ผู้พมมือถือดาบ (๑๐)

กระทู้สนทนา
สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้พนมมือถือดาบ

ตอนที่ ๑๐ วาระสุดท้ายของสามพี่น้อง

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อเล่าปี่ได้ครอบครองเมืองเสฉวน และกำลังจัดระเบียบการปกครองอยู่นั้น โจโฉก็ยกกองทัพไปตีเมืองฮันต๋งได้ และเนรเทศเตียวฬ่อเจ้าเมืองไปอยู่ที่เมืองปาต๋ง และได้ตัวบังเต๊กไว้เป็นนายทหารของตน ต่อมาเล่าปี่ก็ยกทัพไปตีเมืองฮันต๋งจากโจโฉ จนโจโฉต้องถอยออกไป เมื่อเล่าปี่ได้ยึดครองเมืองฮันต๋งแล้ว ชาวเมืองทั้งหลายก็ยกให้เป็นอ๋องของเมืองฮันต๋ง

ในขณะเดียวกันโจโฉก็หันไปร่วมมือกับซุนกวน เข้าตีเมืองเกงจิ๋วที่กวนอูรักษาอยู่ กวนอูสามารถฆ่าบังเต๊กและตีกองทัพโจโฉแตกไปได้ แต่ตนเองก็บาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่กองทัพของซุนกวน ถูกจับตัวได้ จึงประหารชีวิตเสียแล้วส่งศีรษะไปให้โจโฉ

ต่อมาโจโฉป่วยถึงแก่ความตาย โจผีบุตรชายคนโตก็ยิ้มของพระเจ้าเหี้ยนเต้ สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ ตั้งราชวงศ์วุย เรียกแผ่นดินของตนว่าวุยก๊ก

ขงเบ้งกับชาวเมืองเสฉวน จึงยกเล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ สืบต่อราชวงศ์ฮั่น และเรียกแผ่นดินของตนว่าจ๊กก๊ก เมื่อได้เป็นฮ่องเต้แล้วก็ได้ทราบข่าวว่า กวนอูถูกฆ่าตายก็มีความเศร้าโศกเสียใจมาก และระลึกถึงคำสาบาน ที่ให้ไว้ต่อกันเมื่อสามสิบปีก่อน ตอนที่ได้พบกันเป็นครั้งแรกในบ้านของเตียวหุยขึ้นมาได้คำสาบานนั้นมีว่า

ข้าพเจ้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ทั้งสามคนนี้อยู่ต่างเมือง วันนี้ได้มาพบกัน จะตั้งสัตย์สบถเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน เป็นน้ำใจเดียวซื่อสัตย์ต่อกันสืบไปจนวันตาย จะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใด แลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้กันจนกว่าจะตายทั้งสาม แลความสัตย์นี้ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพดาทั้งปวงจงเป็นทิพย์พยาน ถ้าสืบไปภายหน้าข้าพเจ้าทั้งสามมิได้ซื่อตรงต่อกัน ขอให้เทพดาสังหาญผลาญชีวิตให้ประจักษ์แกตาโลก

ดังนั้นราชกิจแรกของพระเจ้าเล่าปี่ต้องการจะกระทำให้ได้ ก็คือการยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋งของซุนกวนแห่งง่อก๊ก เพื่อแก้แค้นแทนกวนอู น้องร่วมสาบานที่รบแพ้ ถูกจับตัวไปประหารชีวิตที่เมืองเป๊กเต้เสียเมื่อสองปีก่อน แม้ใครจะทัดทานประการใดก็ไม่ฟัง


ฝ่ายเตียวหุยน้องร่วมสาบานคนสุดท้องของเล่าปี่ ซึ่งได้เป็นเจ้าเมืองลองจิ๋ว เมื่อรู้ข่าวว่าซุนกวนฆ่ากวนอูเสียแล้ว ก็ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนจนน้ำตาเป็นสายเลือด ขุนนางตกใจกลัวว่าจะตายไป ก็เข้ามาปลอบโยนเอาใจ ชวนให้เสพสุราหวังจะให้คลายความโศกเศร้า แต่ครั้นเมาสุราได้ที่แล้ว เตียวหุยก็อาละวาดเตะต่อยถูกทหารศีรษะแตกบ้าง แขนขาหักบ้าง บางคนก็ถึงตายไปเลย แล้วก็ออกเดินทางจากเมืองลองจิ๋วไปเฝ้าพระเจ้าเล่าปี่

เมื่อถึงลงกราบพระบาทพระเจ้าเล่าปี่แล้วก็ร้องไห้ พระเจ้าเล่าปี่ก็ทรงกรรแสงด้วย เตียวหุยทูลถามว่า

“ พระองค์ได้เสวยราชสมบัติ แล้วลืมความสัตย์ซึ่งให้กันไว้แต่ก่อนเสียแล้วหรือ พระองค์จึงไม่คิดแค้นแทนกวนอูเลย “

พระเจ้าเล่าปี่ก็ตรัสว่าพระองค์เองก็คิดจะยกทัพไปแก้แค้น แต่ขุนนางทั้งปวงรวมทั้งขงเบ้งก็ห้ามเอาไว้ เตียวหุยก็ว่า

“ ถ้าพระองค์ไม่ยกไปแล้ว ข้าพเจ้านี้หาคิดชีวิตไม่เลย จะขอยกกองทัพไปแก้แค้น ถ้าแก้แค้นมิได้ ก็ตายเสียดีกว่ากลับมาเห็นหน้าพระองค์ “

พระเจ้าเล่าปี่จึงยืนยันที่จะยกกองทัพไปด้วย และให้ยกทัพไปบรรจบกันที่เมืองเกงจิ๋ว และพร้อมกันนั้นก็เตือนให้เตียวหุยรู้จักโอบอ้อมเอาใจทหาร อย่าเอาแต่ดุดันหยาบคายเหมือนครั้งก่อน

เมื่อเตียวหุยกลับมาถึงเมืองลองจิ๋วแล้ว ก็รีบสั่งให้ทหารเตรียมเครื่องศัตราวุธ ม้าขาว ธงขาว และเครื่องนุ่งห่มขาว ให้พร้อมภายในสามวัน จะให้ทหารแต่งกายชุดขาวทั้งกองทัพยกไปรบกับซุนกวน สำหรับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็พอจะทำได้ทัน แต่ม้าขาวนี่จะไปเกณฑ์มาแต่ไหน

จึงมีนายทหารสองคนชื่อฮอมเกียงกับเตียวตัด เข้ามาแจ้งแก่เตียวหุยว่า ที่สั่งนั้นเร็วเกินไปทำไม่ทัน ขอให้เนิ่นออกไปสักหน่อยหนึ่งเถิด เตียวหุยก็โกรธว่าจะเร่งยกกองทัพไปให้ทันตามกำหนด แต่การเท่านี้สิว่าไม่ทันเล่า ว่าแล้วก็สั่งให้ทหารจับตัวนายผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองมัดติดกับต้นไม้เฆี่ยนเสียคนละห้าสิบที จนเลือดไหลออกทางปาก พร้อมกับสำทับว่าถ้าการนี้ไม่ทันตามกำหนดในพรุ่งนี้ จะฆ่าเสียทั้งสองคน แล้วก็ปล่อยตัวไป

ฮอมเกียงกับเตียวตัด เห็นว่าตนเองกับเพื่อนคงไม่รอดแน่ จึงย่องเข้าไปตอนสองยาทพร้อมกับซ่อนกระบี่เอาไว้ในเสื้อ กะว่าถ้าตื่นอยู่ก็จะเข้าไปปรึกษาราชการ แต่เจอเอาเตียวหุยนอนตาค้างหนวดสั่นอยู่ ไม่รู้ว่าตื่นหรือตายไปแล้ว พอดีได้ยินเสียงกรนดังสนั่นจึงรู้ว่าหลับแน่ ทั้งสองจึงช่วยกันจ้วงกระบี่แทงที่ซอกคอและที่ท้อง เตียวหุยสะดุ้งร้องออกมาคำเดียวก็ตายคาที่

ทั้งสองก็ตัดศีรษะเตียวหุย พาพรรคพวกประมาณสามสิบคน หนีไปเมืองกังตั๋งในคืนนั้น แล้วเอาศีรษะเตียวหุยไปถวายพระเจ้าซุนกวน พร้อมกับแจ้งข่าวที่พระเจ้าเล่าปี่จะยกทัพเจ็ดสิบหมื่นมาตีเมืองกังตั๋งให้ทราบ

ข้างพระเจ้าเล่าปี่ ครั้นได้ฤกษ์ดีก็ยกกองทัพออกจากเมืองเสฉวน แต่ไปไม่ได้ไกลนักก็ปลงทัพลง และเกิดไม่สบายใจนอนไม่หลับเหมือนกัน จึงยังไม่เคลื่อนพลต่อไป สามวันต่อมาจึงมีลิ่วล้อจากเมืองลองจิ๋วแจ้งว่าเตียวหุยตายเสียแล้ว ก็ทรงพระกรรแสงจนสลบไป ขุนนางทั้งปวงก็แก้ไขจนฟื้น พอรุ่งขึ้นเตียวเปาบุตรของเตียวหุยก็นุ่งขาวห่มขาวควบม้ามาเฝ้า กราบทูลเรื่องบิดาถูกฆ่าตายให้ฟังโดยละเอียด พระเจ้าเล่าปี่ก็กรรแสงอีกอย่างหนัก จนไม่เสวยอาหารเลย ขุนนางก็กราบทูลให้ระงับความเศร้าโศก และเสวยอาหารเพื่อจะได้ไปทำศึกกับศัตรูต่อไป

รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง กวนหินบุตรของกวนอู ก็นุ่งขาวห่มขาว ควบม้าขาวมาเฝ้าอีกคนหนึ่ง พระเจ้าเล่าปี่และหลานทั้งสองก็ร้องไห้รำพันถึงความหลังว่า

“ เรากับกวนอู เตียวหุยก็ได้ให้สัตย์กันไว้แต่ยังยากจนกันอยู่ด้วยกัน ก็เป็นเพื่อนทุกข์เพื่อนยาก ช่วยกันทำสงครามมาจนได้เมืองมากมายถึงเพียงนี้ เราได้เป็นเจ้าคิดว่าน้องเราจะได้ความสุขด้วยกัน บัดนี้น้องเราทั้งสองก็ตายเสียแล้ว ยังแต่เราผู้เดียวจะเสวยราชย์เป็นสุข จะควรหรือ “

ขุนนางต้องขอให้เตียวเปากับกวนหินออกไปจากหน้าที่นั่งเสียก่อน พระเจ้าเล่าปี่จะได้มีสติบ้าง

เมื่อพระเจ้าเล่าปี่ยกกองทัพอันมหึมา พอ ๆ กับกองทัพขแงโจโฉเมื่อครั้งกระโน้น มาถึงด่านกุยก๋วนเมืองเป๊กเต้ ก็หยุดพักไพร่พลไว้ก่อน โดยให้ทัพหน้าตั้งตั้งอยู่ที่ตำบลชอนเค้า

จูกัดกิ๋นพี่ชายของขงเบ้งซึ่งทำราชการอยู่ที่เมืองกังตั๋งก็มาฝ้า และได้พยายามปลอบโยนพระเจ้าเล่าปี่ให้ระงับการเข้าตี เมืองกังตั๋ง และบอกถึงความคิดของซุนกวนว่า ไม่ได้สั่งการให้ ลิบองทำอุบายตีเมืองเกงจิ๋ว และตามล้างชีวิตของกวนอูเลย และบัดนี้ลิบองก็ตายใช้หนี้กรรมไปแล้ว นางซุนฮูหยินก็คิดถึงพระเจ้าเล่าปี่มาก จะขอส่งตัวมาให้อยู่กันฉันท์สามีภรรยาดังเดิม

แต่พระเจ้าเล่าปี่ไม่ยอมรับข้อเสนอ และยืนยันความตั้งใจเดิมอย่างหนักแน่นว่า

“ ศัตรูฆ่าน้องเราเสียครั้งนี้ เรามีความแค้นเท่าแผ่นดินแผ่นฟ้า...........เราจะยกทัพมาแก้แค้นให้ได้ เรามีชีวิตอยู่ตราบใดจะไม่ถอยทัพกลับเลย ถ้าเราตายแล้วทัพนี้จึงจะกลับ นี่หากว่าเราคิดถึงขงเบ้ง หาไม่จะฆ่าท่านเสีย ท่านจงกลับไปบอกซุนกวนให้ล้างคอไว้ท่าดาบเราเถิด “

เมื่อพระเจ้าซุนกวนหาทางประนีประนอมกับพระเจ้าเล่าปีไม่สำเร็จ ก็ต้องจำใจต่อสู้ โดยขอเป็นพันธมิตรกับพระเจ้าโจผี แต่พระเจ้าโจผีก็ไม่ได้ช่วยด้วยใจจริง คอยจะซ้ำเมื่อฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ กองทัพของพระเจ้าเล่าปี่จึงลุยกองทัพของพระเจ้าซุนกวน แตกพ่ายยับเยินทุกสมรภูมิ และทหารเอกของเมืองกังตั๋งถูกฆ่าตายไปถึงห้าคน รวมทั้งพัวเจี้ยงผู้พิชิตกวนอูด้วย โดยฝ่ายเมืองเสฉวนเสีย ฮองตงทหารเอกผู้เฒ่าไปเพียงคนเดียว

ซุนกวนได้พยายามมราจะบรรเทาความแค้นของพระเจ้าเล่าปี่เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการส่งมอบตัวฮอมเกียงและเตียวตัดมาให้พระเจ้าปี่ประหารเซ่นศีรษะเตียวหุยเสียทั้งคู่ แต่ก็ไม่ทำให้พระเจ้าเล่าปี่ใจอ่อนลง ยังคงยืนยันที่จะรบเอาเมืองกังตั๋ง และฆ่าพระเจ้าซุนกวนให้จงได้


เมื่อซุนกวนได้ทราบถึงความพยาบาทจองเวรของพระเจ้าเล่าปี่แล้ว ก็ตกใจจนตัวสั่นนิ่งอึ้งตลึงแล ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป กำเจ๊กซึ่งเป็นกุนซือจึงทูลว่า ในเมืองกังตั๋งยังมีคนดีอยู่อีกคนหนึ่ง มีสติปัญญาพอฟัดพอเหวี่ยงกับจิวยี่ ชื่อ ลกซุน อยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว เมื่อครั้งที่เมืองเกงจิ๋วแตกจับกวนอูได้ ก็ได้อาศัยความคิดของคนผู้นี้

ขุนนางคนอื่น ๆ ก็พากันแย้งว่าลกซุนนี้ยังอายุน้อย เคยรับราชการในตำแหน่งน้อยทางฝ่ายบุ๋น ถึงจะดีจริงก็คงจะเอามาเป็นแม่ทัพบังคับบัญชาทหาร สู้รบทำศึกใหญ่กับพระเจ้าเล่าปี่เห็นจะไม่ได้ กำเจ๊กก็ยังยืนยันถึงขนาดยอมเอาตนเองและบุตรภรรยาเป็นตัวประกัน จนซุนกวนเห็นด้วยจึงให้ไปตามตัวมาจากเมืองเกงจิ๋ว แล้วก็มอบอาญาสิทธิ์ให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ว่าราชการทั้งปวง ถ้าผู้ใดขัดขวางมิทำตาม ให้ตัดศีรษะได้ทันที

ลกซุนก็จัดกองทัพบกทัพเรือ โดยมี ชีเซ่งและ เตงฮอง เป็นนายทหารใหญ่ซ้ายขวา ยกไปเสริมกำลังที่ค่ายของเมืองกังตั๋ง ซึ่งตั้งยันกองทัพพระเจ้าเล่าปี่อยู่ ฮันต๋งและจิวท่ายซึ่งเป็นแม่ทัพอยู่เก่าก็ไม่ค่อยจะเคารพยำเกรงแม่ทัพใหญ่เท่าใดนัก ลกซุนจึงเรียกประชุมนายทัพนายกองทั้งปวง แล้วประกาศอาญาสิทธิ์ที่ตนได้รับมาจากพระเจ้าซุนกวนให้ทราบโดยทั่วกัน

การศึกครั้งนี้ ลกซุนสามรารถทำลายกองทัพของพระเจ้าเล่าปี่ได้อย่างยับเยิน เช่นเดียวกับที่ จิวยี่ ได้ทำลายกองทัพของ โจโฉ มาแล้วในอดีต

บังเอิญจูล่งมาช่วยพระเจ้าเล่าปี่ไว้ได้ทันก่อนจะจนมุม จึงพากันไปอาศัยอยู่ที่เมืองเป๊กเต้

พระเจ้าเล่าปี่จึงประทับอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ โดยให้ตกแต่งเมืองให้มีพระราชวังอาศัย ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน แทนที่จะกลับไปเมืองเสฉวน แต่ก็ทนอยู่ไปโดยไม่มีความสุขอีกไม่นาน ต่อมาก็สิ้นพระชนม์ลง เมื่ออายุได้หกสิบสามปี หลังจากที่ได้เสวยราชย์มาเพียงสามปี

ในที่สุดเล่าปี่ผู้สุภาพอ่อนน้อมในบางเวลา และเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในบางโอกาส จนสามารถตั้งเขตแคว้นของตนได้เป็นใหญ่หนึ่งในสามก๊กสำเร็จ แต่ก็ต้องมาถึงที่สุดของชีวิต ด้วยความซื่อสัตย์มั่นคงต่อคำสาบาน ที่ให้ไว้กับน้องร่วมใจทั้งสองลง

ยังเหลือแต่เขตแคว้นแดนแผ่นดินอันกว้างขวาง ให้บุตรชายและมหาอุปราชคู่ใจ ดำเนินการรวมรวมอาณาจักรทั้งสาม เพื่อรักษาราชวงศ์ฮั่นตามความตั้งใจเดิมต่อไป.

##########


วางเมื่อ ๒๕ พ.ค.๕๖ เวลา๐๗.๕๙
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่