม “พระท่านบอกว่า จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่อาลัยอดีต ไม่เพ้อฝันถึงอนาคต” คุณก็จะมีชีวิตที่สดใส
4.รู้จักเลือกกิน เลือกใช้ เราบริโภคอะไรเข้าไปก็ได้อย่างนั้น ตลอดชีวิตเราต้องกินทุกวัน กินจนถึงวันสุดท้าย เราก็ควรที่จะรู้ว่าสิ่งที่บริโภคเข้าไปมันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง และก็ต้องทราบว่าร่างกายคนเราต้องการสารอาหารอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้บริโภคอาหารได้ถูกหลัก “อาหารที่ดีก็ช่วยให้เรามีร่างกายที่แข็งแรง และยืนยาว”
ก่อนใช้อะไรก็ควรตรวจสอบให้ดีๆ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายได้
5.รู้จักปล่อยวาง คือ เมื่อเราล้มเหลว เจอปัญหา มาคอยบั่นทอนจิตใจให้เป็นทุกข์ตลอดเวลา เราควรปล่อยว่างมัน ผมไม่ได้หมายความว่าปล่อยเลยตามเลย ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า ชีวิตล้วนไม่เที่ยง เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป “ตัวกูเป็นของกูแล้วตัวกูก็จากก็ไป” เวลาเกิดปัญหาต้องมองกว้างๆ ให้ลองจิตนาการว่า เราอยู่นอกโลกแล้วมองมายังโลกใบนี้ แล้วค่อยๆพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วคุณจะพบกับทางออก