พ่อกับแม่จะรู้หรือเปล่าว่าความปรารถนาดีของท่านทำร้ายลูกเหลือเกิน

พ่อของเราเป็นคนที่เข้มงวดมาก ตั้งแต่เด็กๆ ถ้าทำผิดจะต้องถูกลงโทษ ตอนเด็กๆเรายอมรับว่าเรากลัวพ่อมาก เวลาที่เรามีปัญหาอะไร เราไม่เคยอยากเล่าให้พ่อฟังเลย จนถึงทุกวันนี้ พ่อพูดเสมอว่าพ่อทำทุกอย่างเพราะพ่อหวังดี พ่ออยากให้เราได้ดี เราไม่ปฏิเสธ พ่อเป็นพ่อที่ดีมากยกเว้นอย่างเดียว

" พ่อไม่เคยเข้าใจเราเลย "

ตั้งแต่เกิดจนถึงประถมเราพยายามเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อมาตลอด เราตั้งใจเรียน รักษาเกรดดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโรงเรียน เราแค่อยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจ

พอขึ้นมัธยม เราเองก็เริ่มรู้สึกอึดอัดกับการถูกบังคับ เวลาคุยกันเรารู้สึกเหมือนถูกสอบสวนตลอดเวลา พ่อเป็นคนที่ตรง พูดตรงมากๆ ไม่รักษาน้ำใจ และหลายๆครั้งพ่อก็ดูถูกเรา พ่อชอบพูดว่า "เรียนเก่งแค่ไหนก็ไปไม่รอด ไปไม่รอด !!!" คือมันเป็นความรู้สึกที่แย่นะ โดยเฉพาะมาจากปากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ พ่อบอกว่าถ้าเชื่อพ่อทุกอย่างจะโอเค เอาตรงๆ เราก็คงเชื่อพ่อมากกว่านี้ถ้าพ่อไม่คอยพูดจาเหน็บแนม ดูถูกเราแบบนี้ คือก็เข้าใจว่ารัก แต่การพูดแบบนี้มันทำร้ายจิตใจลูกเกินไป

หลายอย่างมันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่คือพ่อก็ยังหยิบมาเป็นประเด็น ครั้งนึงพ่อเห็นเราปอกผลไม้ พ่อบอกว่าเราปอกไม่ถูกวิธีแล้วก็บังคับให้ปอกด้วยวิธีแบบพ่อ เราไม่เข้าใจค่ะ คือการปอกผลไม้เนี่ยมันก็มีหลายวิธี แต่ละคนก็ถนัดไปตามวิธีของตัวเอง เราปอกแบบพ่อไม่ได้ นิ้วเราสั้น เรากดมีดแบบพ่อไม่ได้ = = เราก็พยายาม แต่ทำแบบที่พ่อบอกไม่ได้ เราก็กลับมาปอกของเราแบบเดิมแล้วพ่อก็อารมณ์เสียค่ะ

คือมันไม่ได้มีแค่นี้ มันมีอีกเยอะ ซึ่งพอความรู้สึกคนเรามันอดทนมานานๆมันก็มีขีดจำกัด ยอมรับนะว่าเราดื้อ เราเกลียดการโดนบังคับมากๆและหลายๆครั้งเราก็จะไม่ทำตามที่พ่อบอกหรอก เราอดทนมาพอแล้ว !!

ตอนนี้เราอยู่ ม.6 เราเองก็เหมือนเด็กคนอื่นๆที่มีความฝันเป็นของตัวเอง เรากับพ่อทะเลาะกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้า เรื่องการเรียนต่อของเรา พ่อชอบถามว่าเราอยากเรียนอะไร เราก็บอกพ่อทุกอย่างนะ แล้วพ่อก็ชอบพูดประมาณว่าเรียนไปแล้วมันก็ไม่มีงานทำหรอก ไม่มั่นคง.... บลาๆ พ่อบอกว่าให้เราเลือกได้ตามใจเลย อยากเรียนอะไรก็เรียนพ่อไม่บังคับ ทำได้แค่ชี้นำ แล้วพ่อก็จะพูดต่อว่าเนี่ย อาชีพที่มีวิชาชีพมันดีนะ ถ้าเบื่อก็ออกมาทำงานเองได้ ย้ายไปไหนก็ได้ (เราเคยอยากเรียนวิศวะ พ่อก็บอกว่าถึงมันจะมีใบประกอบวิชาชีพมันก็ตกงาน อ้าว ??) สุดท้ายแล้วเหลือกี่อาชีพเหรอคะที่พ่อหมายถึงดีถ้าไม่ใช่อาชีพ "แพทย์"

ด้วยความดวงซวยและหัวดีหน่อยๆของเรา เราก็สอบติดแพทย์สถาบันหนึ่งอย่าง ฟลุ๊คๆ เราขอพ่อกับแม่ตั้งแต่ก่อนสอบแล้วว่าติดเราขอสละสิทธิ์ได้ไหม เพราะเราไม่อยากเรียน ไม่อยากเป็นจริงๆ ที่เราอยากได้คือการสอบสนามถัดไปต่างหาก พ่อก็ด่าเราบอกว่าจะทำอะไรให้คิดอย่าหวังน้ำบ่อหน้า ถ้าไม่ได้แล้วจะเป็นยังไง แต่เราก็ยืนยันว่าเราจะสละสิทธิ์ ไม่ไปสอบสัมภาษณ์ แล้วเรากับพ่อก็ทะเลาะกันค่ะ

ตอนนี้คือเราอึดอัดมาก แม้แต่หน้าพ่อเรายังไม่อยากมองตอนนี้ เราทำใจไม่ได้ เหมือนความอดทนทุกอย่างมันถึงขีดจำกัด ไหนบอกไม่บังคับ ไหนบอกให้เราเลือกเอง แล้วทำไมสุดท้ายพ่อก็ไม่ฟังเหตุผลของเรา ทำไมไม่พูดดีๆ ทำไมต้องใช้อารมณ์ เราเครียดแล้วก็กดดันมาก ยิ่งเหลืออีกไม่กี่อาทิตย์ต้องสอบยิ่งเครียด ต้องเจอปัญหาจากคนในบ้าน คือเราอ่านหนังสือไปร้องไห้ไปค่ะ แทบจะขังตัวเองไว้ในห้องแล้ว

เราทำสมาธินานมากกว่าจะเริ่มอ่านหนังสือได้ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งถึงสองชั่วโมงเพื่อสงบสติอารมณ์ เพื่อหยุดคำถาม เพื่อหยุดคำสบประมาทคำตอกย้ำของพ่อ พวกคุณอาจจะนึกไม่ออกค่ะ เป็นอารมณ์แบบอ่านหนังสือไปหลายๆคำพูดมันก็ผุดขึ้นมาในหัว มันกดดันมากนะคะ กดดันจนร้องไห้ เครียดที่พ่อไม่เคยเข้าใจเราเลย เรากลัวด้วยซ้ำว่าถ้าเราสอบรอบนี้ไม่ติดพ่อจะว่าเราอีกเหมือนทุกๆครั้งว่า "เห็นไหมไม่เชื่อพ่อ" ซึ่งแน่นอนเราไม่ต้องการคำดูถูกแบบนั้น

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองหลายๆคนนะคะ ถ้าไม่อยากให้ลูกเก็บกด (จนใกล้บ้า) เหมือนเรา รักเขา เอาใจใส่ลูกหลานท่านให้ดีนะคะ รักให้เป็น รักหมายถึงให้ความรัก ให้คำปรึกษาลูกเวลามีปัญหา รับฟังเขาบ้างเถอะค่ะ เด็กๆอยากให้คุณพ่อคุณแม่รับฟังพวกเขานะคะ เขายินดีรับฟังทุกข้อคิดจากคุณเหมือนกัน เพียงขอพวกคุณใจเย็น ค่อยๆพูด ค่อยๆอธิบาย ความเข้มงวดจนเกินไปมันทำร้ายทั้งสองฝ่ายค่ะ ณ จุดๆนึง ความอดทนของเด็กๆก็มีขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆช่วง ม.6 สิ่งที่พวกเขาต้องการคือกำลังใจ แค่พวกเขาต้องกดดันกับการสอบมากมายก็เครียดมากแล้ว อย่าให้ลูกๆหลานๆคุณต้องทรมานอย่างที่เรารู้สึกตอนนี้เลยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
นึกถึงตัวเอง ถ้าเป็นเราคงอึดอัดน่าดู และพี่คงจะแกล้งบ้าไปเลย ไหนๆก็ใกล้แระ ลองบ้าซักปี เค้าล้อเล่น

(ข้ามประโยคข้างบนไปนะคะน้อง อย่าทำเลย การป่วยไม่ใช่ของสนุก พี่หาจิตแพทย์มาแล้วด้วยเรื่องอื่นๆ มีวิธีแก้ปัญหาอีกหลายทาง แต่หลายหนพี่ก็คิดจะทำอยู่ ถ้ามีสติแล้วต้องโดนบังคับก็อย่ารับรู้ความเป็นจริงเลยดีกว่า เฮ้อ)

เลือกสิ่งที่ชอบค่ะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ก่อนจะอ่านหนังสือ ขอให้นึกถึงอนาคตตัวเอง เห็นภาพตัวเองประสบความสำเร็จในทางที่ตัวเองชอบ เห็นไปให้สุดทางในอาชีพนั้นๆเลยค่ะ แล้วเราจะมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมา แม้ว่าบางทีอาจจะมีเสียงดูถูกของพ่อแว่บๆเข้ามา แม้ว่าอาจจะนึกเห็นภาพพ่อบอกว่า "เห็นไหมไม่เชื่อพ่อ" ให้นึกภาพเราอยู่ตรงหน้าพ่อค่ะ ถ้ายังฮึดในชีวิตจริงยากก็บอกในโนภาพนั้นไปเลยว่า ขออนุญาตไม่เชื่อ เราอาจจะผิด เราอาจจะต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่เราจะเลือกเดินในทางที่เราจะมีความสุขค่ะ แล้วตั้งใจทำให้สุดความสามารถ ถ้ามันผิดพลาด เราจะเรียนรู้จากสิ่งนั้นค่ะ แต่ถ้าน้องรักสิ่งไหนและตั้งใจทำสิ่งนั้นแล้ว ต่อให้เป็นนักพับกระดาษ ที่ดูเป็นอาชีพที่ไร้สาระ (เรียกว่าอาชีพได้เหรอ? หลายคนคงถาม) มันจะทำมาหาเลี้ยงตัวได้ค่ะ

พ่อของน้อง ผู้ใหญ่ทั้งหลาย ท่านได้ผ่านร้อนหนาวในชีวิต หลายครั้งคงนั่งคิดไปว่า "ถ้าหากว่าเราเลือกแบบนั้น ชีวิตคงดี ถ้าเราทำแบบนี้ชีวิตคงดี" ข้อผิดพลาดในชีวิตของเค้าก็เป็นประสบการณ์ที่คิดว่าลูกหลานจะไม่ควรผิดพลาดแบบนั้นอีก แต่มันต่างกรรมต่างวาระค่ะน้อง เราเอาข้อผิดพลาดมาเรียนรู้ได้ค่ะ เหมือนที่มนุษย์เรียนรู้ว่าไฟมันร้อน ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ยุ่งกับไฟเลย เราไม่ต้องไปจับไฟเองเราก็รู้จากการถ่ายทอดว่าไฟร้อน แต่เราต่อยอดการใช้ไฟให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆได้ เช่นทำอาหาร เป็นต้นค่ะ

สู้ๆค่ะ จุดที่ต้องตัดสินใจทางเดินชีวิตมันยาก หลายคนมีน้ำตา ถ้าเลือกถูกหรือได้ทำในสิ่งที่รักก็ดีไป แต่ถึงจะไม่เป็นเช่นนั้นก็อย่าท้อถอยค่ะ กว่าเราจะแย่งเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้มันยากนัก เมื่อได้เกิดแล้วก็สู้กันต่อไปค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
มองอีกมุมนะ

ญาติเราชอบเรียนวิศวะ แต่แม่อยากให้เรียนสายแพทย์ พอเรียนจบวิศวะมา หางานทำไม่ได้ งานที่ได้ก็ไม่ดี ต้องลาออกเอง

ทุกวันนี้ ยังหาความมั่นคงในอาชีพไม่ได้เลย ตอนเรียน หน้าตามีความสุข แต่ตอนทำงาน ทั้งทุกข์และมีปมด้อย

อย่างไรก็ตาม ชีวิตมีตัวแปรหลายอย่าง ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน ก็อภัยให้พ่อเถอะค่ะ

ตัวเราเองก็เคยเสียใจที่ไม่เลือกเรียนหมอ ไปเลือกคณะที่เรียนสนุก แต่ทุกข์ถนัดตอนหางาน ตกงานอยู่สี่ปี โดนคนดูถูกเสียไม่มีดี คุณพ่อคุณคงเคยเห็นอะไรแบบนี้ ถึงได้ตัดสินใจให้คุณแบบนี้ คุณเข้าใจทุกอย่างแล้ว ก็พยายามปล่อยวาง คิดเสียว่าเจอบททดสอบที่ยาก การจะผ่านไปได้ คือ เข้าใจ ให้อภัย และปล่อยวาง ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่