มาเที่ยวคราวนี้ผู้เขียนมาในฐานะช่างภาพงานวิจัยค่ะ การเดินทางมาเที่ยวเส้นทาง คุนหมิง-สิบสองปันนา-ลาว-เชียงของ-เชียงราย ไม่ใช่เพื่อความสนุกแต่อย่างเดียว เนื่องจากน้องๆ ที่ทำงานได้ทุนวิจัยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ใน “โครงการสำรวจและรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเส้นทาง R3E” และด้วยระยะเวลาจำกัด 12-18 มกราคม 2557 และต้องเข้าสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน อาจทำให้การท่องเที่ยวในครั้งนี้ไม่ครบถ้วนตามสถานที่ที่ควรไปเยือน แต่ผู้เขียนในฐานะผู้สังเกตการณ์อาจจะเขียนที่มีสาระมากไปหน่อย อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ เริ่มทริปกันเลยค่ะ
เนื่องจากการบินไทยยกเลิกเที่ยวบินเราเลยกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ ไปนั่งสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MU5831 เหินขึ้นฟ้าตอนตี 3 ถึงท่าอากาศยานอูเจียป้า เมืองคุนหมิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลยูนนานในตอนเช้า 6.30 น. เวลาที่ไทยกับจีนห่างกัน 1 ชั่วโมงค่ะสนามบินสะอาดและทันสมัยมากๆ
ภายในท่าอากาศยานอูเจียป้า
ด้านหน้าท่าอากาศยานอูเจียป้า
สภาพจราจรเมืองคุนหมิง
พอไปถึงได้สัมผัสอากาศหนาว (เกินคาดคิด) ได้ข้อมูลพยากรณ์อากาศก่อนเดินทางประมาณสิบองศากว่าๆ พอไปถึงหนาวจนปากสั่น น้องๆ ในทริปบอกว่า เลขตัวเดียวครับพี่ ผู้เขียนเลยไม่ถามต่อ กลัวจะรู้สึกหนาวขึ้นไปอีก หลังจากนั้นเอาของเก็บเข้าที่พักรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก เฮ้อ! ขอถอนหายใจ 1 ที อาหารเป็นที่สุดของความจืด แม้แต่กาแฟยังจืด ไข่ดาวทอดน้ำมันท่วม มีน้ำมันพริก (chilly oil) ที่พอช่วยชีวิตไว้ได้ กินข้าวเช้าเสร็จก็มุ่งหน้าสู่เขาซีซาน หรือ ประตูมังกร ห่างจากตัวเมืองไป 29 กิโลเมตร พอไปถึงรถที่เรานั่งไปต้องไปจอดที่ลานจอดรถ แล้วนั่งรถบัสที่สถานที่ท่องเที่ยวจัดไว้ให้ แต่สำหรับคนพื้นถิ่นจะใช้วิธีการเดินขึ้นเขาด้วยตัวเอง จากนั้นลงจากรถบัส ระหว่างทางมีป้ายสำรับจอดรถอยู่เป็นจุดๆ ลงจากรถบัสเดินผ่านซุ้มประตู และช่องเก็บตั๋วเข้าชม จากนั้นมีรถรางนั่งต่อไปอีกสักพักจนถึงทางเดินขึ้นเขา ป้ายอธิบายในเขาซีซานต่างๆ ก็มี 3 ภาษา ด้วยกัน คือ จีน ไทย อังกฤษ เห็นได้ว่า การบริหารจัดการเพื่อเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เรียบร้อย ปลอดภัย รองรับความต้องการของนักเดินทางได้เป็นอย่างดี ติดอยู่ที่ห้องน้ำแม้จะดูทันสมัยขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากแต่ยังขาดการดูแลเอาใจใส่ดูแลเรื่องความสะอาดระหว่างวัน ดังนั้นเรื่องกลิ่น หายห่วง ที่สามารถทะลุทะลวงระบบประสาทเราได้ หากมีเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงคงจะทำให้สถานที่ที่ไปเยือนที่สวยงานมอยู่แล้วดูน่ารื่นรมย์ขึ้นไปอีก เมื่อได้สอบถามไกด์ผู้นำเที่ยวที่ชื่ออาไท้ ได้บอกกับเราว่า สถานที่ท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ ดำเนินการโดยเอกชน ซึ่งเอกชนได้รับสัมปทานมาจากรัฐบาลอีกที

ลานจอดรถที่เขาซีซาน เอารถอะไรมาก็ต้องจอดไว้ที่นี่
Green Bus Station ต่อรถบัสขึ้นเขาซีซาน (ต้องซื้อตั๋วก่อนนะคะ)
รถบัสที่เขาซีซานใช้ในการบริการนักท่องเที่ยว
ทางขึ้นเขาซีซาน
ป้ายบอกทางมีภาษาจีน ไทย อังกฤษ
ด่านแรกเดี๋ยวต้องเดินไปต่อรถราง
ซื้อตั๋วเข้าชม
ทางขึ้นขั้นที่ 2 เล็กแคบต้องใช้รถราง
รถราง
เขาซีซานเป็นส่วนหนึ่งของวัดในลัทธิเต๋า สร้างเมื่อเกือบ 300 ปีที่แล้ว สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากชาวบ้าน แน่นอนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องอยู่บนพื้นที่สูง ดังนั้นทางเดินจึงเป็นเส้นทางสูงชัน บางช่วงเป็นทางเดินแคบๆ ผ่านอุโมงค์ที่สกัดไว้ตามไหล่เขาที่ว่าเป็นทางเดินแคบๆ หมายถึงเวลาเดินสวนกัน 2 คน คนหนึ่งต้องเอียงไหล่คอยหลบให้ดีดี ข้างๆ ผาจะเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบเตียนฉือได้อย่างชัดเจน ดังนั้นท่านใดที่กลัวที่แคบ กลัวความสูงต้องทำใจกันหน่อยค่ะ มาเขาซีซานจุดประสงค์นอกจากดูความสวยงามและความศรัทธาของมนุษย์แล้ว สิ่งสำคัญของการมาที่นี่ คือ การขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ต้องเดินขึ้นกันแล้ว
ทะเลสาปเตียนฉือ
จุดที่ 1: เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยะ เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ รูปปั้นท่านเป็นสีน้ำตาลเข้มมือถือก้อนทองเท้าเหยียบเสืออยู่ เชื่อกันว่าถ้าเอามือไปจับก้อนทองแล้วเอามาใส่กระเป๋าของเรา ก็จะมีเงินมีทองใช้อย่างไม่ขาดสาย แต่ผู้เขียนไม่ได้จับก้อนทอง เอามือล้วงปากเสือมาใส่กระเป๋าสตางค์เลย กลับมา แล้วจะรวยไหมหนอ
เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยะ "เทพเจ้าแห่งโชคลาภ"
จุดที่ 2: ศาลเจ้าพ่อเสือ คือ กราบไหว้เพื่อให้มีอายุยืน สุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะถ้าได้ลูบหัวเต่า ลูบตัวงูที่พันเต่าอยู่ตรงหน้าศาลเจ้า ผู้เขียนไม่ได้ทำหรอกค่ะ มัวแต่ถ่ายรูป กลัวเก็บรูปไม่หมด เดี๋ยวไม่มีในรายงานน้องๆ จะพาลแย่เอา แค่ได้ยกมือไหว้ก็ชื่นใจในความศรัทธาของชาวบ้านที่สร้างแล้วค่ะ
จุดที่ 3: บ่อน้ำวัวกตัญญู เล่ากันว่า เพื่อจะให้เจ้าของได้ดื่มน้ำที่บนภูเขาซีซาน จึงได้ใช้เขาของวัวเองเจาะหน้าผาเป็นสายน้ำและบ่อน้ำเล็กๆ ให้เจ้าของได้ดื่มกิน
จุดที่ 4: ศาลเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตร หากใครต้องการมีบุตรไปอธิษฐานขอพรจากท่านได้ค่ะ
จุดที่ 5: ประตูมังกร เชื่อว่าทุกคนที่มาเยือนที่นี่ มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การอธิษฐานก็ใช้มือจับแก้วมังกรตรงประตูแล้วอธิษฐาน หรือใช้มือขวาจับหางปลาที่อยู่ข้างๆ ประตูมังกร มือซ้ายจับแก้วมังกร ผู้เขียนไม่ถนัดใช้มือขวาจับแก้วมังกร มือซ้ายจับหางปลาซ่ะงั้น ก็มันถนัดกว่านี่คะ ขาดๆ เกินๆ ไปซ่ะทุกอย่างจริงๆ
ป้ายบอกทาง เราอ่านออกแน่นอน
คนงานแบกอิฐหินปูนทรายขึ้นเขาใส่ตะกร้าหลัง
ดอกไม้งอกในหิน
ทางเดินเล็กและแคบ ใครกลัวที่แคบ ที่สูง ไม่แนะนำค่ะ
ใกล้ถึงจุดหมาย ประตูมังกร
ประตูมังกรถึงแล้วต้องแตะแก้วมังกร
หมดครึ่งวันแรกไปแล้วต่อไปก็รับประทานอาหารกลางวัน มื้อนี้ดีกว่าอาหารเช้าที่โรงแรมเป็นอย่างมาก มีรสเค็มขึ้นมาหน่อย ที่สำคัญร้านที่อาไท้พาไปกินมีพริกน้ำปลาให้ด้วย ถ้าถามว่าอาหารที่เมืองคุนหมิงอะไรอร่อยที่สุด ตอบได้เลยว่าผัดผัก สด กรอบ อร่อยจริงจัง จากนั้นอาไท้ต้องพาไปร้านขายของที่รัฐบาลบังคับให้ต้องไป ก่อนลงจากรถอาไท้บอกว่าไม่ต้องซื้อก็ได้ แต่ยังไงอาไท้ต้องพาไป ไม่งั้นอาไท้จะโดนปรับเงิน
ร้านแรกที่ไปขายของสุดฮิต บัวหิมะ ถั่งเช่า กอเอี๊ยะ ไปถึงมีบริการแช่เท้าจากสมุนไพร น้ำที่นำมาแช่เท้าคาดว่าเป็นน้ำร้อนเลย เน้นย้ำว่าน้ำร้อนไม่ใช่น้ำอุ่น ดั่งนั้นเรายังเอาเท้าลงไปไม่ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่พูดไทยได้ (ไม่ชัด) มาอธิบายสินค้า และมีพนักงานคอยมานวดให้ลูกค้าด้วย แน่นอนว่าเรามีออเดอร์จากเพื่อนๆ เรื่องบัวหิมะ ผู้เขียนเองก็เคยใช้อยู่รู้สึกติดใจยังไงต้องได้กลับไป 1 กระปุก เราไม่คิดว่าร้านค้าที่ทางการจัดให้จะมีเล่ห์เหลี่ยมในการขายของหลังจากที่เราสั่งซื้อของแล้ว เพื่อต้องการยอดเพิ่มก็พยายามขายของโดยลดแลกแจกแถม ทั้งของที่เราซื้อไปแล้วและสินค้าใหม่ที่เราไม่ได้ซื้อ โดยเฉพาะถั่งเช่าราคาเป็นพันๆ หยวนใครจะไปซื้อลง แถมยังโฆษณาด้วยว่าเป็นสมุนไพรที่อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังหาทางกลับบ้านไม่ได้ซื้อไปกินด้วยแล้วยิ่งพาลไม่อยากซื้อเข้าไปใหญ่ คิดผิดจริงๆ ที่ขายสินค้าโดยอ้างจากคนประเภทนั้น นี่เป็นสถานที่แรกที่เราไปแล้วรู้สึกว่าโดนหลอก รู้สึกได้ถึงความไม่ซื่อสัตย์ที่เราได้รับ หากทางการจีนปรับปรุงในเรื่องนี้กำหนดราคาสินค้าให้ชัดเจน โปรโมชั่นชัดเจน ราคาสินค้าให้เหมาะสมพอสมควรกับที่ดำเนินธุรกิจได้ ความรู้สึกที่ก่อให้เกิดความไม่ประทับใจในเรื่องดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น หากถามว่าอยากกลับไปอีกไหม ถ้าไปคงไม่ไปกับทัวร์ ไปเองดีกว่า ไม่โดนบังคับเข้าร้านค้าที่ทางรัฐบาลจีนจัดให้ ไม่โดนหลอกให้เสียความรู้สึก เราเองก็ลูกหลานจีนกลับไปบนพื้นแผ่นดินของบรรพบุรุษแต่โดนหลอกซ่ะงั้น

ร้านบัวหิมะ สถานที่โดนหลอกครั้งที่ 1
ร้านที่สองเป็นร้านขายชาผู่เอ๋อร์ ชานี้เป็นชาที่ปลูกที่ภาคใต้ของมณฑลยูนนาน เป็นชาหมัก น้ำชามีสีดำ นอกจากชาผู่เอ๋อร์แล้วก็มีชาแบบปกติขายด้วย แน่นอนว่าเขาไปมีสาวน้อยพูดไทยไม่ชัดอธิบายให้เราฟังถึงสรรพคุณของชา เนื่องจากเรามีภูมิคุ้มกันจากร้านแรกมาแล้ว การต่อรองราคาคราวนี้ต้องสุดๆ แต่ไม่วายโดนหลอกเช่นเคย หลังจากที่หัวหน้าทริป ต่อรองราคาจาก 2 กล่อง 400 หยวน เหลือ 2 กล่อง 200 หยวนได้แล้ว เราก็ไม่ซื้อเพิ่มจากนั้นเดินกลับขึ้นรถ พนักงานรีบวิ่งมา เราต่อรองได้เหลือ 2 กล่อง 100 หยวน หัวหน้าทริปแทบจะน้ำตาไหล โดนหลอกเป็นครั้งที่สอง ส่วนตัวผู้เขียนเองไม่ได้ซื้อไป แม้ว่าเป็นคอชาก็ตามเนื่องจากมีร้านชาเจ้าประจำที่อยู่เชียงรายอยู่แล้ว รอดไป
ร้านชาผู่เอ๋อร์ สถานที่โดนหลอกครั้งที่ 2
คุนหมิง-สิบสองปันนา-ลาว-เชียงของ-เชียงราย ตอนที่ 1
เนื่องจากการบินไทยยกเลิกเที่ยวบินเราเลยกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ ไปนั่งสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MU5831 เหินขึ้นฟ้าตอนตี 3 ถึงท่าอากาศยานอูเจียป้า เมืองคุนหมิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลยูนนานในตอนเช้า 6.30 น. เวลาที่ไทยกับจีนห่างกัน 1 ชั่วโมงค่ะสนามบินสะอาดและทันสมัยมากๆ
พอไปถึงได้สัมผัสอากาศหนาว (เกินคาดคิด) ได้ข้อมูลพยากรณ์อากาศก่อนเดินทางประมาณสิบองศากว่าๆ พอไปถึงหนาวจนปากสั่น น้องๆ ในทริปบอกว่า เลขตัวเดียวครับพี่ ผู้เขียนเลยไม่ถามต่อ กลัวจะรู้สึกหนาวขึ้นไปอีก หลังจากนั้นเอาของเก็บเข้าที่พักรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก เฮ้อ! ขอถอนหายใจ 1 ที อาหารเป็นที่สุดของความจืด แม้แต่กาแฟยังจืด ไข่ดาวทอดน้ำมันท่วม มีน้ำมันพริก (chilly oil) ที่พอช่วยชีวิตไว้ได้ กินข้าวเช้าเสร็จก็มุ่งหน้าสู่เขาซีซาน หรือ ประตูมังกร ห่างจากตัวเมืองไป 29 กิโลเมตร พอไปถึงรถที่เรานั่งไปต้องไปจอดที่ลานจอดรถ แล้วนั่งรถบัสที่สถานที่ท่องเที่ยวจัดไว้ให้ แต่สำหรับคนพื้นถิ่นจะใช้วิธีการเดินขึ้นเขาด้วยตัวเอง จากนั้นลงจากรถบัส ระหว่างทางมีป้ายสำรับจอดรถอยู่เป็นจุดๆ ลงจากรถบัสเดินผ่านซุ้มประตู และช่องเก็บตั๋วเข้าชม จากนั้นมีรถรางนั่งต่อไปอีกสักพักจนถึงทางเดินขึ้นเขา ป้ายอธิบายในเขาซีซานต่างๆ ก็มี 3 ภาษา ด้วยกัน คือ จีน ไทย อังกฤษ เห็นได้ว่า การบริหารจัดการเพื่อเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เรียบร้อย ปลอดภัย รองรับความต้องการของนักเดินทางได้เป็นอย่างดี ติดอยู่ที่ห้องน้ำแม้จะดูทันสมัยขึ้นมากกว่าแต่ก่อน หากแต่ยังขาดการดูแลเอาใจใส่ดูแลเรื่องความสะอาดระหว่างวัน ดังนั้นเรื่องกลิ่น หายห่วง ที่สามารถทะลุทะลวงระบบประสาทเราได้ หากมีเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงคงจะทำให้สถานที่ที่ไปเยือนที่สวยงานมอยู่แล้วดูน่ารื่นรมย์ขึ้นไปอีก เมื่อได้สอบถามไกด์ผู้นำเที่ยวที่ชื่ออาไท้ ได้บอกกับเราว่า สถานที่ท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ ดำเนินการโดยเอกชน ซึ่งเอกชนได้รับสัมปทานมาจากรัฐบาลอีกที
เขาซีซานเป็นส่วนหนึ่งของวัดในลัทธิเต๋า สร้างเมื่อเกือบ 300 ปีที่แล้ว สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากชาวบ้าน แน่นอนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องอยู่บนพื้นที่สูง ดังนั้นทางเดินจึงเป็นเส้นทางสูงชัน บางช่วงเป็นทางเดินแคบๆ ผ่านอุโมงค์ที่สกัดไว้ตามไหล่เขาที่ว่าเป็นทางเดินแคบๆ หมายถึงเวลาเดินสวนกัน 2 คน คนหนึ่งต้องเอียงไหล่คอยหลบให้ดีดี ข้างๆ ผาจะเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบเตียนฉือได้อย่างชัดเจน ดังนั้นท่านใดที่กลัวที่แคบ กลัวความสูงต้องทำใจกันหน่อยค่ะ มาเขาซีซานจุดประสงค์นอกจากดูความสวยงามและความศรัทธาของมนุษย์แล้ว สิ่งสำคัญของการมาที่นี่ คือ การขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จุดที่ 1: เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยะ เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ รูปปั้นท่านเป็นสีน้ำตาลเข้มมือถือก้อนทองเท้าเหยียบเสืออยู่ เชื่อกันว่าถ้าเอามือไปจับก้อนทองแล้วเอามาใส่กระเป๋าของเรา ก็จะมีเงินมีทองใช้อย่างไม่ขาดสาย แต่ผู้เขียนไม่ได้จับก้อนทอง เอามือล้วงปากเสือมาใส่กระเป๋าสตางค์เลย กลับมา แล้วจะรวยไหมหนอ
จุดที่ 2: ศาลเจ้าพ่อเสือ คือ กราบไหว้เพื่อให้มีอายุยืน สุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะถ้าได้ลูบหัวเต่า ลูบตัวงูที่พันเต่าอยู่ตรงหน้าศาลเจ้า ผู้เขียนไม่ได้ทำหรอกค่ะ มัวแต่ถ่ายรูป กลัวเก็บรูปไม่หมด เดี๋ยวไม่มีในรายงานน้องๆ จะพาลแย่เอา แค่ได้ยกมือไหว้ก็ชื่นใจในความศรัทธาของชาวบ้านที่สร้างแล้วค่ะ
จุดที่ 3: บ่อน้ำวัวกตัญญู เล่ากันว่า เพื่อจะให้เจ้าของได้ดื่มน้ำที่บนภูเขาซีซาน จึงได้ใช้เขาของวัวเองเจาะหน้าผาเป็นสายน้ำและบ่อน้ำเล็กๆ ให้เจ้าของได้ดื่มกิน
จุดที่ 4: ศาลเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตร หากใครต้องการมีบุตรไปอธิษฐานขอพรจากท่านได้ค่ะ
จุดที่ 5: ประตูมังกร เชื่อว่าทุกคนที่มาเยือนที่นี่ มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การอธิษฐานก็ใช้มือจับแก้วมังกรตรงประตูแล้วอธิษฐาน หรือใช้มือขวาจับหางปลาที่อยู่ข้างๆ ประตูมังกร มือซ้ายจับแก้วมังกร ผู้เขียนไม่ถนัดใช้มือขวาจับแก้วมังกร มือซ้ายจับหางปลาซ่ะงั้น ก็มันถนัดกว่านี่คะ ขาดๆ เกินๆ ไปซ่ะทุกอย่างจริงๆ
หมดครึ่งวันแรกไปแล้วต่อไปก็รับประทานอาหารกลางวัน มื้อนี้ดีกว่าอาหารเช้าที่โรงแรมเป็นอย่างมาก มีรสเค็มขึ้นมาหน่อย ที่สำคัญร้านที่อาไท้พาไปกินมีพริกน้ำปลาให้ด้วย ถ้าถามว่าอาหารที่เมืองคุนหมิงอะไรอร่อยที่สุด ตอบได้เลยว่าผัดผัก สด กรอบ อร่อยจริงจัง จากนั้นอาไท้ต้องพาไปร้านขายของที่รัฐบาลบังคับให้ต้องไป ก่อนลงจากรถอาไท้บอกว่าไม่ต้องซื้อก็ได้ แต่ยังไงอาไท้ต้องพาไป ไม่งั้นอาไท้จะโดนปรับเงิน
ร้านแรกที่ไปขายของสุดฮิต บัวหิมะ ถั่งเช่า กอเอี๊ยะ ไปถึงมีบริการแช่เท้าจากสมุนไพร น้ำที่นำมาแช่เท้าคาดว่าเป็นน้ำร้อนเลย เน้นย้ำว่าน้ำร้อนไม่ใช่น้ำอุ่น ดั่งนั้นเรายังเอาเท้าลงไปไม่ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่พูดไทยได้ (ไม่ชัด) มาอธิบายสินค้า และมีพนักงานคอยมานวดให้ลูกค้าด้วย แน่นอนว่าเรามีออเดอร์จากเพื่อนๆ เรื่องบัวหิมะ ผู้เขียนเองก็เคยใช้อยู่รู้สึกติดใจยังไงต้องได้กลับไป 1 กระปุก เราไม่คิดว่าร้านค้าที่ทางการจัดให้จะมีเล่ห์เหลี่ยมในการขายของหลังจากที่เราสั่งซื้อของแล้ว เพื่อต้องการยอดเพิ่มก็พยายามขายของโดยลดแลกแจกแถม ทั้งของที่เราซื้อไปแล้วและสินค้าใหม่ที่เราไม่ได้ซื้อ โดยเฉพาะถั่งเช่าราคาเป็นพันๆ หยวนใครจะไปซื้อลง แถมยังโฆษณาด้วยว่าเป็นสมุนไพรที่อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังหาทางกลับบ้านไม่ได้ซื้อไปกินด้วยแล้วยิ่งพาลไม่อยากซื้อเข้าไปใหญ่ คิดผิดจริงๆ ที่ขายสินค้าโดยอ้างจากคนประเภทนั้น นี่เป็นสถานที่แรกที่เราไปแล้วรู้สึกว่าโดนหลอก รู้สึกได้ถึงความไม่ซื่อสัตย์ที่เราได้รับ หากทางการจีนปรับปรุงในเรื่องนี้กำหนดราคาสินค้าให้ชัดเจน โปรโมชั่นชัดเจน ราคาสินค้าให้เหมาะสมพอสมควรกับที่ดำเนินธุรกิจได้ ความรู้สึกที่ก่อให้เกิดความไม่ประทับใจในเรื่องดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น หากถามว่าอยากกลับไปอีกไหม ถ้าไปคงไม่ไปกับทัวร์ ไปเองดีกว่า ไม่โดนบังคับเข้าร้านค้าที่ทางรัฐบาลจีนจัดให้ ไม่โดนหลอกให้เสียความรู้สึก เราเองก็ลูกหลานจีนกลับไปบนพื้นแผ่นดินของบรรพบุรุษแต่โดนหลอกซ่ะงั้น
ร้านที่สองเป็นร้านขายชาผู่เอ๋อร์ ชานี้เป็นชาที่ปลูกที่ภาคใต้ของมณฑลยูนนาน เป็นชาหมัก น้ำชามีสีดำ นอกจากชาผู่เอ๋อร์แล้วก็มีชาแบบปกติขายด้วย แน่นอนว่าเขาไปมีสาวน้อยพูดไทยไม่ชัดอธิบายให้เราฟังถึงสรรพคุณของชา เนื่องจากเรามีภูมิคุ้มกันจากร้านแรกมาแล้ว การต่อรองราคาคราวนี้ต้องสุดๆ แต่ไม่วายโดนหลอกเช่นเคย หลังจากที่หัวหน้าทริป ต่อรองราคาจาก 2 กล่อง 400 หยวน เหลือ 2 กล่อง 200 หยวนได้แล้ว เราก็ไม่ซื้อเพิ่มจากนั้นเดินกลับขึ้นรถ พนักงานรีบวิ่งมา เราต่อรองได้เหลือ 2 กล่อง 100 หยวน หัวหน้าทริปแทบจะน้ำตาไหล โดนหลอกเป็นครั้งที่สอง ส่วนตัวผู้เขียนเองไม่ได้ซื้อไป แม้ว่าเป็นคอชาก็ตามเนื่องจากมีร้านชาเจ้าประจำที่อยู่เชียงรายอยู่แล้ว รอดไป