เตือนภัยผู้หญิงที่เที่ยวBrussels, Belgium คนเดียวค่ะ

ยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านจริงๆค่ะ ตอนนี้คนร้ายยังลอยนวลอยู่

ขออนุญาตแท็กห้องโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ เพราะอยากให้ผู้หญิงได้อ่าน คนร้ายดูผู้หญิงที่แต่งตัวดูดี หรือดูชอบแฟชั่น

เรื่องนี้เกิดมาสักพักแล้ว เห็นตอนนี้เทรนด์แบกเป้เที่ยวกำลังมาแรง ก็อยากเตือนผู้หญิงด้วยกันไว้ค่ะ ถึงการคมนาคมจะสะดวกขึ้น แต่ภัยสังคมก็มากขึ้นด้วยนะคะ

เราเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่สวิส หลังจากที่ตะลุยยุโรปกับเพื่อนๆไปเยอะแล้วก็รู้สึกมั่นใจขึ้นว่าตัวเองน่าจะลุยเดี่ยวต่างประเทศได้บ้าง
เดือนพฤษภาคมที่เพิ่งผ่านนี้จึงตัดสินใจบินไปBrussels ต่อด้วยBruges, Antwerp, และAmsterdam คนเดียวอมยิ้ม04

เราพักairbnbที่บรัสเซลกับอันท์เวิร์ปค่ะ เคยใช้บริการมาหลายเมืองแล้ว ครั้งนี้ก็ประทับใจอีกเช่นเคย
แพลนคืออยู่บรัสเซล2คืน บรูจ1คืน และอันท์เวิร์ป2คืน อัมสเตอร์ดัม2คืน

เรื่องเกิดขึ้นที่บรัสเซลค่ะ ที่ผ่านมาเราก็เห็นแต่คนบอกว่าคนอิตาลีอันตราย ไปอิตาลีให้ระวัง
แต่ไปอิตาลี4-5รอบ ก็ไม่เคยโดนอะไรเลย เจอแต่เรื่องนอกประเทศเค้า เรียกว่าขึ้นอยู่กับดวงจริงๆ ร้องไห้

สองวันแรกของทริปก็ไม่มีอะไรค่ะ แถมได้เพื่อนเดินทางด้วย เป็นคนรัสเซียวัยสามสิบ เห็นเราเที่ยวผู้หญิงคนเดียวเลยเป็นห่วง มาเที่ยวเป็นเพื่อนทั้งวันที่2 และ3(บังเอิญเจอวันที่3)
พอดีเราทำบัตรHop-on Hope-offหายวันที่3 เลยต้องแยกกับเขา ไปเจอกันที่Musuem of Natural Science
เราเดินจากแถวมหาวิหารกลางเมือง มาที่จุดที่รถน่าจะจอดให้เขาลงใกล้ๆพิพิธภัณฑ์
แต่เดินหาเท่าไหร่ก็หาเขาไม่เจอ วันนั้นเราcheck outจากairbnbตั้งแต่เช้าแล้ว เดินไปก็สะพายเป้ไปด้วย ดูแว๊บเดียวก็พอเดาได้ว่าเป็นนักท่องเที่ยว ผมดำด้วย

...ระหว่างที่เดินไปที่พิพิธภัณฑ์ ก็มีรถเก๋งลดกระจกลงมาจอดเทียบข้างๆ เรียกเรา
คนขับเป็นผู้ชาย หน้าตาไม่เกิน40 (เราว่าสามสิบ) เขากางแผนที่อยู่ในมือ ถามว่าเราพูดภาษาอังกฤษมั้ย
พอรู้ว่าเราคุยกับเขารู้เรื่องเท่านั้นแหละ เขาก็บอกว่า เขามาจากอิตาลี ดูๆแล้วเราเป็นคนชอบแต่งตัวใช่มั้ย เรารู้จักChannel, Gucci, Armani, etc... มั้ย? เราก็เออออไป
แล้วเขาก็บอกเราว่าเขาเป็นดีไซเนอร์ให้แบรนด์พวกนี้ (คือเขาท่าทางเหมือนคนเป็นดีไซน์เนอร์มาก) วันนี้ยูวคือผู้โชคดี เขามีของขวัญจะให้

ณ ตอนนั้นคือเราตื่นเต้นอ่ะ แบบว่า จริงเหรอออ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อย

แต่เราก็เอะใจนะ ว่าจะให้ฟรีเหรอ  =___= แล้วเขาก็ไม่ยอมให้ถ่ายรูปด้วย รีบพูดขึ้นมาว่าภรรยาจะหึง ห้ามถ่ายรูปด้วยเด็ดขาด
พอเราจะขอถ่ายแต่เขาคนเดียว เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง

แล้วเขาก็ยื่นนามบัตรมาให้เราดู (แล้วหย่อนลงไปในถุงของขวัญ เอาไว้เบาะหลังรถ) บอกว่า เขามางานแฟชั่นconference อะไรทำนองนี้ ขับรถมาไกลจากมิลานเลยทีเดียว (แบบว่า นึกถึงแผนที่ยุโรปออกมั้ยคะ อิตาลีคือทางขวาล่างของยุโรปตะวันตก เบลเยี่ยมอยู่ซ้ายบน ติดกับฝรั่งเศส ..คือไกลมากกกก)
แล้วตอนนี้เขาก็เพิ่งเสร็จธุระกำลังจะขับรถกลับอิตาลี แต่น้ำมันหมด ตังก็ไม่มี บัตรเครดิตที่เอามาก็ใช้ไม่ได้สักใบ
เราถามว่าทำไมไม่โทรถามครอบครัวให้ช่วย เขาบอกว่าโทรศัพท์แบตหมด

ถึงตอนนี้ทุกคนคงร้องอ๋อกันแล้วแน่นอน ...ใช่ค่ะ เขาขอให้เราเติมน้ำมันให้ แลกกับของขวัญ เป็นกระเป๋าหนังจระเข้สีเทา และแจ๊คเกตหนังแท้สองตัวที่อยู่ในถุงพลาสติกอย่างดี มีเขียนคำว่า sample กับรหัส บนห่อด้วย
เราได้จับกระเป๋าค่ะ มั่นใจว่าของหนังแท้แน่นอน กลิ่นหนังมาเต็มๆ
แต่เราไม่ได้จับแจ๊กเกตค่ะ

สงสัยมั้ยคะว่าเราได้จับของยังไง
... แต่ะแต๊นนน เราซื่อบื้อมาก เหนื่อยมาก อยากนั่งมาก เลยขึ้นรถเขาค่ะ แล้วให้เขาขับพาไปปั๊ม เราจะจ่ายค่าน้ำมันให้ แต่เขาต้องมาส่งที่พิพิธภัณฑ์นะ เขาก็โอเค~

ขึ้นรถปั๊ป เขาก็เอาอัลบั้มแฟชั่นไอเทมมาเปิดให้ดูว่าตัวนี้ๆๆนะที่ไอจะให้ยูวววว
ต้องใส่กับรองเท้าแบบนี้นะๆ
แล้วยังมีมาติการแต่งตัวของเราในวันนั้นด้วยว่า รองเท้าสีกากีของเรา ห้ามใส่กับแจ๊คเกตสีดำของเขา ต้องใส่บูตสีดำแบบในรูป
ของที่ไอจะให้ยูวเป็นสินค้าที่ยังไม่ออกจำหน่ายนะ ยูวโชคดีสุดๆ บลาๆๆๆ

เราขอนามบัตรเขาอีกรอบ แต่เขาบอกว่าเขาใส่ไว้ในถุงให้แล้ว (เราก็คาใจมาก)
พอเขาขับไปได้ประมาณ5นาที (ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก) เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเติมน้ำมันบนทางด่วน Highway ถูกกว่าในเมือง จะขอเงินสดเราแทน

เราก็ให้เขาไป 70ยูโร ตามที่เขาบอกว่าหนึ่งแกลลอนราคานี้

พอยื่นให้เขาก็บอกว่า ยูวล้อเล่นหรือไง
ของของไอ ราคาหลายร้อยยูโร แค่กระเป๋าก็หกร้อยกว่ายูโรแล้ว
เราเลยถามว่าเติมกี่ถัง (จขกท.ไม่เคยเติมน้ำมันรถ T^T)  เขาบอกว่าอย่างต่ำๆก็ห้า
เราเลยให้ไป350ยูโร !!!!  ตอนนั้นไม่ทันคิดมากๆ รู้สึกเสียใจที่สุดแล้ว
พอได้ปั๊ป เขาก็เก็บอาการนะ บอกว่าน่าจะพอแล้ว ขอบคุณเรามาก ถ้าไปมิลานให้ติดต่อเขาได้ เขามาบ้านพักตากอากาศอยู่ จะให้ไปพักฟรี 55555
น้ำเสียงแบบ ซึ้งใจสุดๆ บอกว่า เราเป็นผู้ช่วยชีวิตเขา เขาจะไม่มีวันลืมเราไปตลอดชีวิตเลย  (ไม่ลืมว่าเราโง่บรมสินะ  -____-)

แล้วเขาก็วนพาเราไปส่งที่เดิม (ปรากฎชั้นก็ต้องเดินไปพิพิธภัณฑ์เหมือนเดิม)

ลงรถปั๊ป เราก็นึกขึ้นได้ว่า ช้านขึ้นEASYJET มานี่ (เวรละ ค่าโหลดกระเป๋าอีก)  -_____-*
เลยจะหันไปคืนของแล้วขอเงินคืน แต่เขาหายไปแล้ว (ฟิ้วววววว)

เราเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ หานามบัตรเขา แต่...อย่างที่ลางมันบอก~ ไม่มีนามบัตรค่ะ เหอๆ ลางสังหรณ์มี แต่ไม่ใช้
แถมเราสายมากเลยด้วย หาเพื่อนไม่เจออีก
และแล้วทริปนั้น อีก5คืน 6วัน เราก็ต้องแบกเจ้าไอเทมพวกนี้ไปด้วย เดินไปทางไหน คนก็มองแต่ถุงสองถุง มันใหญ่มากกกกกก ถุงแบบบรรจุของแบรนด์เนม

ซวยซ้ำสองคือ ไอเทมเป็นของปลอม
กระเป๋าเป็นหนังวัวอัดลายจระเข้ (มาถามพี่ร้านกระเป๋าหนังที่วังหลัง) มีเส้นเลือดด้วยอ่ะ T^T
ส่วนแจ๊คเกตคือโพลิเอสเตอร์ แต่แบบสวยนะคะ ไม่ซ้ำใคร มองมาหลายตลาดละ(แบบเจ็บใจมาก) ตลาดในFlorence, Rome, Milan ก็ไม่มีแบบที่ได้มา
ของทุกอย่างที่ได้มา มีป้ายแบรนด์ห้อยอยู่ค่ะ คือเป็นของใหม่ มียี่ห้อ เรารู้จักด้วย แต่มิจฉาชีพคนนั้นโกหกว่าเป็นhigh brand

ซวยซ้ำสามคือ เพื่อนบอกว่าเราโง่มากที่ไปขึ้นรถเขา (เราสำนึกแล้ววว ร้องไห้) ดีนะที่เขาไม่พาเราไปทำอะไรมิดีมิร้าย

เรื่องเงินที่เสียไปอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่เมื่อเรามาคิดว่า ดีแค่ไหนแล้วที่เรายังปลอดภัยอยู่ ถ้าเราไม่ให้เงินเขา เราอาจโดนอะไรไปแล้วก็ได้
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับสาวๆที่อยากแบกเป้ตะลุยเดี่ยวนะคะ ปัจจุบัน นายอิตาเลียนมีเคราคนนี้ก็ยังลอยนวลอยู่ และอาจไม่ไปแค่ในบรัสเซลก็ได้เพราะเขามีรถ ขอให้ระวังกันไว้ด้วยค่ะ เจอคนแปลกหน้าคุยเรื่องเงิน ห้ามคุยต่อเลยนะคะ Y_Y

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่