คุณ Mr. Wednesday Child และ คุณ swibul เข้ามาทำความเข้าใจกันหน่อยว่าด้วยเรื่องภาษีเงินได้ และ ซื้อรถลัมโบกินี่

กระทู้คำถาม
ที่มา[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คนไทย 66 ล้านคน เสียภาษีแค่ 3.25 ล้านคน
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของสลิ่ม ที่ผมเคยยกตัวอย่างให้เห็นบ่อย ๆ ว่า สลิ่มนั้น ไม่เคยศึกษา รู้เรื่องในสิ่งที่ตัวเองโพสต์



ก่อนอื่น ผมขอความกรุณาใช้คำพูดที่สุภาพ ไม่กระแนะ กระแหน ใส่กันครับ คนอ่านจะได้อ่าน
อย่างเข้าใจ แต่ถ้ามีกระแนะกระแหน ผมจะแปลไทยเป็นไทย ให้เป็นคำสุภาพ เพื่อคนอ่าน
กระทู้จะเข้าใจ

คุณต้องทำความเข้าใจในเรื่องสิทธิเท่าเทียมกันก่อน ประเทศสากลประชาชนมีสิทธิเท่าเทียม
กันในความเป็นมนุษย์ ในชีวิต ในการเลือกผู้บริหารประเทศ แต่ไม่มีประเทศสากลไหนให้ทุกคน
ต้องเสียภาษีเท่ากัน

สิทธิทางภาษีนั้นจัดเก็บตามรายได้ของคน ๆ นั้น ใครมีรายได้มากก็เสียภาษีมาก ใครมีรายได้
น้อยก็เสียภาษีน้อย แต่ไม่มีใครในประเทศสากล (รวมถึงไทย) ที่ไม่เคยเสียภาษี

คราวนี้มาเข้าใจเรื่อง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่คุณคิดว่ามันเยอะ ตามตารางนี้


ที่มา http://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parbudget/ewt_dl_link.php?nid=213

ภาษีมนุษย์เงินเดือน เมื่อเทียบกับรายได้ของรัฐ มันเป็นเพียง 11.22% ของรายได้ทั้งหมด และ
ในจำนวน 3 ล้านกว่าคนนี้ มีต่างชาติรวมอยู่ด้วย และพวกนี้เสียภาษีปีละเป็นแสน

ภาษีส่วนใหญ่ที่รัฐถือเป็นรายได้หลักคือ ภาษีจากการบริโภค คิดเป็น 48.42% ภาษีบริโภคที่
แปลให้ง่าย ๆ เพื่อคุณจะเข้าใจคือ ใครบริโภค (หรือ อุปโภค) มาก จ่ายภาษีมาก ใครบริโภคน้อย
ก็จ่ายภาษีน้อย และไม่มีใครที่ลืมตามาดูโลกแล้วจะไม่มีการ อุปโภค และ บริโภค นั่นแปลว่า
คนทุกคนตั้งแต่แรกเกิดจนถึงตายต่างเสียภาษีนี้กันถ้วนหน้า

ประเด็นหนึ่งของคุณที่บอกว่า คนรวยซื้อลัมโบกินี่หนึ่งคันจ่าย VAT มากกว่า คนที่ซื้อผงซักฟอก
1 ซอง อันนี้ เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ แต่ผมเข้าใจคุณดี คุณไม่ใช่เจ้าของกิจการ นอกจากนี้
คุณคิดแค่ราคา แต่ลืมเอาปริมาณมาคำนวณ อธิบายแบบง่าย ๆ ให้คุณได้เข้าใจ คนรวย 1 คน ซื้อ
ลัมโบ 1 คัน ราคา 10 ล้าน คนธรรมดา 15 ล้านครอบครัว ซื้อผงซักฟอก 1 ซอง ราคา 10 บาท คิด
เป็นเงิน 150 ล้านบาท ตอนนี้เริ่มเข้าใจหรือยังครับ

ซื้อรถ 10 ล้าน ไม่มีคนรวยที่ไหนใส่ชื่อบุคคลเป็นเจ้าของครับ เขาเอาเข้าชื่อบริษัทเพื่อเคลม VAT
นอกจากนี้ เมื่อใช้ไปขายต่อก็ไม่เจ็บตัว เพราะ ขาดทุนนั้น สามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ แม้จะเป็น
แค่บางส่วนก็ตาม กินอยู่ก็ไม่ได้จ่ายจากกระเป๋าตัวเอง เพราะเบิกบริษํทได้หมด ได้ VAT คืนหมด
ต่างจากชาวนา ชาวสวน เข้า 7-11 ก็จ่ายแวตแล้ว แถมเคลมคืนไม่ได้

ที่สำคัญ เศรษฐี ก็ไม่ได้ซื้อ ลัมโบ กันทุกอาทิตย์ ไม่เหมือนคนจนซื้อผงซักฟอกซอง

เข้าใจตรงกันนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
สำหรับผมนะ ใครจะจ่ายภาษีมากหรือน้อยก็ไม่ใช่เรืองที่ควรจะมาอ้างเอาบุญคุณ
เพราะสังคมนี้อยู่ได้ ไม่ใช่เพราะคนรวยที่จ่ายภาษีเยอะฝ่ายเดียว แต่สังคมอยู่ได้
เพราะมีคนฐานะที่อาจจะด้อยกว่ารวมอยู่ด้วย

ถามว่า ทหารที่เป็นรั้วของชาติ ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนทั่วไป หรือลูกหลานเศรษฐี
แล้วที่เขารบกับศัตรูนะ ใครที่ต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ถามว่า กระบวนการผลิตทั้งหลาย กระบวนการบริการทั้งหลายในสังคมนะ เศรษฐีลง
ไปทำเองหรือเปล่า หรือใครทำ หากปราศจากคนเหล่านั้นแล้วเศรษฐีจะไปเย็บผ้าเอง
ไหม จะไปตระเวยเก็บขยะเองไหม จะไปซ่อมสาบโทรศัพท์สายไฟเองไหม

ถามว่า ในส้งคมนี้นะ เศรษฐีหรือคนทั่วไป อยู่อย่างมีความสุขมากกว่ากัน ใครเข้าถึง
บริการได้มากกว่ากัน ชาวนาที่สุโขทัยได้ใช้ทางด่วนราคาแพงที่สร้างมากมายในเมือง
หลวงหรือเปล่า เศรษฐีหรือคนทั่วไปใช้ทรัพยากรของสังคมมากกว่ากัน?

ดังนั้น สังคมอยู่รวมกันอย่าได้อ้างตัวว่าใครเหนือกว่า เพราะคนที่อ้างว่าจ่ายภาษีมาก
กว่า ก็คงใช้ทรัพยากรของสังคมไปเพื่อสร้างกำไรให้ตน มากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว จึง
สมควรต้องจ่ายภาษีมากกว่า และหากจะอยู่รวมกันในสังคม ก็ต้องเสมอกัน หากไม่
เสมอกันก็คงอยู่รวมกันไม่ได้

ไม่เช่นนั้นท่านเศรษฐี อาจจะต้องลงไปดูดส้วมหรือทำงานอื่นๆด้วยตนเอง
ความคิดเห็นที่ 12
ผมว่าคุณโบกกรัก น่าจะพูดไม่ถูกในหลายจุด

อันแรกเรื่องคนรวยซื้อรถ คนจนซื้อผงซักฟอก อันนี้มองในมุมไหน คำอธิบายที่พูดนั้นไม่มีเหตุผลรองรับใดๆเลย เพราะคนรวยคนจนก็ใช้ผงซักฟอกเหมือนกัน จริงๆ ถ้าพูดตามหลักคณิตศาสตร์ ค่านี้น่าจะตัดทิ้งทั้งสองข้าง เพราะใช้เหมือนกัน มองภาพจะได้ง่ายขึ้น

ทั้งที่จะว่าไป ถ้าเราจะมองเฉพาะเรื่องผงซักฟอก ยังมองไม่ออกว่าการเทียบจุดนี้ จะตีความว่าคนจนใช้มากกว่าได้ยังไง นอกจากจะเทียบแบบเอาชนะให้ได้อย่างที่อธิบายในกระทู้ คือเอา 15 ล้านครอบครัวเทียบกับคนคนเดียว

เพราะถ้าวัดกัน 1 ต่อ 1 แบบเป็นธรรม คนรวยคนนึงใช้ผงซักฟอกมูลค่ามากกว่าคนจนอยู่แล้ว อาจเป็นได้ทั้งในแง่ ราคาผลิตภัณฑ์ หรือปริมาณใช้


ในอีกจุดนึงที่ผมไม่คิดว่าระดับคุณโบกกรักจะทำจริง คือเรื่องกินอยู่ไม่จ่ายจากกระเป๋าตัวเอง เบิกบริษัทหมด เพราะถ้าทำจริง มันผิดแน่นอน ไม่ว่ากับผู้ร่วมทุน เพราะทำให้บริษัทกำไรลดลง และยังเป็นผลให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ เพราะเก็บภาษีได้น้อยลง

แล้วยิ่งเรื่องเครมแวทคืนได้หมด อันนี้ยิ่งไม่ถูก เพราะเมื่อบริษัทเป็นคนใช้คนสุดท้าย ก็ต้องจ่ายแวท เครมไม่ได้ จะเครมได้ต้องกรณีจะขายต่อไปอีก

แสดงความเห็นแค่นี้นะครับ พอดีต้องไปธุระหน่อย
ความคิดเห็นที่ 28
พยายามยกตัวอย่างว่า คนจนเสียภาษีมากกกว่าคนรวย เพราะคนรวยเคลมภาษีได้หมด พูดมาเหตุผลก็ไ่ม่ใช่แล้ว เราไม่ได้บอกว่าใครเสียมากกว่าใคร ไร้สาระ แต่เหตุผลที่ยกมาไม่ใช่




เป็นไปไม่ได้ที่ทุกค่าใช้จ่ายเราจะเบิกจากบริษัทได้หมด  เช่นเดียวกับทุกค่าใช้จ่ายก้อไม่สามารถเคลมภาษีได้หมดเช่นกัน

กรมสรรพากรมีหลักเกณฑ์เรื่องรายจ่ายต้องห้าม และภาษีซื้อต้องห้าม โบกรู้หรือเปล่า  พูดเหมือนรู้ดี แต่..
ความคิดเห็นที่ 21
คุณม้า คคห 12

1. ประเด็นลัมโบกินี่ ผมเอามาจากกระทู้ที่อ้างถึงข้างบนนะครับ คคห 17



คุณ swibul บอกว่า คนซื้อ ลัมโบ จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่า คนซื้อผงซักฟอกทั้งภาค
เขาไม่ได้มองปริมาณว่า ถ้าคิด VAT โดยรวมแล้ว คนซื้อผงซักฟอกที่ไม่มีปัญญาจะ
ซื้อ ลัมโบกินี่ กลับจ่ายภาษีมากกว่า เศรษฐีที่ซื้อรถหรูคันนั้น มันไม่สามารถวัดกัน 1:1
ได้ เนื่องจาก คนที่ออก คคห ท่านนั้น พูดถึงเรื่องจำนวนเงินภาษีที่จ่ายให้รัฐ ไม่ได้
เกี่ยวกับคนซื้อรถหรูคนนั้นซื้อ หรือ ไม่ซื้อ ผงซักฟอก

2. กรณีออกใบกำกับภาษีเพื่อ เคลม VAT นั้น ผมคิดว่า คุณม้าไม่ได้ทำงาานบริษัทเอกชน
แน่นอน เพราะ พวกเจ้าของบริษัทเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละครับ กรณีเป็นหุ้นส่วน ก็ตั้ง
วงเงินกันไปว่า เดือนหนึ่งให้เบิกได้เท่าไหร่ ที่ไม่ทำกันก็พวกบริษัทมหาชนครับ

3. ระบบ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผมคิดว่า คคห 18 อธิบายได้เข้าใจง่ายแล้วครับ VAT ถ้าบริษัท
ไหนอยู่ในระบบ จะไม่ต้องเสีบภาษีมูลค่าเพิ่มครับ คนเสีย คือ บริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือ
ประชาชน คนธรรมดา ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มครับ บริษัทที่อยู่ในระบ ซื้อเครื่อง
จักร สร้างโรงงาน VAT ทุกตัว สามารถขอคืนเป็นเงินสดได้หมด แต่ถ้าภาษีขาย มากกว่า
ภาษีซื้อ เงินส่วนเกินก็ต้องจ่ายคืนรัฐ ในทางกลับกัน ถ้าเดือนไหนภาษีซื้อ มากกว่าภาษี
ขาย ก็ขอคืนเงินกลับได้
ความคิดเห็นที่ 22
น่าขรรมสลิ่ม มาลุมโหวต คห.นายม้าขึ้นไป  ไม่ได้รู้เลยว่านายม้ามันหน้าแตก

นี่สลิ่ม กับนายม้า เจ้าของกระทู้เขาพูดเรื่องนี้





หลับหูหลับตาโหวตจริงจริ๊งงงงง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่