การผจญภัยของจี้จัง (4) Entrance exam : register

ตอนที่ 4  Entrance Exam 1 : Register

(ฉากที่นางเอกพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นนะครับ)
  
13 มีนาคม ปีเฮย์เซย์ที่ 21 6.30 น.
                โรงเรียน H อยู่ห่างจากคอนโดมิเนียมของโอนิจังและจี้จัง 1000 กว่าเมตร อยู่ในระยะที่สามารถเดินเท้าไปได้ เนื่องจากไม่มีรถเมล์สายใดไปโรงเรียน H โดยตรงจากคอนโด I จึงต้องอาศัยการเดินเท้าตั้งแต่เช้า โดยต้องผ่านทั้งตลาดสดยามเช้าที่จอแจ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่รอไปทำงานตอนเช้า รวมไปถึง ห้างสรรพสินค้าที่เป็นที่รู้จักกันดี จนไปถึงโรงเรียน H ซึ่ง วันนี้เป็นวันรับสมัครนักเรียนชั้น ม.1 วันแรก จี้จังและ โอนิจังจำต้องออกจากบ้านเช้ากว่าปกติ เพราะ แน่นอนว่า ทั้งคู่ต้องการคิวแรกๆ เพราะชายหนุ่มจะได้มีเวลาสอนเรื่องต่างๆให้เด็กสาวรู้เกี่ยวกับโรงเรียนแห่ง นี้
“ว่าแต่ พี่ชาย รู้สึกว่ามันไกลมากๆเลยนะคะ” เด็กสาวบ่นตามทาง
“แน่ล่ะสิ โรงเรียนประถมของเธอน่ะ อยู่ห่างจากบ้านถึง 30 เมตรหรือเปล่านั่น” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่จริงจังนัก เพราะโรงเรียนเก่าที่จี้จังเรียนตอนประถมอยู่ห่างจากศาลเจ้าโมริคะวะแค่ 5 ช่วงตึกเอง
ชายหนุ่มพูดต่อไปว่า
“จี้จัง จำเส้นทางไว้นะ อันนี้เป็นเส้นทางที่หนูต้องใช้ประจำทุกวัน เพราะพี่เป็นครู บางครั้งก็กลับบ้านเย็นบ้าง หรือบางครั้งก็ตั้งดูเวรกลางคืนบ้างนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมา เพราะชีวิตครูมันแย่มากๆ ในเมืองไทย ทั้งตรวจการบ้าน ตรวจเวรกลางคืนบ้าง มันไม่สนุกเลย
“ค่ะ เหมือนคุณแม่สินะคะ คุณแม่หากมีสัมมนา หรือ ประชุมดึก คุณแม่จะไม่กลับมาบ้าน หนูเคยชินซะแล้วล่ะ” เด็กสาวพูดและก็นึกถึงเวลาที่ท่านแม่ (ศาสตราจารย์โมริคะวะ) มีประชุม เธอมักจะไม่สามารถกลับรถชิงกันเซน โตเกียว-ชิน-โอซาก้า เที่ยวสุดท้ายและคืนนั้น เธอต้องทำกับข้าวเอง และอยู่กับน้องสาวฝาแฝดของเธอ ฮินะ
“ว่าแต่ พี่ชายคะ ที่พี่ HK. ให้ข้อสอบมา ข้อสอบส่วนใหญ่ไม่ยากเท่าไรนะคะ”
“ใช่ แต่เธอคงมีปัญหากับวิชาภาษาไทยสินะ” ชายหนุ่มถาม
“ใช่ค่ะ หนูไม่เข้าใจเรื่อง คำเป็น คำตาย สุภาษิต คำพังเพยเลยค่ะ ยากเหมือนกันนะ”
“อย่าว่าแต่หนูเลย เด็กไทยส่วนใหญ่ก็ทำได้ยากมากนะ”
สักพักทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงโรงเรียน H แท้จริงแล้วโรงเรียนนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก เพราะพื้นที่จริงๆแค่ 30 ไร่เอง และไม่ร่มรื่นมากนัก มีตึกเรียนอยู่ 9 ตึกหลัก โดยนักเรียนชั้น ม.1 เรียนอยู่ตึกที่ 5 ส่วนโอนิจังอยู่ตึกมัธยมปลาย และหอประชุมที่รับสมัครก็ดูไม่สวยงามมากนัก เป็นอาคาร 2 ชั้น  
“เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวไปเคลียร์งานก่อน เจอกันหลังงานเสร็จนะจ้ะ”
“ค่ะ”
“นี่พวกเธอ ช่วยดูแลเด็กคนนี้ด้วยนะครับ เธอไม่รู้จักโรงเรียนนี้เลย” ชายหนุ่มบอกกลุ่มรุ่นพี่ที่ Take care เด็กใหม่อยู่
“ได้ครับ อาจารย์” เด็กนักเรียนตอบรับ และช่วยดูแลจี้จังให้
ชายหนุ่มเดินไปที่ห้องพักครูหมวดสังคมศึกษา ปล่อยให้เด็กสาวอยู่กับรุ่นพี่ที่จะช่วยเธอในการสมัครเข้าเรียนต่อไป
คฤหาสน์ K  สวนพลู  6.55 น.
                เหนือห้องสมุดนิรันดรขึ้นไปบนพื้นดิน ที่นี่เป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ K ที่แสนร่มรื่นและมีระบบป้องกันอย่างรัดกุม ที่ไม่มีโจร หรือแม้กระทั่งหน่วยคอมมานโดใดในโลกนี้จะผ่านแนวป้องกันอันหนาแน่นไปได้ ซึ่งที่นี่เป็นบ้านของ HK หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้องสมุดนิรันดร ผู้ซึ่งอุปถัมภ์โรงเรียน H อยู่ และวันนี้เธอเตรียมออกเดินทางแต่เช้าเช่นกัน เพื่อลากเอาลูกพี่ลูกน้องของเธอ ภูริตา หรือ ชมพู่ ไปสมัครเข้าโรงเรียน H โดยก่อนที่ไป โดยเธอสั่งงานกับหัวหน้าบรรณารักษ์ว่า
"คุณบรรณารักษ์คะ ช่วยเอาหนังสือ 46 เล่มที่ลูกค้าเอามาคืนไว้ที่ชั้น 2 และ 3 ทีค่ะ หนูได้เขียน list ไว้แล้วว่า ไว้ที่หมวดไหน"
"ได้ค่ะ คุณหนู” บรรณารักษ์สาวรับคำและขนหนังสือทั้งหมดไปยังข้างล่างตามที่หญิงสาวได้บอกไว้
“ว่าแต่ ชมพู่ เสร็จหรือยังนะ” หญิงสาวคิด เธอรอเด็กสาวที่อยู่ในห้องแต่งตัวอยู้ สักพักหนึ่งเด็กสาวตัวน้อยก็ออกมาจากห้อง
“พี่สาวคะ หนูแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ ไปกันเลยใช่ไหมคะ” เด็กสาวคนหนึ่งออกมาจากห้อง เธอสูงประมาณ 140-145 เซนติเมตร ตัวพอๆกับจี้จัง เป็นลูกพี่ลูกน้องของ HK. เพราะคุณพ่อของเด็กสาวเป็นน้องชายของพ่อ HK ซึ่ง HK.รักมากในบรรดาลูกพี่ลูกน้องทั้ง 13 คนจนถึงขั้นเอามาอยู่ที่คฤหาสน์ด้วย เพราะเด็กสาวเฉลียวฉลาด ขยัน ทำงานหนัก เธอสามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา และเขียนได้ถึง 7 ภาษา ในยามที่ไม่มีการบ้าน หรือ งานอื่นๆ เธอจะมาทำงานเป็นบรรณารักษ์ให้กับห้องสมุดนิรันดรด้วย ซึ่งเป็นไว้วางใจของทุกคน เพราะเธอจำหนังสือได้แทบทุกเล่ม
15 นาทีต่อมา
บนทางด่วนบางโคล่-แจ้งวัฒนะ ที่ค่อนข้างโล่ง เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์รถเก๋งแสนธรรมดาคันหนึ่งขับอย่างรวดเร็ว บนรถมีหญิงสาวคนหนึ่ง และ เด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังด่านกำแพงเพชร  
“ชมพู่ พี่อยากให้เธอทำเรื่องหนึ่งให้หน่อย” หญิงสาวพูดขึ้นมาระหว่างขับรถบนทางด่วน
“ได้ค่ะ พี่สาว โปรดสั่งมาได้เลยค่ะ” เด็กสาวตอบรับ  
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โปรดช่วยเด็กคนหนึ่งได้ไหม” หญิงสาวร้องขอเด็กสาวผู้เป็นน้องสาวของเธอ ซึ่ง”เด็กคนหนึ่ง”ที่เธอพูดถึง คือ จี้จังนั่นเอง
“ใครหรือคะ” เด็กสาวผู้เป็นบรรณารักษ์สงสัย
“เดี๋ยวน้องจะได้เจอเขาที่โรงเรียน H” หญิงสาวพูด ก่อนจะเร่งเครื่องยนต์ต่อไปและไม่ช้านักก็ถึงทางลงถนนกำแพงเพชร ก่อนจะขับรถต่อไปยัง โรงเรียน H
หอประชุม โรงเรียน H 7.30 น.
    เด็กสาวเดินเข้ามาในหอประชุม ซึ่งภายนอกดูทึมๆมาก แต่ข้างในใหญ่พอสมควร และเธอเห็นแถวจำนวนมากเธอจึงแปลกใจว่า
“ทำไมแถวเยอะจังนะ โรงเรียนนี้ดูไม่เห็นมีอะไรเลย”
ใช่ เพราะจี้จังมันเอาโรงเรียนขั้นเทพของญี่ปุ่นมาเทียบกับโรงเรียน H ซึ่งศักยภาพโดยปกติของเธอสามารถเข้าโรงเรียนประเภทนั้นได้ไม่ยาก เพราะการที่เธอเป็นเด็กหัวดีมาตั้งแต่เด็ก และขยันขันแข็ง แต่ในเมื่อตอนนี้เธอเลือกโรงเรียน H  เธอก็ต้องสู้จนถึงที่สุด
“น้องคะ มาสมัครเรียนใช่ไหมคะ” นักเรียน ม.ปลายคนหนึ่งถามขึ้นมา เธอคิดว่า รุ่นพี่คนนั้นเขาคงฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องแน่ๆ เธอจึงเขียนลงบนกระดาษว่า
“ใช่ค่ะ โปรดช่วยนำทางด้วย”
รุ่นพี่เข้าใจผิดนึกว่า เด็กสาวเป็นคนพิการ จึงพาเธอไปเข้าแถวคนพิการ แต่แล้ว HK กับ ภูริตามาพอดีจึงห้ามนักเรียนรุ่นพี่คนนั้นว่า
“นี่เธอ เด็กคนนั้นไม่ใช่คนพิการหรอกนะคะ เด็กคนนั้นเป็นลูกครึ่งแค่พูดไทยไม่ได้ค่ะ”
รุ่นพี่และอาจารย์แนะแนวแปลกใจมากจึงถามไปว่า
“คุณรู้ได้อย่างไรคะว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนพิการ”
หญิงสาวตอบกลับมาว่า “รู้สิคะ เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกค้าของห้องสมุดนิรันดร”
อาจารย์ตกตะลึงและพิจารณาหญิงสาวอย่างถี่ถ้วน จึงบอกว่า
“คุณคือ HK สินะคะ ศิษย์เก่าผู้ทรงเกียรติของสถาบันแห่งนี้”
“ช่างเถอะค่ะ เด็กคนนั้นให้กลับมาต่อแถว นักเรียนทั่วไปด้วยนะคะ”
จี้จังงงๆ เธอประหลาดใจว่าทำไมถึงเจอ HK ที่นี่ ตอนนี้ลูกค้าน่าจะวุ่นในห้องสมุดนิรันดรนี่นา เพราะช่วง 8.00 ห้องสมุดเปิดทำการ และจะมีนักอ่านเป็นร้อยจับจองที่ทางในห้องสมุดสม่ำเสมอ
หน้าหอประชุม 7.45 น.
จี้จังออกมากับ HK และ ภูริตา HK บอกน้องสาวของเธอว่า
“ชมพู่ นี่คือ โมริคะวะซังนะ ทำความรู้จักเสียสิ”

เด็กสาวผู้เป็นน้องสาวทักทายเป็นเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เธอเรียนมาจาก HK ว่า
“สวัสดีค่ะ คุณโมริคะวะ ดิฉันชื่อภูริตาค่ะ”
จี้จังทักทายกลับไปว่า “สวัสดีค่ะ คุณภูริตา”
HK พูดไปว่า “จี้จัง เด็กคนนี้เป็นแฟนตัวยงของงานวิจัยแม่เธอด้วยนะ”
“ใช่ค่ะ หนูชอบสไตล์การเขียนของ ศาสตราจารย์โมริคะวะมากเลยค่ะ”
เด็กสาวกระอักกระอ่วนใจ เพราะพูดตามตรง เธอรู้สึกว่างานวิจัยของท่านแม่คานะ ทำให้เธอกับท่านแม่ต้องห่างกันหลายเดือนต่อปีทีเดียว และทำให้ตั้งแต่ 10 ขวบ เธอต้องมารับงานมิโกะศาลเจ้าโมริคะวะจริงจังหลังเลิกเรียนมาตลอด
“ผลงานของท่านแม่ คงไม่ถึงขนาดนั้นกระมังคะ” เด็กสาวพูดขึ้นมา และพูดไปว่า “ว่าแต่ คุณหนูห้องสมุดคะ ทำไมถึงมาเพ่นพ่านอยู่นี่คะ ห้องสมุดนิรันดรไม่ยุ่งวุ่นวายหรือคะ”
หญิงสาวขยับแว่นเล็กน้อยและพูดว่า
“คุณ จิอากิ โมริคะวะ คะ อย่าลืมสิคะว่า ห้องสมุดนิรันดรมีพนักงานเกิน 30 คนนะคะ พวกเขาทำงานแทนดิฉันได้ค่ะ”
เด็กสาวยิ้มแหยๆ และถามหญิงสาวว่า
“ว่าแต่ พี่ชายหายไปไหนแล้วแฮะ”

เดี๋ยวมาต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่