เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่1 (คืนวันที่ 2/12/2015)
http://pantip.com/topic/34731843
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่2 (วันที่ 2/12/2015)
http://pantip.com/topic/34732064
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่ 3 (วันที่ 3/12/2015)
http://pantip.com/topic/34732423
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่ 4 (วันที่ 4/12/2015)
http://pantip.com/topic/34739683
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่ 5 (5/12/2015)
http://pantip.com/topic/34766836
การมาฮ่องกงในครั้งก่อน ทำให้เราเชี่ยวชาญในการขึ้นรถลงเรือในฮ่องกงพอสมควร คราวนี้เราเลยไม่ค่อยกังวลมากนักในท่องเที่ยวเก็บตกสถานที่ที่ครั้งก่อนเรายังไม่ได้มา
เนื่องไฟล์บินขามาเราดีเลย์กว่าจะมาถึงฮ่องกงก็เกือบ 7โมงเช้า
แล้วเราก็มีหน้าที่เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
ระหว่างนั้นเราแวะนั่งเปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือกันก่อน
หลังจากที่เราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และแวะรับกระเป๋าแล้ว เรามองหาเคาท์เตอร์เพื่อซื้อบัตรปลาหมึก(Octopus Card) ก่อนเลย บัตรนี้เอาไว้ใช้ขึ้นรถลงเรือรวมถึงซื้อของตามร้านค้าบางร้านได้ด้วย
หลังจากนั้นเราเดินออกมาตามป้ายที่เขียนว่า Bus เพื่อขึ้นรถเมล์สาย S1 ไปลงที่ Citygate Outlet ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ถ้ารถเมล์วิ่งเข้าใต้ตึกที่รถเมล์จอดกันเยอะๆ นั่นแหละแปลว่าเรามาถึง Citygatec แล้ว
แล้วเราก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ชั้นใต้ดินของ Citygate จะมีล็อกเกอร์ให้เช่าไว้ใส่กระเป๋าเดินทางได้อยู่
หลังจากนั้นเราก็เดินออกจาก Citygate มาทางกระเช้าที่จะขึ้นไปนองปิง แต่เนื่องจากวันนี้เราจะไม่นั่งกระเช้า(เพราะมันแพงและเราเคยนั่งมาแล้ว) เราจะเดินเลยทางขึ้นกระเช้าไปจะเจอท่ารถเมล์จอดอยู่เยอะๆ ฝั่งตรงข้าม แปลว่ามาถูกแล้วให้เดินข้ามถนนได้เลย แล้วหารถเมล์สาย 23 เพื่อขึ้นไปนองปิง ค่ารถเมล์วันธรรมดา $17.5 วันหยุด $27.5 พร้อมแล้วแตะบัตรปลาหมึกขึ้นรถกันเลย
ถึงแล้ว...วันนี้เราไม่แวะหมู่บ้านนองปิง แล้วเราจะเดินขึ้นบันไดพิชิตยอดเขาไปไหว้พระใหญ่กัน
ระหว่างทางเดินไปขึ้นบันไดนั้น เราก็จะเจอกับเทพประจำปีเกิดของปีต่างๆ ดูได้จากหมวกของเทพแต่ละองค์นะ
เห็นอย่างนี้กว่าเราจะขึ้นไปถึง พักกันอยู่หลายรอบเชียวแหละ ณ จุดๆนี้พูดเลอ ดอยสุเทพใกล้กว่าเยอะ 555
เมื่อรู้วิธีการขึ้นไปแล้วทีนี้เราต้องรู้วิธีการลงโดยรถเมล์กันบ้าง คือเราต้องเดินเลยตรงจุดที่ลงไปหน่อยนึง ก็จะเจอท่ารถที่มีป้ายรถเมล์ของสาย 23 อยู่
หลังจากนั้นเราก็ไปรับที่ล็อกเกอร์และนั่งรถไฟฟ้าไปโรงแรมกัน
เมื่อทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางไปขึ้นเขาอีกลูกนั่นก็คือ The Peak(เดอะ พีค)
การขึ้นยอดเขา The Peak เท่าที่เรารู้มามี 2 วิธีคือ นั่งรถรางขึ้นเขา(วิธีที่นิยมกันมากที่สุด) และนั่งรถเมล์ขึ้นไปยอดเขา แต่เนื่องจากเรายังไม่เคยขึ้น The Peak เราจึงเลือกวิธีแรกนั่นเอง แต่กว่าจะได้ขึ้นรถรางขอบอกว่าคนเยอะมาก(ก.ไก่ล้านตัว)ถึงมากที่สุด ก็พยายามเผื่อเวลาให้ดีละกันนะ
ถ้าถามเราว่ารถรางน่าตื่นเต้นไหม? เราว่ารถรางก็ไม่เท่าไหร่หรอก ให้นึกถึงรถรางขึ้นเขาวัง(หรือเขาอื่นๆ)บ้านเราอ๊ะนะ แต่อันนั้นคือเก้าอี้เขาก็จะเอียงๆใช่ปะ คือเขาบ้านเรามันช่วงสั้นๆ และชันอย่างเดียว แต่อันนี้เก้าอี้เขาเป็นแบบธรรมดา ทำมุม 90องศากับพื้นที่นั่ง เพราะฉะนั้นเวลานั่งตอนทางเรียบก็จะเป็นรถรางปกติ แต่พอขึ้นเขาและพื้นทำมุม 45องศาเท่านั้นแหละ มันก็เหมือนตอนเราเทคออฟตอนขึ้นเครื่องบินนั่นแหละ ก็สนุกดีนะ ถ้าไม่รวมตอนรอขึ้นรถราง เอาเป็นว่าถ้าใครยังไม่เคยขึ้นก็ไปขึ้นซะ แต่สำหรับเราครั้งเดียวก็คงพอแล้วหละ (ขี้เกียจแย่งกันขึ้นรถราง)
หลังจากขึ้นมากันได้แล้วก็หายเหนื่อยเลย เพราะข้างบนสวยมาก อากาศดีมากๆด้วย ถ่ายภาพยังไงก็ไม่สวยเท่ากับสองตาที่ได้เห็น แม้วันนั้นหมอกจะลง แต่ภาพเมืองฮ่องกงก็ยังสวยมากอยู่ดี
หลังจากลงมาจาก The Peak แล้ว เราก็นั่งรถเมล์กลับโรงแรมกัน
เติมพลังด้วยอาหารญี่ปุ่นข้างโรงแรมก่อนนะ พรุ่งนี้เราต้องไปตะลุยมาเก๊ากันต่อ GN
[CR] เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่2 (วันที่ 2/12/2015)
http://pantip.com/topic/34731843
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่2 (วันที่ 2/12/2015)
http://pantip.com/topic/34732064
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่ 3 (วันที่ 3/12/2015)
http://pantip.com/topic/34732423
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่ 4 (วันที่ 4/12/2015)
http://pantip.com/topic/34739683
เก็บตกที่ฮ่องกงและหนึ่งวันในมาเก๊า ตอนที่ 5 (5/12/2015)
http://pantip.com/topic/34766836
การมาฮ่องกงในครั้งก่อน ทำให้เราเชี่ยวชาญในการขึ้นรถลงเรือในฮ่องกงพอสมควร คราวนี้เราเลยไม่ค่อยกังวลมากนักในท่องเที่ยวเก็บตกสถานที่ที่ครั้งก่อนเรายังไม่ได้มา
เนื่องไฟล์บินขามาเราดีเลย์กว่าจะมาถึงฮ่องกงก็เกือบ 7โมงเช้า
แล้วเราก็มีหน้าที่เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน ไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
ระหว่างนั้นเราแวะนั่งเปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือกันก่อน
หลังจากที่เราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และแวะรับกระเป๋าแล้ว เรามองหาเคาท์เตอร์เพื่อซื้อบัตรปลาหมึก(Octopus Card) ก่อนเลย บัตรนี้เอาไว้ใช้ขึ้นรถลงเรือรวมถึงซื้อของตามร้านค้าบางร้านได้ด้วย
หลังจากนั้นเราเดินออกมาตามป้ายที่เขียนว่า Bus เพื่อขึ้นรถเมล์สาย S1 ไปลงที่ Citygate Outlet ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ถ้ารถเมล์วิ่งเข้าใต้ตึกที่รถเมล์จอดกันเยอะๆ นั่นแหละแปลว่าเรามาถึง Citygatec แล้ว
แล้วเราก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ชั้นใต้ดินของ Citygate จะมีล็อกเกอร์ให้เช่าไว้ใส่กระเป๋าเดินทางได้อยู่
หลังจากนั้นเราก็เดินออกจาก Citygate มาทางกระเช้าที่จะขึ้นไปนองปิง แต่เนื่องจากวันนี้เราจะไม่นั่งกระเช้า(เพราะมันแพงและเราเคยนั่งมาแล้ว) เราจะเดินเลยทางขึ้นกระเช้าไปจะเจอท่ารถเมล์จอดอยู่เยอะๆ ฝั่งตรงข้าม แปลว่ามาถูกแล้วให้เดินข้ามถนนได้เลย แล้วหารถเมล์สาย 23 เพื่อขึ้นไปนองปิง ค่ารถเมล์วันธรรมดา $17.5 วันหยุด $27.5 พร้อมแล้วแตะบัตรปลาหมึกขึ้นรถกันเลย
ถึงแล้ว...วันนี้เราไม่แวะหมู่บ้านนองปิง แล้วเราจะเดินขึ้นบันไดพิชิตยอดเขาไปไหว้พระใหญ่กัน
ระหว่างทางเดินไปขึ้นบันไดนั้น เราก็จะเจอกับเทพประจำปีเกิดของปีต่างๆ ดูได้จากหมวกของเทพแต่ละองค์นะ
เห็นอย่างนี้กว่าเราจะขึ้นไปถึง พักกันอยู่หลายรอบเชียวแหละ ณ จุดๆนี้พูดเลอ ดอยสุเทพใกล้กว่าเยอะ 555
เมื่อรู้วิธีการขึ้นไปแล้วทีนี้เราต้องรู้วิธีการลงโดยรถเมล์กันบ้าง คือเราต้องเดินเลยตรงจุดที่ลงไปหน่อยนึง ก็จะเจอท่ารถที่มีป้ายรถเมล์ของสาย 23 อยู่
หลังจากนั้นเราก็ไปรับที่ล็อกเกอร์และนั่งรถไฟฟ้าไปโรงแรมกัน
เมื่อทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางไปขึ้นเขาอีกลูกนั่นก็คือ The Peak(เดอะ พีค)
การขึ้นยอดเขา The Peak เท่าที่เรารู้มามี 2 วิธีคือ นั่งรถรางขึ้นเขา(วิธีที่นิยมกันมากที่สุด) และนั่งรถเมล์ขึ้นไปยอดเขา แต่เนื่องจากเรายังไม่เคยขึ้น The Peak เราจึงเลือกวิธีแรกนั่นเอง แต่กว่าจะได้ขึ้นรถรางขอบอกว่าคนเยอะมาก(ก.ไก่ล้านตัว)ถึงมากที่สุด ก็พยายามเผื่อเวลาให้ดีละกันนะ
ถ้าถามเราว่ารถรางน่าตื่นเต้นไหม? เราว่ารถรางก็ไม่เท่าไหร่หรอก ให้นึกถึงรถรางขึ้นเขาวัง(หรือเขาอื่นๆ)บ้านเราอ๊ะนะ แต่อันนั้นคือเก้าอี้เขาก็จะเอียงๆใช่ปะ คือเขาบ้านเรามันช่วงสั้นๆ และชันอย่างเดียว แต่อันนี้เก้าอี้เขาเป็นแบบธรรมดา ทำมุม 90องศากับพื้นที่นั่ง เพราะฉะนั้นเวลานั่งตอนทางเรียบก็จะเป็นรถรางปกติ แต่พอขึ้นเขาและพื้นทำมุม 45องศาเท่านั้นแหละ มันก็เหมือนตอนเราเทคออฟตอนขึ้นเครื่องบินนั่นแหละ ก็สนุกดีนะ ถ้าไม่รวมตอนรอขึ้นรถราง เอาเป็นว่าถ้าใครยังไม่เคยขึ้นก็ไปขึ้นซะ แต่สำหรับเราครั้งเดียวก็คงพอแล้วหละ (ขี้เกียจแย่งกันขึ้นรถราง)
หลังจากขึ้นมากันได้แล้วก็หายเหนื่อยเลย เพราะข้างบนสวยมาก อากาศดีมากๆด้วย ถ่ายภาพยังไงก็ไม่สวยเท่ากับสองตาที่ได้เห็น แม้วันนั้นหมอกจะลง แต่ภาพเมืองฮ่องกงก็ยังสวยมากอยู่ดี
หลังจากลงมาจาก The Peak แล้ว เราก็นั่งรถเมล์กลับโรงแรมกัน
เติมพลังด้วยอาหารญี่ปุ่นข้างโรงแรมก่อนนะ พรุ่งนี้เราต้องไปตะลุยมาเก๊ากันต่อ GN