REVIEW-INDONESIA-SURABAYA(BROMO)-KAWAHIJEN-BALI

สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวการท่องเที่ยวในอินโดนีเซีย ระยะเวลา 7วัน6คืน(12-18มิย 2559) ในเมือง สุรายาบ้า เอ้ย สุราบายา คาวาอีเจี้ยน และบาหลีครับ

ค่าใช้จ่ายไม่รวมตั๋วเครื่องบิน อยู่ที่ประมาณ 12,000บาท (ประมาณ4,500,000 Rp.) ค่าโรงแรมและค่าทัวร์จะพูดในรายละเอียดครับ

ตั๋วเครื่องบินสายการบิน Airasia บินตรงจากกรุงเทพ(ดอนเมือง)ไปเมืองสุราบายา ราคา 3,800บาท ขากลับบินตรงจากบาหลีไปกรุงเทพ(ดอนเมือง) ราคา 5,400บาท ทั้งหมด 9,200บาท ระยะเวลาเดินทางประมาณ4ชม.

พวกผมเดินทางกัน3คนไปเมืองสุราบายา ซึ่งได้ติดต่อทัวร์ไว้คือบริษัท TOMMY ซึ่งเป็นทัวร์ที่ดีที่สุดในอินโดนีเซียเลยก็ว่าได้ ราคาประมาณคนละ 5,400บาท ซึ่งรวมค่าโรงแรมค่าไกด์ค่ารถไว้เรียบร้อยครับราคานี้(ประมาณ2,000,000 Rp.)   วันแรกที่เดินทางถึงสนามบินที่สุราบายาก็ไปหาไกด์ที่เราติดต่อไว้ ซึ่งจะยืนถือป้ายชื่อเราอยู่ หลังจากนั้นจึงไปหาซื้อซิมการ์ดซึ่งถูกมากๆเพื่อใช้เล่นอินเทอร์เน็ต ราคาประมาณ132บาท เป็นแบบ hotspot ใช้ร่วมกัน   จากนั้นก็ไปหาร้านอาหารมื้อแรกในอินโดนีเซีย ซึ่งบอกไกด์ว่าอยากกินเนื้อวัว จึงไปที่ร้านแห่งนี้ในเมืองสุราบายา   
ซึ่งมาถึงสั่งไม่เป็นครับ ให้ไกด์สั่งให้เอาเหมือนกันหมด อาหารที่ได้ออกมาเป็นเมนูนี้ครับ เป็นเนื้อวัวหนึ่งชิ้น ค่อนข้างเหนียว กินกับที่คล้ายๆข้าวเม่า ละก็น้ำซุปเผ็ดๆหน่อย  ให้4เต็ม10
ต่อมาเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตีสามแล้ว ตื่นมาเตรียมตัวครับ ขอเตือนเลยนะครับ อากาศบนจุดชมโบรโม่ หนาวม๊ากกกกกก หนาวจริงๆ เสื้อกันหนาว ถุงมือเตรียมกันให้พร้อมนะฮะ จากนั้นเปลียนรถครับ เป็นรถจิ๊บเพื่อความสะดวกต่อเส้นทางที่ค่อนข้างขรุขระ ระหว่างเดินทางนั้นจะค่อนข้างตื่นเต้นทีเดียว เพราะหมอกหนามากกกกก มองไม่เห็นทางจริงๆไกด์ที่นี่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญครับ แต่ไกด์ผมก็ยังหลงทางครับ5555 ระยะทางขึ้นเขานั้นค่อนข้างไกลพอสมควร เมื่อถึงจุดที่รถจอด จึงเดินกันต่อครับไปที่จุดพักสำหรับนักท่องเที่ยว บรรยากาศร้านจะขายพวกเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น กาแฟ ชา ซึ่งกาแฟที่นี่อร่อยมากทีเดียวครับ

แฮ่ ทีมไทยแลนด์ครับ หนาวจริงๆ55555 ต่อมาครับก็ไปขึ้นเขา penanjakan รอดูพระอาทิตย์ขึ้น ณ ตอนนั้น มันสวยมากจริงๆ อากาศหนาวๆทะเลหมอก แสงอาทิตย์อ่อนๆยามเช้า บรรยากาศที่มีความสุขครับ   
ต่อมาลงเขาครับ ไปขึ้นภูเขาไฟโบรโม่กันต่อ ระยะทางประมาณ2กิโลเมตร พวกผมเลือกขี่ม้าไปครับขาไป หวาดเสียว โครงเครง สนุกไปอีกแบบครับ บรรยากาศดีครับ ขี่ม้าท่ามกลางหุบเขาสวยงามมากครับ พอถึงตีนเขาแทบท้อครับทางขึ้นเป็นบันไดแบบชันมากๆ ไม่รู้ว่าเรียกเป็นบันไดรึเปล่าเพราะลื่นยังกะไม้กระดาน55555 ประมาณ250ขั้นครับชิวๆเนอะ
ตะเกียกตะกายจนถึงยอดเขาโบรโม่ครับ พอขึ้นมาปล่องภูเขาไฟกลายเป็นเพียงเถ้าจริงๆครับเมื่อมองไปด้านหลังตัวเอง ดูด้วยตาตัวเองครับ   
      
และนี่คือปล่องภูเขาไฟครับ

ขาลงเขาลำบากไม่ต่างกับตอนขึ้นครับ คนกลัวความสูงก็ช้าๆนะครับ555 ระหว่างทางกลับยังได้บรรยากาศแบบที่เหลือเชื่อ มันเหมือนกับอยู่ยุโรปยังไงยังงั้น
   ก่อนกลับก็นั่งกินอาหารประจำชาติ คือ บักโซ หรือก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ(แป้ง) ไซส์จัมโบ้555555
จากนั้นไม่รอช้าครับ ไกด์พาไปที่ savana grass hill ต่อซึ่งที่นี่สวยมากเช่นกันอารมณ์ตะวันตกเช่นเคย [img]     
หล่อกันไปตามท้องเรื่องนะฮะ ต่อมาครับไกด์พาไป ดูทรายสีดำ ซึ่งไม่ได้มีไรเหมือนเป็นเถ้าภูเขาไฟครับ ดีต่อผิว แล้วหลังจากนั้นก็นอนตายกันอยู่ที่โรงแรมครับ หลังจากไม่ได้นอน1วันเต็ม โรงแรมนี้อาจจะราคาแพงสักหน่อยเนื่องจากอยู่ใกล้กับวิวภูเขาโบรโม่ครับ บรรยากาศรอบๆตัวโรงแรมครับ ตกดึกก็มานั่งชิวๆกันที่ล้อบบี้ จัดเบียร์เย็นๆไปคนละขวด ยี่ห้อ BINTANG รสชาติค่อนข้างดีเลยครับ  
จบการรีวิวเที่ยววันแรกครับ แพลนเยอะมากจริงๆ555555


วันต่อมาครับ พวกผมไปกันที่ Madakaripura waterfall ซึ่งการเดินทางนั้นจะต้องแว้นมอไซค์ไปครับ ครบทุกยานพาหนะจริงๆทริปนี้
และก่อนเข้าจะมีคนขายเสื้อกันฝนครับ ซึ่งจำเป็นครับ เพราะเปียกมากจริงๆระหว่างทางเดิน แนะนำให้ใส่รองเท้าแตะแบบหุ้มส้นนะครับ เพราะมีต้องปีนข้ามหินลื่นๆไปดูน้ำตก ระหว่างทางทั้งขาไปขากลับก็จะมี local guide พาเราไปครับ ซึ่งขากลับเขาจะขอทริปซึ่งไม่จำเป็นต้องให้นะครับ ค่าทัวร์คือรวมไปกับค่าไกด์เรียบร้อย พวกผมเสียเงินตามกันไป ด้วยความที่ไม่รู้ เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันหนำใจก็ไปทานข้าวกันครับ ซึ่งคุยกันว่าอยากกินสเต้ะ (เนื้อ,ไก่) ซึ่งพอไปถึงเนื้อจะเป็นเนื้อแพะครับ ไม่ใช่เนื้อวัว กลิ่นค่อนข้างแรง ใครไม่ชอบแนะนำอย่าสั่งกิน ให้สั่งพวกสะเต้ะไก่ครับ อร่อยดีกินคู่กับข้าวสวยหนึ่งจาน สเต้ะแพะตามรูปเลยครับ   หลังท้องอิ่มเราก็ไปเข้าที่พักใกล้ Ijen กันครับ ซึ่งโรงแรมมีบ่อน้ำร้อนจากธรมมชาติไว้ให้ใช้บริการฟรีครับ และใกล้ๆโรงแรมยังมีน้ำตกที่ไหลแรงมาก น่ากลัวครับ แรงจริงๆ5555 สนุกสนานถ่ายรูปกันไปครับ เสร็จปุ้ปก็แยกย้ายกันไปแช่น้ำร้อนครับ ฟินจริงๆสบายตัวมากครับ5555 เรื่องเน็ต โรงแรมแทบไม่มีสัญญาณเลยนะครับ มันจะมาเป็นหมีแพนด้า (ช่วงๆ) อมยิ้ม05

จบแล้วครับการเที่ยววันที่สองอมยิ้ม15

วันที่สาม เดินทางไป Ijen ต่อซึ่งจะมี local guide เช่นเคย ใส่รองเท้าผ้าใบนะครับแนะนำ เริ่มต้นจากเดินขึ้นเขาครับระยะทาง10กิโลเมตร เมื่อถึงครึ่งทางเขาจะให้เช่าหน้ากากป้องกันครับ เนื่องจากเราจะไปดู blue fire ที่เกิดจากกำมะถันซึ่งเคยมีคนเสียชีวิตนะครับ (ไกด์เล่าให้ฟัง) เมื่อถึงยอดเขา ยังจะต้องลงหินผา ไปอีกเป็นกิโลครับ อันนี้ไม่แนะนำครับ เนื่องจากทั้งมืดและลื่นครับเพราะเป็นผา ระดับความยาก เต็ม10 เอาไป 9

เรานอนดูทางช้างเผือกกันระหว่างรอ ดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้า สวยมากจริงๆ ใครมีแฟน พามานะ ไม่ผิดหวัง พอฟ้าสว่างยิ่งไม่มีผิดหวังเลยครับ ดูรูปกันยาวๆ

สวยมั้ยครับคาวาอีเจี้ยนถึงระยะทางจะไกลแสนไกล แต่เมื่อได้ไปเห็นทะเลสาบท่ามกลางภูเขาไฟ ช่างงดงามจริงๆครับ

จบแล้วครับสำหรับการรีวิว ภูเขาไฟBROMO และ KAWAHIJEN เตรียมตัวสำหรับการเดินทางในบาหลีต่อ อมยิ้ม17

แพลนทั้งหมดครับเป็นแพลนก่อนจะไปบาหลีเพิ่มครับ  


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่