สื่อต่างประเทศตีข่าว “โรคอ้วนลงพุง” บั่นทอนภาพลักษณ์ของ “ตำรวจจราจรในประเทศไทย”

กระทู้สนทนา
เอเอฟพี - สื่อต่างประเทศตีแผ่นโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่สนับสนุนให้ตำรวจจราจรในกรุงเทพมหานคร หันมาออกกำลังกายลดไขมันรอบเอว ซึ่งเป็นทั้งปัญหาสุขภาพ และอุปสรรคที่บั่นทอนการทำงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
       

       การรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วน บวกกับการยืนปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนนที่คับคั่งวันละหลายชั่วโมง คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตำรวจจราจรไทยมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วน
       


       ภาพตำรวจอ้วนลงพุงกลายเป็นสิ่งที่น่ากังวลยิ่งขึ้นทุกวัน จนผู้บังคับการตำรวจหลายนายตัดสินใจจัดคอร์สออกกำลังกายฟรีให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งขณะนี้โครงการ “จราจร บช.น. ฟิต แอนด์ เฟิร์ม 2556” ที่ดำเนินมาได้ 2 เดือน มีตำรวจร่างใหญ่สนใจเข้าร่วมแล้วเกือบ 60 นาย
       


       ด.ต. นิทัศ ใสสอาด ซึ่งเริ่มออกกำลังกายมาได้ 15 วัน เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำหนักของตนอยู่ที่ 138 กิโลกรัม แต่ลดลงจากเดิม 6 กิโลกรัม และรอบเอวเล็กลง 3 นิ้ว
       

       “การปฏิบัติหน้าที่ก็ค่อนข้างลำบากมากเลยครับ ... ยิ่งเวลายืนโบกรถอยู่บนถนน บางทีก็ถูกกระจกรถยนต์เฉี่ยวเอาบ้าง” นายตำรวจวัย 48 ปี กล่าว พร้อมยอมรับว่า คอร์สออกกำลังกายสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งมีทั้งการเล่นโยคะและเต้นแอโรบิก บวกกับการรับประทานผักผลไม้และซุปแทนข้าวสวยจานใหญ่กับของทอดซึ่งตัวเองโปรดปราน ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้จริง
       


       กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แนะนำให้ตำรวจที่มีรอบเอวเกิน 36 นิ้ว พิจารณาเข้าร่วมคอร์สออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนักลงให้ได้ 10 กิโลกรัม โดยมีเงินรางวัล 5,000 บาทสำหรับผู้ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด
       


       “นายตำรวจอาวุโสเห็นว่า เจ้าหน้าที่ของเราชักจะอ้วนเกินไปแล้ว ดังนั้นจึงมีคำสั่งให้พวกเขาลดน้ำหนักลง” พ.ต.ท. สุดจิตร์ สุขสมัย ซึ่งเข้าร่วมกิจกรรม ฟิต แอนด์ เฟิร์ม เช่นกัน กล่าว
       


       “ตำรวจที่อ้วนเกินไปจะทำงานได้ไม่คล่องแคล่ว ดังนั้น การลดน้ำหนักจะช่วยให้ตำรวจมีความแข็งแกร่ง, แข็งแรง, สุขภาพดี และว่องไวขึ้น”
       


       กวิตา ครวญจิต ซึ่งเป็นผู้นำออกกำลังกายประจำโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ระบุว่า การลดรอบเอวนอกจากจะดีต่อสุขภาพของตำรวจเองแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์ตำรวจให้ดูน่าเชื่อถือในสายตาประชาชนด้วย
       

       “เวลาเราเห็นตำรวจอ้วนๆ เราก็จะอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วเขาจะวิ่งตามจับผู้ร้ายได้ทันหรือเปล่า ??” เธอกล่าว
       

        นายตำรวจจราจรทั้งหลายนาย บอกว่า ความเครียดจากการปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนนวันละสิบกว่าชั่วโมง ในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองรถติดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาเอาใจใส่ต่อสุขภาพมากนัก อย่างไรก็ดี ผศ.ดร.ดวงรัตน์ วัฒนกิจไกรเลิศ จากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพของตำรวจจราจรไทย ระบุว่า ต้นเหตุประการสำคัญที่ทำให้ตำรวจอ้วนลงพุงก็คือ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสะสมสูงที่หาซื้อได้ง่ายๆตามริมถนน
       

       จากการสุ่มตรวจสุขภาพตำรวจจราจร 265 นาย ในเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2011 ผศ.ดร.ดวงรัตน์ พบว่า เกินครึ่ง มีภาวะโคเลสเตอรอลสูง
       

       “อาหารที่ผู้ค้าขายนำมาวางขายใกล้ๆสถานีตำรวจ มักจะมีไขมันสูงและรสเค็มจัด เช่น แกงกะทิต่างๆหรือพวกอาหารทอดๆ เป็นต้น ตำรวจแค่เดินออกไปหน้าสถานีก็สามารถซื้อหามารับประทานได้ง่ายๆ”
       


       อัตราเงินเดือนที่ค่อนข้างน้อย ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ไม่เลือกประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีราคาสูงกว่า ผศ.ดร.ดวงรัตน์ ระบุ






      




    




    








        http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000077462
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่