กระทู้นี้ตั้งใจสื่อว่า วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตอนกลางวัน แท้จริงแล้วอันตรายพอๆกับคืนวันศุกร์-เสาร์ เลยล่ะครับ ^^
วันนี้หลังจากฝนซาผมก็รีบคว้าจักรยานคู่ใจออกไปradในเมืองซะรอบนึง ขากลับก็ขี่เลียบซ้ายสุดๆทำความเร็วพอสมควร
อีกไม่ไกลจะถึงบ้านข้างหน้าเป็นปั้มน้ำมัน ทันใดก็มีรถกระบะวีโก้แซงขึ้นมาตีคู่ เขาเร็วกว่าผมนิดๆ และแซงไปจนพ้น ผมสังเกตว่า
เขาไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวเพื่อจะเข้าปั้ม "แต่เพื่อความปลอดภัยผมก็ลดความเร็วลง" แต่ทันใดนั้นเขาก็เลี้ยวแขว๊บ "ตัดเลน"เข้าปั้มทันที!
โดยที่มีผมและจักรยานรูดติดไปกับข้างรถของเขาด้วย!
..เสียงล้อหน้าของผมปะทะดังปังที่ตัวถังรถของเขา แต่เขาก็ไม่หยุดยังคงขับเข้าปั้มต่อไปเรื่อยๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนรถไปหยุดที่หน้าร้านเซเว่นฯ ขณะที่ผมพยามประคองรถไม่ให้ล้ม พร้อมกับรู้สึกเจ็บที่หน้าขาอันเกิดจากโดนแฮนด์รถเกี่ยว
จนเป็นแผลถลอกและรอยแดงยาว..
..ไม่อยากมีเรื่อง..แต่ก็จำเป็นต้องบอกให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..ผมตรงเข้าไปเทียบที่ประตูคนขับ เพราะกับเคาะที่ประตูรถเขาสองที
..เงียบ..เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนมาเคาะประตู..!!! คนขับเป้นผู้หญิงกำลังก้มหน้าก้มตาหยิบของในกระเป่าสะพายอยู่อย่างชิวๆ
..คราวนี้ผมจึงเคาะแรงขึ้น จนเขาหันมาดูด้วยสีหน้างงๆ..ภาพตรงหน้าผมเป็นสุภาพสตรีวัยทำงานอายุราวสามสิบปลายๆ
พร้อมลูกสองคนที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ในรถ...

(ขอบคุณ ภาพประกอบจาก internet)
เธอหันมาทำหน้างงๆ จนผมทำมือให้ลดกระจกลงมา ผมบอกกับเธอว่า.."เมื่อกี้คุณปาดหน้ารถผมจนผมเกือบล้ม
และตอนนี้เจ็บมาก" สายตางงๆนั้นยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก...
แล้วเธอก็พูดว่า.."ไม่ได้ดูกระจกหลังเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วย" "เป็นอะไรมากไหมคะ?"
คำพูดนั้นทำให้ผมเย็นลงมาก..โอเค..เธอขอโทษผม คำพูดตรงๆแบบที่รู้ว่าตัวเองพลาด มันทำให้ผมใจเย็นลงมาก
ผมตอบเธอไปว่า.."เจ็บพอสมควรครับ".."ต้องระวังนะครับ..คุณต้องระวังให้มากกว่านี้..อันตรายมากๆ"
...แล้วผมก็จากเธอมา พร้อมกับคำขอโทษที่เธอยังพร่ำพูดต่อไปอีก...
ย้อนกลับไปคิด.....
..ภาพที่ผมเห็นคือคุณแม่ที่ไม่มีสมาธิ เพราะลูกๆที่กระโดดไปมาในรถ
..ภาพที่ผมเห็นคือคนที่"ขับรถไม่ละเอียด" "ทักษะน้อย" ที่หลุดรอดมาจากระบบการสอบใบขับขี่อันแสนไร้ประสิทธิภาพ
ของบ้านเมืองนี้...
..ย้อนกลับมาดูตัวเอง..ผมเองก็มีลูกเล็กๆเหมือนเธอ..ถ้าวันนี้ผมตายไป ใครจะดูแลลูกผม
และคำขอโทษเหล่านั้นคงทดแทนกันไม่ได้แม้แต่เพียงสักน้อย.....
..ผมอาจไม่ใช่คนที่ขับรถเก่งระดับอัจฉริยะอะไร..แต่ลูกผมทุกคน "คาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน"
มันไม่ใช่แค่เพียงเรื่องความปลอดภัย..แต่มันทำให้เด็กๆอยู่กับที่ไม่รบกวนคนขับรถ เพราะ "สมาธิของคนขับ" เป็นสิ่งสำคัญมากๆ
ยิ่งคุณเป็นมือใหม่ที่ไม่ชำนาญ คุณยิ่งต้องมีสมาธิมากเป็นอย่างยิ่ง.....
เสียงจักรยานปะทะกับรถ เสียงเคาะประตูที่แรงพอสมควร คุณเธอกลับไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
มันคงไม่แปลกถ้านาทีนั้นคุณเธอเปิดเพลงเสียงดังให้ลูกๆเต้นและกระโดดอยู่ในรถ
และอาจแปลกกว่านั้น ถ้าเธอใจลอยไปไกลแสนไกล จนไม่ได้ยินเสียงรอบข้างที่เกิดขึ่นกับยานพาหนะของเธอ
..แต่มันแปลกในความคิดผม..เพราะผมเป็นคนที่ระมัดระวังเรื่องนี้อย่างที่สุด...
..หรือนี่เรามาจาก"ดาวคนละดวงกัน"???
วันหยุด มีหลายคนที่เอารถออกมาขับหลังจากที่จอดเอาไว้ตลอดสัปดาห์ หลายคนคิดว่าเพียงไปแค่ระยะสั้นๆไม่ต้องซีเรียสอะไร
จนละเลยความปลอดภัยทั้งของตัวเอง และคนรอบข้างที่ใช้ถนนร่วมกัน.....
หลายคนขาดทักษะ แต่ยังมีความระมัดระวัง แต่หลายคนก็ขาดทักษะ และไม่ละเอียดรอบคอบจนอันตรายกว่าคนเมาแล้วขับเสียอีก
วันหยุด..กับนักขับพาร์ทไทม์ที่ขับรถไม่ละเอียด อันตรายพอๆกับคนเมาแล้วขับเลยครับ
วันนี้หลังจากฝนซาผมก็รีบคว้าจักรยานคู่ใจออกไปradในเมืองซะรอบนึง ขากลับก็ขี่เลียบซ้ายสุดๆทำความเร็วพอสมควร
อีกไม่ไกลจะถึงบ้านข้างหน้าเป็นปั้มน้ำมัน ทันใดก็มีรถกระบะวีโก้แซงขึ้นมาตีคู่ เขาเร็วกว่าผมนิดๆ และแซงไปจนพ้น ผมสังเกตว่า
เขาไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวเพื่อจะเข้าปั้ม "แต่เพื่อความปลอดภัยผมก็ลดความเร็วลง" แต่ทันใดนั้นเขาก็เลี้ยวแขว๊บ "ตัดเลน"เข้าปั้มทันที!
โดยที่มีผมและจักรยานรูดติดไปกับข้างรถของเขาด้วย!
..เสียงล้อหน้าของผมปะทะดังปังที่ตัวถังรถของเขา แต่เขาก็ไม่หยุดยังคงขับเข้าปั้มต่อไปเรื่อยๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนรถไปหยุดที่หน้าร้านเซเว่นฯ ขณะที่ผมพยามประคองรถไม่ให้ล้ม พร้อมกับรู้สึกเจ็บที่หน้าขาอันเกิดจากโดนแฮนด์รถเกี่ยว
จนเป็นแผลถลอกและรอยแดงยาว..
..ไม่อยากมีเรื่อง..แต่ก็จำเป็นต้องบอกให้เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..ผมตรงเข้าไปเทียบที่ประตูคนขับ เพราะกับเคาะที่ประตูรถเขาสองที
..เงียบ..เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนมาเคาะประตู..!!! คนขับเป้นผู้หญิงกำลังก้มหน้าก้มตาหยิบของในกระเป่าสะพายอยู่อย่างชิวๆ
..คราวนี้ผมจึงเคาะแรงขึ้น จนเขาหันมาดูด้วยสีหน้างงๆ..ภาพตรงหน้าผมเป็นสุภาพสตรีวัยทำงานอายุราวสามสิบปลายๆ
พร้อมลูกสองคนที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ในรถ...
(ขอบคุณ ภาพประกอบจาก internet)
เธอหันมาทำหน้างงๆ จนผมทำมือให้ลดกระจกลงมา ผมบอกกับเธอว่า.."เมื่อกี้คุณปาดหน้ารถผมจนผมเกือบล้ม
และตอนนี้เจ็บมาก" สายตางงๆนั้นยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก...
แล้วเธอก็พูดว่า.."ไม่ได้ดูกระจกหลังเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วย" "เป็นอะไรมากไหมคะ?"
คำพูดนั้นทำให้ผมเย็นลงมาก..โอเค..เธอขอโทษผม คำพูดตรงๆแบบที่รู้ว่าตัวเองพลาด มันทำให้ผมใจเย็นลงมาก
ผมตอบเธอไปว่า.."เจ็บพอสมควรครับ".."ต้องระวังนะครับ..คุณต้องระวังให้มากกว่านี้..อันตรายมากๆ"
...แล้วผมก็จากเธอมา พร้อมกับคำขอโทษที่เธอยังพร่ำพูดต่อไปอีก...
ย้อนกลับไปคิด.....
..ภาพที่ผมเห็นคือคุณแม่ที่ไม่มีสมาธิ เพราะลูกๆที่กระโดดไปมาในรถ
..ภาพที่ผมเห็นคือคนที่"ขับรถไม่ละเอียด" "ทักษะน้อย" ที่หลุดรอดมาจากระบบการสอบใบขับขี่อันแสนไร้ประสิทธิภาพ
ของบ้านเมืองนี้...
..ย้อนกลับมาดูตัวเอง..ผมเองก็มีลูกเล็กๆเหมือนเธอ..ถ้าวันนี้ผมตายไป ใครจะดูแลลูกผม
และคำขอโทษเหล่านั้นคงทดแทนกันไม่ได้แม้แต่เพียงสักน้อย.....
..ผมอาจไม่ใช่คนที่ขับรถเก่งระดับอัจฉริยะอะไร..แต่ลูกผมทุกคน "คาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน"
มันไม่ใช่แค่เพียงเรื่องความปลอดภัย..แต่มันทำให้เด็กๆอยู่กับที่ไม่รบกวนคนขับรถ เพราะ "สมาธิของคนขับ" เป็นสิ่งสำคัญมากๆ
ยิ่งคุณเป็นมือใหม่ที่ไม่ชำนาญ คุณยิ่งต้องมีสมาธิมากเป็นอย่างยิ่ง.....
เสียงจักรยานปะทะกับรถ เสียงเคาะประตูที่แรงพอสมควร คุณเธอกลับไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
มันคงไม่แปลกถ้านาทีนั้นคุณเธอเปิดเพลงเสียงดังให้ลูกๆเต้นและกระโดดอยู่ในรถ
และอาจแปลกกว่านั้น ถ้าเธอใจลอยไปไกลแสนไกล จนไม่ได้ยินเสียงรอบข้างที่เกิดขึ่นกับยานพาหนะของเธอ
..แต่มันแปลกในความคิดผม..เพราะผมเป็นคนที่ระมัดระวังเรื่องนี้อย่างที่สุด...
..หรือนี่เรามาจาก"ดาวคนละดวงกัน"???
วันหยุด มีหลายคนที่เอารถออกมาขับหลังจากที่จอดเอาไว้ตลอดสัปดาห์ หลายคนคิดว่าเพียงไปแค่ระยะสั้นๆไม่ต้องซีเรียสอะไร
จนละเลยความปลอดภัยทั้งของตัวเอง และคนรอบข้างที่ใช้ถนนร่วมกัน.....
หลายคนขาดทักษะ แต่ยังมีความระมัดระวัง แต่หลายคนก็ขาดทักษะ และไม่ละเอียดรอบคอบจนอันตรายกว่าคนเมาแล้วขับเสียอีก