คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 64
ผมว่าคุณพนักงานที่เข้ามาตอบและสมาชิกบางท่านนี่พลาดในสาระสำคัญบางอย่างนะครับ
สรุปเหตุการณ์แบบ time line
1. จขกท ไปซื้อเครื่องพิมพ์ที่ร้าน
2. จขกท นำกลับไปแต่พบว่าเครื่องไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น
3. จขกท ติดต่อทางร้านเพื่อขอคำปรึกษาทางโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ประสบผล
4. ช่างเสนอให้จขกท นำเครื่องมาตรวจสอบที่ร้านในวันรุ่งขึ้น (ณ ขณะนั้นยังไม่มีใครทราบว่าจะจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่อง
5. จขกท ยกเครื่องไปที่ร้าน โดยไม่ได้เอาอย่างอื่นไป เพราะช่างบอกแค่นี้
6 ที่ร้าน ช่างไม่สามารแก้ไขได้ จึงตัดสินใจเพลี่ยนเครื่องให้
7. ช่างบางคนไม่ยอมโดยอ้างว่าไม่มีกล่องเปลี่ยนให้ไม่ได้รายละเอียดตามที่จขกท โพส
8. จขกท ยอมวางเงินมัดจำเพื่อเปลี่ยนเครื่อง และนำกล่องมาให้ในภายหลัง
แต่ช่างคนนั้นไม่ยอมอีกจนมีปากเสียง
9. จขกท ให้พนักงานของตนนำกล่องมาให้
10. ช่างคนนั้นไม่พอใจ มีการพูดข่มขู่ และถ่ายรูปจขกท รวมทั้งโทรศัพท์หาบุคคลอื่นภายนอก
สรุป ตอนแรกไม่มีใครทราบว่าจะได้เปลี่ยนเครื่อง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ จขกท จะไม่ได้เอาอุปกรณ์อย่างอื่นไป
ต่อมาในเมื่อ ผจก อนุโลมให้เอากล่องมาให้ในภายหลัง ช่างถือสิทธิ์อะไรที่จะปฏิเสธ และพูดดูหมิ่นลูกค้า
และเมื่อลูกค้ายอมวางเงินมัดจำเพื่อเป็นหลักประกันการนำกล่องมาคืนแล้ว
พนักงานยิ่งควรต้องเอาใจใส่
จะมาอ้างกฏระเบียบมันก็ประหลาดไป เพราะคุณคือเอกชน
มันไม่ได้มีข้อกฏหมายบังคับแบบราชการ
แล้วถ้าจะมีผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจมาเอาผิดกับเคสแบบนี้ ก็แสดงว่าผู้บริหารคนนั้นโง่และขาดธรรมาภิบาลอย่างยิ่ง
และสุดท้าย การที่พนักงานจะมาอ้างว่าลูกค้าก็แรงด้วยนั้นมันน่าเกลียดมาก
ลูกค้าเอาเงินมาซื้อไม่ได้ขอฟรี ในเมื่อให้ไม่ได้ตามที่เขาจ่ายไป เขาก็ต้องโวยวายเป็นธรรมดา
ยิ่งได้เจอพนักงานมาแสดงกิริยาไม่ดีใส่ คนธรรมดาที่ไหนก็ต้องอารมณ์ขึ้นอยู่แล้ว
แต่พนักงานจะเอาสิทธิ์อะไรไปบังคับให้ลูกค้าต้องเรียบ ๆ ร้อย ๆ แม้จะถูกพนักงานแสดงกิริยาไม่ดีใส่
การที่มาบอกว่าลูกค้าก็แรง นี่ไม่ได้ช่วยให้ภาพพจน์พนักงานดีขึ่นเลย
ลองคิดดูให้ดีว่าที่มาต่อปากต่อคำอยู่นี้ช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้าง
กลับกัน สิ่งที่กำลังทำอยู่นี้มันจะส่งผลเสียอะไรเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
ทางบริษัทจะว่ายังไงไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าพนักงานของผมมาตอบกระทู้แบบนี้ ผมคงไม่ยินดีกับพนักงานคนนั้นสักเท่าไหร่
สรุปเหตุการณ์แบบ time line
1. จขกท ไปซื้อเครื่องพิมพ์ที่ร้าน
2. จขกท นำกลับไปแต่พบว่าเครื่องไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น
3. จขกท ติดต่อทางร้านเพื่อขอคำปรึกษาทางโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ประสบผล
4. ช่างเสนอให้จขกท นำเครื่องมาตรวจสอบที่ร้านในวันรุ่งขึ้น (ณ ขณะนั้นยังไม่มีใครทราบว่าจะจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่อง
5. จขกท ยกเครื่องไปที่ร้าน โดยไม่ได้เอาอย่างอื่นไป เพราะช่างบอกแค่นี้
6 ที่ร้าน ช่างไม่สามารแก้ไขได้ จึงตัดสินใจเพลี่ยนเครื่องให้
7. ช่างบางคนไม่ยอมโดยอ้างว่าไม่มีกล่องเปลี่ยนให้ไม่ได้รายละเอียดตามที่จขกท โพส
8. จขกท ยอมวางเงินมัดจำเพื่อเปลี่ยนเครื่อง และนำกล่องมาให้ในภายหลัง
แต่ช่างคนนั้นไม่ยอมอีกจนมีปากเสียง
9. จขกท ให้พนักงานของตนนำกล่องมาให้
10. ช่างคนนั้นไม่พอใจ มีการพูดข่มขู่ และถ่ายรูปจขกท รวมทั้งโทรศัพท์หาบุคคลอื่นภายนอก
สรุป ตอนแรกไม่มีใครทราบว่าจะได้เปลี่ยนเครื่อง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ จขกท จะไม่ได้เอาอุปกรณ์อย่างอื่นไป
ต่อมาในเมื่อ ผจก อนุโลมให้เอากล่องมาให้ในภายหลัง ช่างถือสิทธิ์อะไรที่จะปฏิเสธ และพูดดูหมิ่นลูกค้า
และเมื่อลูกค้ายอมวางเงินมัดจำเพื่อเป็นหลักประกันการนำกล่องมาคืนแล้ว
พนักงานยิ่งควรต้องเอาใจใส่
จะมาอ้างกฏระเบียบมันก็ประหลาดไป เพราะคุณคือเอกชน
มันไม่ได้มีข้อกฏหมายบังคับแบบราชการ
แล้วถ้าจะมีผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจมาเอาผิดกับเคสแบบนี้ ก็แสดงว่าผู้บริหารคนนั้นโง่และขาดธรรมาภิบาลอย่างยิ่ง
และสุดท้าย การที่พนักงานจะมาอ้างว่าลูกค้าก็แรงด้วยนั้นมันน่าเกลียดมาก
ลูกค้าเอาเงินมาซื้อไม่ได้ขอฟรี ในเมื่อให้ไม่ได้ตามที่เขาจ่ายไป เขาก็ต้องโวยวายเป็นธรรมดา
ยิ่งได้เจอพนักงานมาแสดงกิริยาไม่ดีใส่ คนธรรมดาที่ไหนก็ต้องอารมณ์ขึ้นอยู่แล้ว
แต่พนักงานจะเอาสิทธิ์อะไรไปบังคับให้ลูกค้าต้องเรียบ ๆ ร้อย ๆ แม้จะถูกพนักงานแสดงกิริยาไม่ดีใส่
การที่มาบอกว่าลูกค้าก็แรง นี่ไม่ได้ช่วยให้ภาพพจน์พนักงานดีขึ่นเลย
ลองคิดดูให้ดีว่าที่มาต่อปากต่อคำอยู่นี้ช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้าง
กลับกัน สิ่งที่กำลังทำอยู่นี้มันจะส่งผลเสียอะไรเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่
ทางบริษัทจะว่ายังไงไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าพนักงานของผมมาตอบกระทู้แบบนี้ ผมคงไม่ยินดีกับพนักงานคนนั้นสักเท่าไหร่
ความคิดเห็นที่ 38
ทาง จขกท. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ CS ของไอทีซิตี้ วันนี้ตอนช่วง 10.00 น. เพื่อโทรมาสอบถามรายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้น และได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าว พนักงาน CS แจ้งเราว่าการเปลี่ยนของ หากลูกค้าไม่ได้นำกล่องมาคืนตามเงื่อนไขทางไอทีซิตี้ทำการเปลี่ยนเครื่องให้ได้ ไม่ใช่ปัญหาหลัก เพราะกรณีดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งทางไอทีซิตี้เองจะเป็นผู้ประสานกับผู้ผลิตโดยตรงว่าลูกค้าได้ทำการทิ้งกล่องไปแล้ว มีหลายวิธีค่ะ สำหรับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
อีกทั้ง วันนี้เราได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมไปว่านายคนนี้ ยังมีความพยายามจะถ่ายภาพเรา ด้วยโทรศัพท์มือถือ เพราะเป็นช่วงที่เราเผลอและบังเอิญ พนักงานของเราเห็นเฟลชโทรศัพท์ปรากฎขึ้นและพยายามจะเดินเข้าไปถาม แต่นายคนนี้ได้รู้ตัวก่อนและเก็บโทรศัพท์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ CS ได้แจ้งว่า การถ่ายรูปลูกค้าเก็บไว้ในลักษณะนี้เป็นข้อห้ามอย่างยิ่งของบริษัท และจะดำเนินการตรวจเช็คโทรศัพท์ของพนักงานให้ในช่วงบ่ายวันนี้อย่างเร่งด่วน แต่ตอนนี้ยังติดต่อพนักงานไม่ได้ เพราะเมื่อคืนวันที่ 9/8/57 ช่างคนนี้ได้อยู่ที่ออฟฟิศถึงเวลาตี 5 และยังไม่เข้ามาทำงานติดต่อไม่ได้ (ในใจก็แอบคิด อยู่ทำอะไรถึงตี 5 เกี่ยวข้องกับเราหรือเปล่า?? )
...............................
เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.46 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ CS ได้ทำการโทรแจ้งมาว่า พนักงานคนดังกล่าวได้ถูกเรียกมาสอบสวนที่สำนักงานใหญ่ ที่อาคารพันทิป ผลภายหลังการพูดคุย พบว่าพนักงานคนดังกล่าวยอมรับว่าที่ทำไปเพราะอารมณ์โมโห และอยากขอโทษในเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับลูกค้า ในส่วนนี้เรามีความรู้สึกว่าคนยอมรับผิดก็ให้อภัยให้มันจบๆ กันไปได้ แต่ในเรื่องความปลอดภัยเราไม่แน่ใจนักหลังจากนี้ และในส่วนการถ่ายภาพลูกค้าเก็บไว้ในมือถือนั้น พบว่ามีภาพถ่ายดังกล่าวจริง ทางเจ้าหน้าที่ CS จึงได้ทำการลบภาพดังกล่าวออกจากโทรศัพท์มือถือของพนักงานแล้ว ต้องขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด.
ทั้งนี้พนักงาน CS คุณมลได้ขออนุญาตให้ช่างคนดังกล่าว อธิบายและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราทางโทรศัพท์ ช่างคนดังกล่าวได้ยอมรับและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับประกันว่าจะไม่มีการไปคุกคามหรือติดตามเราหลังจากนี้แน่นอน อีกทั้งยังปฏิเสธว่าไม่ได้มีความประสงค์ร้ายๆ ใดต่อลูกค้า เราจึงสอบถามไปว่า หากคุณไม่ได้คิดอะไร แล้วทำไมต้องถ่ายภาพลูกค้าเอาไว้ด้วย หวังสิ่งใดกัน?? ช่างคนนี้เขาตอบมาว่าแค่ต้องการกวนตีนลูกค้าเฉยๆ
บอกตรงๆ ด้วยพยานบุคคล + พฤติกรรม,อารมณ์ + เหตุการณ์แวคล้อม ในขณะนั้นจะพูดได้หรอว่าแค่ต้องการกวนตีนลูกค้า เป็นใครก็ต้องคิดแล้วว่า มีความไม่ชอบมาพากล ทุกคนก็ต้องป้องกันตัวเองการไปแจ้งความในเย็นวันนั้นเองจึงเป็นสิ่งที่บริษัทของดิฉันตัดสินใจไม่ผิด เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงมันคือความผิดอาญาและหลักฐานที่เป็นคลิปวีดีโอบันทึกเสียงของเราก็สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ เพราะถือว่าเป็นความผิดในขั้นตระเตรียมการและประสงค์ต่อผลเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ดี เราเองก็ต้องป้องกันตัวเองหลังจากนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!! แต่หากช่างคนนี้จะสำนึกได้อย่างจริงใจอย่างที่เขาพูดมาในวันนี้จริง ก็คงจะเป็นผลดีกับตัวของเขาเองในอนาคต.
สำหรับ จขกท. ได้ขอขอบคุณสำหรับความรวดเร็วและการรับผิดชอบของ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ของไอทีซิตี้ ที่ไม่นิ่งนอนใจและเร่งติดตามดำเนินการเรื่องนี้ให้อย่างเร่งด่วน ความจริงเมื่อวานภายหลังเกิดเรื่อง จขกท. ได้พยายามโทรติดต่อไปที่ฝ่ายลูกค้าประมาณ 10 ครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย เข้าใจว่าเป็นอาทิตย์คงไม่มีคนทำงาน จึงได้เลือกทางออกด้วยการมา ตั้งกระทู้ในพันทิป เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนบทหนึ่ง ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นไม่ว่ากับใครก็ตามที่เป็นลูกค้าของคุณ....
ถึงตรงนี้อยากจะแชร์ด้วยว่า ต่อให้เป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่หรือในตลาดหลักทรัพย์หรือนอกตลาดหลักทรัพย์ การมี Internal control ที่ดีเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม แต่ได้โปรดอย่าได้วางใจ "ระบบการทำงานที่ดี" ว่าจะเป็นหลักยึดสำหรับพนักงานของคุณได้เสมอไป เพราะตัวระบบเองอาจจะมาสร้างปัญหาให้คุณ ตราบใดที่ "คน" ของคุณไม่รู้จักปรับใช้ระบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ จากการทำงาน จขกท. ขอบอกไว้เลยว่า ระบบที่คุณควรเข้มงวดอย่างเคร่งครัด คือการป้องกันการรั่วไหลเรื่องการเงิน , บัญชี , ทรัพย์สิน+สินค้า และทรัพยากรในองค์กรของคุณ ไม่ใช่ต่อลูกค้า
อย่าไว้วางใจทะเลยามสงบเงียบ อาจมีคลื่นใต้น้ำซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ชีวิตของ จขกท. ก็เช่นกัน.
อีกทั้ง วันนี้เราได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมไปว่านายคนนี้ ยังมีความพยายามจะถ่ายภาพเรา ด้วยโทรศัพท์มือถือ เพราะเป็นช่วงที่เราเผลอและบังเอิญ พนักงานของเราเห็นเฟลชโทรศัพท์ปรากฎขึ้นและพยายามจะเดินเข้าไปถาม แต่นายคนนี้ได้รู้ตัวก่อนและเก็บโทรศัพท์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ CS ได้แจ้งว่า การถ่ายรูปลูกค้าเก็บไว้ในลักษณะนี้เป็นข้อห้ามอย่างยิ่งของบริษัท และจะดำเนินการตรวจเช็คโทรศัพท์ของพนักงานให้ในช่วงบ่ายวันนี้อย่างเร่งด่วน แต่ตอนนี้ยังติดต่อพนักงานไม่ได้ เพราะเมื่อคืนวันที่ 9/8/57 ช่างคนนี้ได้อยู่ที่ออฟฟิศถึงเวลาตี 5 และยังไม่เข้ามาทำงานติดต่อไม่ได้ (ในใจก็แอบคิด อยู่ทำอะไรถึงตี 5 เกี่ยวข้องกับเราหรือเปล่า?? )
...............................
เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.46 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ CS ได้ทำการโทรแจ้งมาว่า พนักงานคนดังกล่าวได้ถูกเรียกมาสอบสวนที่สำนักงานใหญ่ ที่อาคารพันทิป ผลภายหลังการพูดคุย พบว่าพนักงานคนดังกล่าวยอมรับว่าที่ทำไปเพราะอารมณ์โมโห และอยากขอโทษในเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับลูกค้า ในส่วนนี้เรามีความรู้สึกว่าคนยอมรับผิดก็ให้อภัยให้มันจบๆ กันไปได้ แต่ในเรื่องความปลอดภัยเราไม่แน่ใจนักหลังจากนี้ และในส่วนการถ่ายภาพลูกค้าเก็บไว้ในมือถือนั้น พบว่ามีภาพถ่ายดังกล่าวจริง ทางเจ้าหน้าที่ CS จึงได้ทำการลบภาพดังกล่าวออกจากโทรศัพท์มือถือของพนักงานแล้ว ต้องขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด.
ทั้งนี้พนักงาน CS คุณมลได้ขออนุญาตให้ช่างคนดังกล่าว อธิบายและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราทางโทรศัพท์ ช่างคนดังกล่าวได้ยอมรับและขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับประกันว่าจะไม่มีการไปคุกคามหรือติดตามเราหลังจากนี้แน่นอน อีกทั้งยังปฏิเสธว่าไม่ได้มีความประสงค์ร้ายๆ ใดต่อลูกค้า เราจึงสอบถามไปว่า หากคุณไม่ได้คิดอะไร แล้วทำไมต้องถ่ายภาพลูกค้าเอาไว้ด้วย หวังสิ่งใดกัน?? ช่างคนนี้เขาตอบมาว่าแค่ต้องการกวนตีนลูกค้าเฉยๆ
บอกตรงๆ ด้วยพยานบุคคล + พฤติกรรม,อารมณ์ + เหตุการณ์แวคล้อม ในขณะนั้นจะพูดได้หรอว่าแค่ต้องการกวนตีนลูกค้า เป็นใครก็ต้องคิดแล้วว่า มีความไม่ชอบมาพากล ทุกคนก็ต้องป้องกันตัวเองการไปแจ้งความในเย็นวันนั้นเองจึงเป็นสิ่งที่บริษัทของดิฉันตัดสินใจไม่ผิด เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงมันคือความผิดอาญาและหลักฐานที่เป็นคลิปวีดีโอบันทึกเสียงของเราก็สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ เพราะถือว่าเป็นความผิดในขั้นตระเตรียมการและประสงค์ต่อผลเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ดี เราเองก็ต้องป้องกันตัวเองหลังจากนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!! แต่หากช่างคนนี้จะสำนึกได้อย่างจริงใจอย่างที่เขาพูดมาในวันนี้จริง ก็คงจะเป็นผลดีกับตัวของเขาเองในอนาคต.
สำหรับ จขกท. ได้ขอขอบคุณสำหรับความรวดเร็วและการรับผิดชอบของ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ของไอทีซิตี้ ที่ไม่นิ่งนอนใจและเร่งติดตามดำเนินการเรื่องนี้ให้อย่างเร่งด่วน ความจริงเมื่อวานภายหลังเกิดเรื่อง จขกท. ได้พยายามโทรติดต่อไปที่ฝ่ายลูกค้าประมาณ 10 ครั้ง แต่ไม่มีคนรับสาย เข้าใจว่าเป็นอาทิตย์คงไม่มีคนทำงาน จึงได้เลือกทางออกด้วยการมา ตั้งกระทู้ในพันทิป เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนบทหนึ่ง ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นไม่ว่ากับใครก็ตามที่เป็นลูกค้าของคุณ....
ถึงตรงนี้อยากจะแชร์ด้วยว่า ต่อให้เป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่หรือในตลาดหลักทรัพย์หรือนอกตลาดหลักทรัพย์ การมี Internal control ที่ดีเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม แต่ได้โปรดอย่าได้วางใจ "ระบบการทำงานที่ดี" ว่าจะเป็นหลักยึดสำหรับพนักงานของคุณได้เสมอไป เพราะตัวระบบเองอาจจะมาสร้างปัญหาให้คุณ ตราบใดที่ "คน" ของคุณไม่รู้จักปรับใช้ระบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ จากการทำงาน จขกท. ขอบอกไว้เลยว่า ระบบที่คุณควรเข้มงวดอย่างเคร่งครัด คือการป้องกันการรั่วไหลเรื่องการเงิน , บัญชี , ทรัพย์สิน+สินค้า และทรัพยากรในองค์กรของคุณ ไม่ใช่ต่อลูกค้า
อย่าไว้วางใจทะเลยามสงบเงียบ อาจมีคลื่นใต้น้ำซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ชีวิตของ จขกท. ก็เช่นกัน.
ความคิดเห็นที่ 80
ผมสงสัยมาก ๆ เลยว่า ที่คุณเพื่อนพนักงานมาโพส ๆ อยู่นี่
ช่วยให้ภาพพจน์ของบริษัทดีขึ้นที่ตรงไหน
ช่วยให้ภาพพจน์ของช่างอีกคนดีขึ้นได้อย่างไร
ช่วยเน้นย้ำให้ทุกคนรู้ว่ากฏของบริษัทไม่สามารถยืดหยุ่นได้แม้แต่ในกรณีที่พนักงานหรือทางบริษัทผิดเองด้วยใช่หรือไม่
ช่วยให้รู้ว่าถ้าลูกค้าพูดไม่ดี พนักงานมีสิทธิ์ข่มขู่ และถ่ายภาพลูกค้าเก็บเอาไว้โดยไม่ต้องได้รับการอนุญาติ ถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว
และสุดท้าย มันช่วยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ถูกต้องชอบธรรมมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร
การออกมาบอกว่าต้องการให้เห็นภาพอีกด้านอย่างถูกต้อง กลับยิ่งเป็นการช่วยเน้นย้ำถึงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่มากยิ่งขึ้น
เอ... หรือจะกำลังบอกว่า ต่อให้เพื่อนของ "ข้าพเจ้า" พูดไม่ดีแสดงกิริยาไม่ดีอย่างไร "คุณ" ลูกค้าก็ต้องห้ามแรงกลับมานะ
ขออนุญาตพูดสั้น ๆ ในฐานะผู้ประกอบการและผู้บริหารนะครับ "ไว้ You ได้เป็นผู้บริหารเมื่อไหร่ You จะเข้าใจเองว่าทำไมถึงไม่มีใครเขาเห็นด้วยกับ You เลย"
ปล. 1 กรุณาเปลี่ยนสรรพนาม You คุณ และ ข้าพเจ้า เป็นสรรพนามอื่น ๆ ตามระดับของภาษาเพื่ออรรถรสของสื่อความ
ปล. 2 ถ้าผมมีพนักงานที่มุ่งแต่จะอ้างกฏข้าง ๆ คู ๆ จนทำให้เสียลูกค้าชั้นดีระดับองค์กรออกไป ผมคงไม่อยากได้พนักงานแบบนั้นไว้หรอกครับ
ยิ่งจะมาอ้างกฏเรื่องกล่องโดยที่มีวิธีอีกตั้งร้อยแปดวิธีในการแก้ปัญหา ผมยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าจะเก็บพนักงานแบบนี้เอาไว้
ถ้าเป็นระบบราชการที่ถ้าไม่ทำตามแล้วเจอ "คุก" ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เอกชน แค่เสียเวลารอ "กล่อง" ในวันหลังกลับจะเป็นจะตายเสียให้ได้
"ห่วงกฏ" "ห่วงกล่อง" หรือว่า "ห่วงหน้าตา" อย่างไหนมากกว่ากันหนอ
ช่วยให้ภาพพจน์ของบริษัทดีขึ้นที่ตรงไหน
ช่วยให้ภาพพจน์ของช่างอีกคนดีขึ้นได้อย่างไร
ช่วยเน้นย้ำให้ทุกคนรู้ว่ากฏของบริษัทไม่สามารถยืดหยุ่นได้แม้แต่ในกรณีที่พนักงานหรือทางบริษัทผิดเองด้วยใช่หรือไม่
ช่วยให้รู้ว่าถ้าลูกค้าพูดไม่ดี พนักงานมีสิทธิ์ข่มขู่ และถ่ายภาพลูกค้าเก็บเอาไว้โดยไม่ต้องได้รับการอนุญาติ ถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว
และสุดท้าย มันช่วยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ ถูกต้องชอบธรรมมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร
การออกมาบอกว่าต้องการให้เห็นภาพอีกด้านอย่างถูกต้อง กลับยิ่งเป็นการช่วยเน้นย้ำถึงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่มากยิ่งขึ้น
เอ... หรือจะกำลังบอกว่า ต่อให้เพื่อนของ "ข้าพเจ้า" พูดไม่ดีแสดงกิริยาไม่ดีอย่างไร "คุณ" ลูกค้าก็ต้องห้ามแรงกลับมานะ
ขออนุญาตพูดสั้น ๆ ในฐานะผู้ประกอบการและผู้บริหารนะครับ "ไว้ You ได้เป็นผู้บริหารเมื่อไหร่ You จะเข้าใจเองว่าทำไมถึงไม่มีใครเขาเห็นด้วยกับ You เลย"
ปล. 1 กรุณาเปลี่ยนสรรพนาม You คุณ และ ข้าพเจ้า เป็นสรรพนามอื่น ๆ ตามระดับของภาษาเพื่ออรรถรสของสื่อความ
ปล. 2 ถ้าผมมีพนักงานที่มุ่งแต่จะอ้างกฏข้าง ๆ คู ๆ จนทำให้เสียลูกค้าชั้นดีระดับองค์กรออกไป ผมคงไม่อยากได้พนักงานแบบนั้นไว้หรอกครับ
ยิ่งจะมาอ้างกฏเรื่องกล่องโดยที่มีวิธีอีกตั้งร้อยแปดวิธีในการแก้ปัญหา ผมยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าจะเก็บพนักงานแบบนี้เอาไว้
ถ้าเป็นระบบราชการที่ถ้าไม่ทำตามแล้วเจอ "คุก" ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เอกชน แค่เสียเวลารอ "กล่อง" ในวันหลังกลับจะเป็นจะตายเสียให้ได้
"ห่วงกฏ" "ห่วงกล่อง" หรือว่า "ห่วงหน้าตา" อย่างไหนมากกว่ากันหนอ
แสดงความคิดเห็น
ร้องเรียน!! นายขจรศักดิ์ อุเทศ (ป้อม) พนักงานไอทีซิตี้ ซีคอนแสควร์ ขู่คุกคามทำร้ายลูกค้า
เริ่มจากเรามีความต้องการใช้ printer พิมพ์งานด่วนในปริมาณที่เยอะ ในวันที่ 8/3/2557 จึงตัดสินใจไปซื้อเครื่องพิมพ์แบบ Ink jet เพื่อต้องการประหยัดต้นทุนในการพิมพ์ เราได้รับการแนะนำจากพนักงานขายท่านนึง เป็น Epson L550 เน้นพิมพ์งานแบบประหยัดหมึกและรวดเร็วขึ้น จึงตัดสินใจซื้อเลยในเวลาไม่ถึง 10 นาที เมื่อนำกลับมาที่ออฟฟิศ เวลา 19.00 พยายามตั้งค่าหมึกปรากฎว่าไม่สามารถพิมพ์ได้ จึงได้ทำการโทรกลับไปหาพนักงานขาย พนักงานให้ลองทำการแก้ไขโน้นนี้นั้น เราก็พยายามอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ไม่สามารถพิมพ์ได้ เพราะหมึกไม่ออก พนักงานจึงได้แนะนำให้ยกเครื่องพิมพ์กลับไปที่ซีคอนในวันรุ่งขึ้น ในคืนนั้นปรากฎว่างานเราก็ติดปัญหาไปต่อไม่ได้ และพนักงานก็หัวเสียกันไปตามๆกัน
ในวันรุ่งขึ้น เวลา 11.30 นาฬิกาพอห้างเปิด ก็รีบยกเครื่องไปที่ห้าง เพราะต้องรีบใช้เครื่อง เมื่อไปถึงได้เดินเข้าไปติดต่อพนักงานท่านเดิม แต่ปรากฎว่าไม่อยู่ แต่กลับไปเจอพนักงานคนนึง..ที่ชื่อ "ขจรศักดิ์ อุเทศ"
A : หวัดดีค่ะติดต่อพนักงานขายชื่อ คุณโบ๊ทค่ะ เอาพริ้นเตอร์มาเช็คเพราะซื้อไปแล้วพริ้นท์ไม่ออก เราแจ้งไป..
B : เดี๋ยวต้องส่งซ่อมนะ วางเอาไว้
A : จะส่งทำไมค่ะ เพิ่งซื้อเมื่อวาน คุยกับคุณโบ๊ทแล้ว เขาบอกให้เอามาเช็ค คุณช่วยตามคุณโบ๊ทให้หน่อย
ฺB : ผมเป็นช่าง ผมดูได้ (He ก็ทำอะไรก็อกๆแก็กๆ ก็ซ่อมไม่ได้อยู่ดี)
ถ้าคุณจะเปลี่ยนเอากล่องมาไหม ถ้าไม่เอากล่องมาผมไม่อนุมัติให้คุณเปลี่ยน
A : หือ อีฉันก็มองหน้า (นึกในใจ ต้องให้คุณต้องอนุมัติเลยหรอ ) เออม คุณโบ๊ท ไม่ได้แจ้งนะค่ะเรื่องเปลี่ยนเครื่อง เขาแค่บอกให้เอามาเช็ค
ในระหว่างนั้น คุณโบ๊ทเดินทางมาถึง.... ก็ได้ทำการตรวจสอบเครื่องพิมพ์และทำตามขั้นตอนทั้งหมดซ้ำอีกครั้งก็ไม่สามารถทำให้หมึกออกมาได้ ทั้งๆที่เป็นเครื่องใหม่แกะกล่อง สงสัยจะต้องเปลี่ยนเครื่องให้ใหม่ แจ้งให้เราทราบ
A: ดีค่ะ เปลี่ยนเลย เพราะพยายามมาแล้วเมื่อคืน ตั้ง 2 ชั่วโมงก็แก้ไม่ได้ เราเสียเวลามาก
โบ๊ท : แล้วคุณเอากล่องมาไหม?
A : เราบอกว่า ก็วันนี้ไม่ได้แจ้งให้นำมาด้วย และกล่องใหญ่มากไม่สะดวกขนมา หากคุณต้องการกล่อง จะนำมาให้นะค่ะ แต่รบกวนขอเปลี่ยนเครื่องไปใช้งานก่อน เพราะพนักงานเรารอจะทำงานกันอยู่
ฺB : นายขจรศักดิ์ เอ่ยสวนขึ้นมาทันใด ไม่ได้ๆ ผมไม่อนุมัติ ต้องเอากล่องมาอย่างเดียว ขนาดคนตาบอดมาเปลี่ยนโทรศัพท์ ผมยังไล่ให้กลับไปเอากล่องมาก่อน คุณต้องเอากล่องมา ผมไม่ให้เปลี่ยนเด็ดขาด
A : เราสวนกลับไปว่านี้คุณ ถึงดิฉันไม่ตาบอด แต่กรุณาเข้าใจด้วยสิค่ะว่า นี้ไม่ใช่ความผิดพลาดของเรา และตอนนี้เราต้องการนำเครื่องมาเปลี่ยนเพื่อนำไปใช้งานก่อน และจะนำกล่องมาคืนให้แน่นอน ชื่อที่อยู่ก็มีตามบิล งานเราเร่งด่วนสำคัญมาก
โบ๊ท : คือ.. ตามระบบของเราจะไม่ให้เปลี่ยนถ้าไม่มีกล่องมา
A : หือออ เข้าใจค่ะว่ากล่องสำคัญ แต่ในฐานะที่เราเป็นลุกค้าต่อเนื่อง มาซื้อเครื่องพิมพ์ที่นี้ไปแล้ว 4 เครื่อง ถ้าคุณไม่ไว้ใจว่าเราจะไม่นำกล่องมาคืน เอางี้ คุณยกเครื่องไปกับเราที่ออฟฟิศ และนำกล่องกลับมา และจะจ่ายค่าใช้จ่ายเดินทางให้ หรือ จะให้เราวางเงินประกันเอาไว้ 10,000 บาทก็ได้ ถ้าเย็นนี้ไม่เอากล่องมาคืน คุณริบเงินประกันเราไปได้เลย (ราคาเครื่อง 9,000) เราต้องการใช้เครื่องด่วนค่ะคุณ ที่เราตัดสินใจซื้อเครื่องที่ไอทีซิตี้เพราะไม่คิดเลยว่าเครื่องที่ได้จะไม่มีคุณภาพ และต้องการ Service mind ซึ่งคุณจะต้องเข้าใจลูกค้าด้วยนะค่ะ ว่าผลกระทบจากการได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เราเสียเวลามากแค่ไหนยกเครื่องไปมาก็วันหนึ่งแล้ว งานก็ล่าช้า และหากจะให้เราเดินทางกลับไปเอากล่องและเดินทางกลับมาอีกจะเสียเวลา เรามิสู้ไปซื้อเครื่องใหม่ที่ร้านอื่นเลยไม่ดีกว่าหรอ
ในระหว่างนั้น ช่างอันตรพาลขจรศักดิ์ ก็พูดบ่นๆ งึมงัม ๆๆ อยู่นานในช่วงที่เราอธิบาย และเราได้ยินประโยคสุดท้ายมันลอยมาเข้าหูเรา "แกคิดว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้หรอ มีเงินแล้วไง"
A : หา!!! คุณพูดอะไรนะ ฉันมีเงินหรือไม่มีเงินมันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ฉันต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ในวันนี้ตอนนี้ เพื่อไปทำงาน เพื่อลูกค้าของฉัน ฉันต้องทำทุกทางเพื่อให้งานสำเร็จตามเวลา แต่ตอนนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นลูกค้าของคุณเมื่อฉันเกิดผลกระทบคุณไม่ช่วย แถมยังซ้ำเติม
หลังจากนั้นนายโบ๊ทก็ได้ปรึกษากับผู้จัดการสาขา และได้ข้อสรุปว่าไม่ต้องนำกล่องมาก็ได้ แค่ต้องการ Serial number ข้างกล่อง รบกวนพี่เอา Serial number มาให้ผมทีหลังก็ได้คับ เรารับปากได้ๆ โอเคจะนำมาให้แน่นอน
B : ช่างอันตรพาล แทรกขึ้นมา ไม่ได้นะ ให้เปลี่ยนเครื่องไม่ได้ แล้วก็พยายามโทรไปฟ้องฝ่ายโน้น นี้ นั้น เพื่อระงับการเปลี่ยนเครื่องของเรา เข้าทำนองหาเรื่องและกวนตีนกันแล้ว
A : เรานั่งฟังตลอด.. จนเกิดอารณ์โมโหมาก ทั้งๆที่พนักงานขายและผู้จัดการสาขาก็ยินยอมให้เปลี่ยนแล้ว แต่คุณไม่จบใช่ไหม!!!! ได้!!!!! โทรสั่งให้พนักงานเดินยกกล่อง ขึ้นมอไซด์รับจ้างมาที่ซีคอนด่วน พอกล่องก็มาถึง... เรายก กล่องไปยัดใส่มือนายขจรศักดิ์ นี้ไง "เอาไปเลยกล่องที่คุณต้องการ"
B : นายขจรศักดิ์ รู้สึกว่าตัวเองเสียหน้ามาก และพยายามจะหาเรื่องเราอีก พูดด่าใส่หน้าเราว่า เราทำแบบนี้ไม่ถูก มันบอกว่ามันไม่ยอมให้ผู้หญิงมาด่ามันแบบนี้ และมันเริ่มโทรศัพท์สั่งบอกเพื่อนมันว่า "มันไม่ยอมให้ใครมาหยาม ไม่ยอม ถึงไอทีซิตี้มาไล่มันออกมันก็ไม่กลัว ตอนนี้อยู่ที่ทำงานทำอะไรไม่ได้เพราะมีกล้องวงจรปิดอยู่ ให้ออกมาติดตามเรากลับไปที่บ้าน เพื่อเอาเรื่องให้ได้ เราทำแบบนี้ไม่ถูก ยังไงก็ไม่ยอม "
ในสถานการณ์ตอนนั้น เราบอกตามตรงไม่กลัวมันหรอกนะ แต่คิดในใจทำไม บริษัท ไอทีซิตี้ จำกัด (มหาชน) พระเจ้า!! ทำไมถึงไม่มีการคัดกรองพนักงานที่ดีกว่านี้ เหตุใดจึงจ้างพนักงานที่มีพฤติกรรมอันตรพาลแบบนี้มาทำงาน นี้มันใช่ช่างหรอ แบบฟอร์มช่างก็ไม่ใส่ Service mind ก็ติดลบ และไม่ใช่เลยที่เราจะต้องมาแลกกับคนแบบนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องขอบคุณฝ่ายขายคุณโบ๊ท เป็นคนที่ใจเย็นมาก และเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้ เรื่องนี้จึงจบได้
แต่กับนายขจรศักดิ์ อุเทศ ทางบริษัทของเราได้ไปทำการแจ้งความลงบันทึกความอาญา เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าคุณขู่คุกคามอย่างไรบ้าง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคนของเรา คุณไม่ต้องกลัวแค่การไล่ออกหรอกนะ อาจจะต้องหนีหมายจับศาลด้วย เตรียมขึ้นศาลได้เลย อันนี้ไม่ได้ขู่ เราเป็นบริษัทกฎหมายอยู่แล้ว พร้อมจะต่อกรกับคุณได้ทุกเมื่อ.