ปราสาทสัจธรรม Sanctuary of Truth

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ วันนี้โชคดีได้เข้าไปถ่ายรูปหนึ่งในสถานที่ๆผมอยากไปมากๆที่หนึ่ง เนื่องจากเห็นรูป และได้ยินความวิจิตรอลังการของที่ๆนี้มานาน นั่นคือ ปราสาทสัจธรรม หรือ Sanctuary of Truth นั่นเอง



ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth)  ตั้งอยู่  ณ บริเวณอ่าววงพระจันทร์  แหลมราชเวช   ตำบลนาเกลือ  ในเนื้อที่  80 ไร่  งดงามด้วย  “สถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก”  ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า  “วังโบราณ”   บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารว่า “ปราสาทไม้”  แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้าง  คือ  คุณเล็ก วิริยะพันธุ์  (ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ  จังหวัดสมุทรปราการ)  เรียกอาคารแห่งนี้ว่า “ปราสาทสัจธรรม”









ปราสาทสัจธรรมเริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี  พ.ศ. 2524  จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง  ไม่มีโลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นส่วนฐานที่เป็นคอนกรีต  มีการใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย  หรือใส่สลักไม้ตามภูมิปัญญาโบราณ  ตัวปราสาทเป็นทรงจัตุรมุข  สูง 100 เมตร  กว้าง 100 เมตร  แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรพิสดาร   ทั้งภายนอกและภายใน  กล่าวกันว่างามดั่งเทพนฤมิต  สะท้อนแนวคิดนามธรรมออกมาตีแผ่เป็นรูปธรรมให้สัมผัสได้    สื่อถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออก







สำหรับประวัติความเป็นมาของปราสาทสัจธรรม อ.ศรีศักร วัลลิโภดม ที่ปรึกษาด้านศิลปะของเสี่ยเล็กได้กล่าวไว้ใน http://www.paknam.com ว่า

ปราสาทสัจธรรมนั้นเกี่ยว ข้องกับที่ดินที่เสี่ยเล็กซื้อไว้   ซึ่งบริเวณดังกล่าวค่อนข้างสวยงามมาก   ท่านจึงเล็งเห็นว่าควรจัดทำอะไรที่เป็นประโยชน์ขึ้นมา   ซึ่งในย่านพัทยาซึ่งมี แต่ความเจริญทางด้าน วัตถุนิยม    เสี่ยเล็กจึงเกิดความอึดอัด เลยเกิดความคิดที่ จะทำอะไรที่สวนกระแสกับโลกที่มัวแต่สร้างวัตถุที่เลว ร้าย อาทิ อาวุธ

“ท่านก็อยากทวนกระแสการสร้างพวกอาวุธ ด้วยการสร้างสิ่งที่ ดีงามของโลก ทั้งทางด้านศาสนา และปรัชญา มันก็จะเป็นประโยชน์ เพียงแต่วิธีที่สื่อ ท่านก็เลือกสื่อโดยศิลปะ นี่คือความคิดของคุณเล็กแต่วิธี คิดของคุณเล็กนั้น  ท่านไม่เคยคิดสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตัวเอง   ท่านไม่ได้ต้องการเป็นผู้นำทาง ด้านศาสนา ปรัชญาไม่ใช่ แต่ท่านต้อง การเอาสิ่งที่ปรัชญาเมธี นักปราชญ์ต่างๆ ที่ให้อะไรที่เป็นประโยชน์ แก่โลกเอา มารวมกัน แล้วนำเอามารวมไว้ที่เป็นปราสาทสัจธรรม คือเอามารวมมาปรุง แต่งไว้ในสถานที่ เดียวกัน”  







อ.ศรีศักร   ยอมรับในแง่ความสามารถของเสี่ยเล็กต่อวิธีที่จะสื่อในด้านปรัชญาของโลกว่า เสี่ยเล็กเลือกที่จะสร้าง ปราสาทสัจธรรมขึ้นมา   โดยสื่อด้วยการใช้ศิลปะเป็นตัวสื่อ และสิ่งที่เสี่ยเล็กสร้างขึ้นมานั้นไม่ใช่สิ่งที่ เกิดขึ้น ใหม่   แต่เป็นของเก่าที่เอามาปรุงใหม่เพื่อสื่อออกไปในรูปของศิลปะ  



“ไม่ใช่ว่าไปดูปราสาทเพื่อดูว่าเป็นศิลปะ แต่ไปดูปราสาทเพื่อ ดูความหมายว่า ให้มองศิลปะในแง่ที่เป็นสื่อ มองในแง่ความดีงาม และปรัชญา ท่านเริ่มจากทำโมเดลก่อนที่จะมาลงมือทำจริง แต่โมเดลก็ไม่ได้ ตายตัว สามารถยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงได้  คือเสี่ยเล็กจะค่อยๆ ทำไป ปรับไปตามความเหมาะสม เพราะฉะนั้นปราสาทสัจธรรมมันถึงไม่เสร็จในทันที มันต้องค่อยเป็นค่อยไป”

ปราสาทสัจธรรมแห่งนี้  อ.ศรีศักรกล่าวว่า หากใครได้ไปดู จะเห็นได้ถึงความเคลื่อนไหวของเทพเจ้าต่างๆ   ซึ่งลวดลายต่างๆ  ล้วนแต่คัด ลอกมาจากแหล่งต่างๆ ทั้งมาจากหนังสือ งานแกะ งานฝาผนังตามสถานที่ ต่างๆ   มารวมกัน  ไม่ว่าศิลปะเขมร   พุทธ  ฮินดู  อิสลาม  จีน   มาประกอบ รวมกัน โดยสร้างเป็นรูปสัญลักษณ์ แทนความหมายที่ต้องการสื่อให้เห็น

“ที่เป็นแกนที่สุดของสัจธรรมก็คือ   ตรงกลางซึ่งจะเป็นบุษบก   แต่บุษบกนั้นจะว่างเปล่า   เพราะหมายถึงว่า ถ้ามนุษย์เราประพฤติอยู่ในธรรม ก็สามารถไปอยู่ในนั้นได้ ตรงกลางของปราสาทสัจธรรม คือสิ่งที่ว่างเปล่า นี่คือความคิดของคุณเล็ก”











ตัวปราสาทถ้าจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆก็คงต้องบอกว่าเป็นเหมือนเครื่องหมาย + โดยหันหน้าเข้าทะเล ส่วนตรงกลาง หรือจุดที่ตัดกันของเครื่องหมาย + จะมีบุษบกที่พูดถึงก่อนหน้านี้ตั้งอยู่ ความสูงถึงยอดปราสาทรวมแล้ว 105 เมตร

ในการสร้างปราสาทมีความเชื่อว่า มนุษย์เรานั้น เกิดและดำเนินชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งก่อกำเนิดทั้ง 7 สิ่งที่สำคัญ คือ ฟ้า ดิน พ่อ แม่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ และ ดวงดาว ซึ่งได้นำเสนอผ่านรูปแกะสลักไม้ภายในตัวปราสาท นอกจากนี้มนุษย์ยังมีสิ่งที่ต้องกระทำและมุ่งปฏิบัติคุณธรรมอีก 4 ประการ เพื่อที่จะได้ไปสู่โลกแห่งอุดมคติคือโลกในยุคพระศรีอาริย์ ซึ่งเป็นยุคที่จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เป็นองค์สุดท้าย คือองค์ที่ 5 ในภัทรกัปป์ ดังที่ด้านบนสุดได้แกะจำหลักไม้เป็นรูปพระกัลลีประดับไว้ (คือพระนารายณ์ซึ่ง อวตารลงมาเป็นอัศวินม้าขาวหรือบุรุษชื่อกัลลี มีดาบวิเศษอันทรงฤทธิ์ เพราะต้องการที่จะปราบคนชั่ว และได้เริ่มมีการสถาปนาระบบธรรมะขึ้นมาใหม่ เพื่อต้องการที่จะให้สังคมบ้านเมืองมีแต่ความสุขตลอดไป)  









สำหรับคุณธรรมอีก 4 ประการ ได้สื่อสัญลักษณ์เป็นภาพจำหลักไม้อยู่บนยอดอาคารของมุขแต่ละด้านคือ

เทวดาถือดอกบัว หมายถึง ตั้งหลักให้กับโลก - ศาสนา
เทวดาอุ้มเด็กจูงคนชรา หมายถึง ให้ชีวิตแก่มนุษย์ – การสืบต่อ
เทวดาถือหนังสือ หมายถึง ต่อเนื่องปรัชญาอมตะ – ปัญญา
เทวดามีนกพิราปเกาะมือ หมายถึง เพื่อความสงบสุขของโลก - สันติภาพ







ปราสาทสัจธรรมมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มวลมนุษย์มาชุมนุมเพื่อจะได้ตระหนักถึงสิ่งก่อกำเนิดทั้ง 7 และคุณธรรมข้อประพฤติทั้ง 4 ที่จะทำให้โลกในอุดมคติเกิดขึ้นจริง แม้จะเป็นโลกเล็กๆเฉพาะตัวบุคคลหรือโลกทั้งมวล แต่การจะไปสู่โลกอุดมคตินั้นย่อมต้องมีอุปสรรค จึงมีการต่อสู้ระหว่างธรรมกับอธรรม ความดีความชั่ว จิตใจฝ่ายสูง-ต่ำ ผู้สร้างจึงได้แสดงผ่านงานแกะจำหลักไม้เรื่องมหากาพย์รามายณะ และมหากาพย์ภารตยุทธ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และชี้แนะให้มนุษย์ชำระล้างกิเลสตัณหาในตัวให้ดับสิ้นไป เพราะไม่มีชัยชนะใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการชนะใจตนเอง







อย่างที่บอกว่าตัวปราสาทเหมือนเครื่องหมาย +  เพราะฉะนั้นก็จะแบ่งออกเป็นสี่ด้าน
ด้านที่1 :: ด้านที่หันออกสู่ทะเล
ด้านนี้จะเปรียบเสมือนประตูผู้มาเยือน มีไม้แกะสลักรูปพรหมสี่หน้าขนาดใหญ่ (มาก) ตั้งอยู่บนหน้าบัน







ปราสาทด้านนี้จะมีรูปแกะสลักของเทพทั้งสามองค์คือ

พระพรหม : เทพเจ้าผู้สร้างจักรวาลและโลก
พระพรหมเป็นเทพเจ้าองค์แรกในตรีมูรติ (ได้แก่ พระพรหม พระนารายณ์ และพระอิศวร) ในตำราได้กล่าวไว้ว่า พระพรหมนั้นมีกายสีแดง มี 4 พระพักตร์ พระกร 4 ข้าง ถือคฑา ลูกประคำ หม้อน้ำ หรือคันศร ประทับอยู่บนอาสน์บัวบาน และทรงหงส์เป็นพาหนะ







พระศิวะหรือพระอิศวร : เทพผู้ทำลายและสร้างโลก
ในครั้งแรกสุด พระพรหมได้เป็นผู้สร้างโลกและสร้างจักรวาลขึ้นมา แต่ก็ได้เกิดปัญหามากมายขึ้นบนโลกมนุษย์ พระศิวะจึงได้ทำลายโลก พอในเวลาต่อมาพระศิวะ ก็ได้มีการสร้างโลกขึ้นมาใหม่ โดยสร้างพระนารายณ์ขึ้นมาเป็นผู้ดูแลรักษาด้วย





พระวิษณุหรือพระนารายณ์ : เทพผู้รักษาคุ้มครองโลก
หลักฐานตามคัมภีร์พราหมณ์ปุราณะ ได้กล่าวไว้ว่า พระศิวะได้ทรงสร้างโลกขึ้นมา แต่งานที่จะรักษาโลกให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขเป็นเรื่องที่ยากกว่า ดังนั้นพระศิวะจึงสร้างพระวิษณุ ให้มาเป็นผู้ช่วยรักษา ในช่วงเวลาที่สร้างโลกอยู่นั้น พระนารายณ์ก็จะอวตาร เพื่อจะลงมาช่วยปราบยุคเข็ญในโลกเป็นจำนวนมากถึง 10 ครั้ง ได้แก่ อวตารเป็น ปลา เต่า หมูป่า นรสิงห์ พราหมณ์ถือขวานเพชร พราหมณ์เตี้ย พระราม พระกฤษณะ พระพุทธเจ้า บุรุษที่ชือกัลลี





ด้านที่2 :: เทพประจำวันเกิด
ด้านนี้จะมีรูปแกะสลักของเทพประจำวันแต่ละองค์ทั้ง 7 องค์





ด้านที่3 :: เทพเจ้าพ่อแม่
เตือนให้เรานึกถึงพระคุณพ่อแม่นั่นเอง



ด้านที่4 :: ขอเรียกว่าด้านรวมเทพละกัน ประกอบด้วยรูปแกะสสลักของเทพต่างๆมากมาย















ด้านข้างของปราสาทสัจธรรมจะมีแบบจำลองของปราสาอยู่ ไว้ใช้สำหรับวางแผนการซ่อมแซมต่อเติม

แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่