Cure Ep.6: Heal Over Part 2 (Boss/Oil) Hormones the Final Season’s Fanfiction

กระทู้สนทนา
Note : แฟนฟิกชั่นเรื่องนี้เขียนขึ้นมาด้วยความพีคคู่บอสออย ใน Ep.สุดท้าย ทำให้เขียนแฟนฟิกชั่นขนาดสั้นออกมาได้เรื่องหนึ่ง แล้วก็พัฒนาต่อเป็นฟิกยาวตามความพีคที่ไม่จบไม่สิ้นของคนเขียนค่ะ

Ep.0 Never Too Late
http://pantip.com/topic/34594113

Ep.1 Forget the Past
http://pantip.com/topic/34604193

Ep.2: Start the New
http://pantip.com/topic/34614576

Ep.3: Don’t Worry
http://pantip.com/topic/34633163

Cure Ep.4: I’ll be with you
http://pantip.com/topic/34692987

Cure Ep.5: Always
http://pantip.com/topic/34704122

Ep.6: Heal Over Part 1
http://pantip.com/topic/34716642

ตอนจบมาแล้วค่าาาา ความจริงเขียนไปเกือบจะเสร็จตั้งแต่ตอนลง Ep.6.1 นั่นแหละค่ะ แต่ฉากเคลียร์ใจนี่เขียนแล้วยังไม่ลงตัว แก้ไปแก้มาทุกวัน เกือบ 7-8 รอบ จนได้อย่างที่ตั้งใจละ //ปาดเหงื่อ

ภาพเปิดตอนไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในฟิก แต่เราชอบบรรยากาศการเป็นคนวงนอกคนทั้งสองคน เลยขอเอามาเป็นภาพเปิดตอนจบนะคะ
..............................................................


          ออยเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับสูดจมูก เหลือบตามองกระจกที่ตู้เสื้อผ้า ทั้งดวงตาและปลายจมูกแดงก่ำจนเกือบจะดูตลก ไม่แปลกหรอก…ก็เล่นร้องไห้ติดต่อกันครึ่งชั่วโมง จนเตี่ยกับม้าที่นั่งมองเธออยู่แทบจะร้องไห้ตามไปด้วย (ม้าน่ะ น้ำตาไหลไปแล้ว ส่วนเตี่ยก็แกล้งเดินลงไปข้างล่าง บอกว่าจะไปกินน้ำ แต่ความจริงคงไม่อยากให้เธอเห็นน้ำตาเสียมากกว่า)

           น้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนจะช่วยพาความเศร้าที่อัดแน่นอยู่ในอกให้ระบายออกมาด้วย ออยรู้สึกว่าตัวเบาโล่ง เธอเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา อาบน้ำสระผมเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเตรียมเข้านอน แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู       
           ไม่มีสายเรียกเข้า ไม่ข้อความใหม่
    
           ออยหรุบตาลงอย่างหงอยๆ เธออยากจะขอบคุณบอสที่อุตส่าห์มาคุยกับเตี่ยม้า แต่อีกฝ่ายคงยังโกรธอยู่ ถึงไม่โทรมาจิกหรือส่งแมสเซสมาถามเหมือนที่ทำเป็นประจำ

         ...แต่ถ้าได้คุยกับบอสจริงๆ เธอก็ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงเหมือนกัน
      ออยทรุดนั่งลงบนเตียง ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้แห้งหมาดพลางถอนใจอย่างสับสน คิดไม่ออกเลยว่า พรุ่งนี้เธอจะเผชิญหน้ากับบอสได้อย่างไร แล้วถ้าเกิดฝ่ายนั้นโกรธจนไม่ยอมมองหน้า หรือไม่สนใจเธออีกล่ะ...แค่คิดเธอก็รู้สึกเหมือนข้างในอกมันโหวงๆ แปลกๆ แล้ว
    
           เสียงเคาะประตูห้องนอนเรียกสติของเธอออกมาจากความคิด พอหันไปบอกอนุญาต ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับใบหน้าของน้องชายยื่นเข้ามา “เจ้ออย ทำไรอยู่ป่าว ม้าให้ไปซื้อซีอิ้วหน่อย ในครัวหมด”

          ออยเลิกคิ้วอย่างงงๆ “ซื้อซีอิ้ว? ตอนนี้เนี่ยนะ?” ข้าวเย็นก็เพิ่งกินเสร็จเมื่อกี้ ม้าจะรีบเอาซีอิ๊วไปใช้ทำอะไร
    
          “เออ เห็นม้าบอกจะเอามาเคี่ยวจับฉ่ายไปให้อาม่าพรุ่งนี้เช้าอ่ะ” น้องชายบอกต่อหน้าตาเฉย “ม้าจะให้เอมออกไปซื้อ แต่เอมเล่นเกมติดพันอยู่ เจ้ไปซื้อให้หน่อยดิ่”

        อย่างนี้นี่เอง...ออยฟังแล้วก็ถอนใจ ก็ยังคิดว่า ม้าเพิ่งนั่งฟังเธอร้องไห้เมื่อกี้ เห็นสภาพแล้วคงไม่เรียกใช้หรอก ที่แท้น้องชายจอมเอาแต่ใจของเธอโบ้ยธุระมาให้เหมือนเคย  
    
          “เออๆ” ออยว่าแล้วลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มาใส่กระเป๋า
          ซุเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่แค่ปากซอยบ้านเท่านั้นเอง ไปแป๊บเดียวก็กลับ เธอจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ เลิกคิดถึงคนหน้านิ่งตาดุที่ติดอยู่ในความจำตอนนี้เสียหน่อย
     .
         .

          ออยเดินออกมาจากบ้าน หันกลับไปงับประตูเหล็กเอาไว้เฉยๆ โดยไม่ได้คล้องกุญแจ เพราะถึงแม้ร้านค้าแถวบ้านจะปิดกันหมดแล้ว แต่ไฟหน้าร้านก็ยังสว่างไสว อีกอย่างเธอกะว่าเดินไปแค่แป๊บเดียวก็กลับ เลยไม่ห่วงอะไรเท่าไหร่
          แต่พอหันกลับมาอีกครั้ง ออยก็แทบจะสะดุ้งโหยง!
     คนที่วนเวียนอยู่ในความคิดจนถึงเมื่อกี้ มายืนกอดอกหน้านิ่งอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
    
        พอตกใจจนตั้งสติไม่อยู่ ร่างกายก็เลยทำตามสัญชาติญาณด้วยการหันกลับ เตรียมเปิดประตูวิ่งเข้าบ้าน แต่...
      แกร่ก! กึ่ก!
      ประตูเหล็กสีเขียวถูกคล้องกุญแจฉับและกดล็อคอย่างแน่นหนา...ด้วยมือน้องชายของเธอเอง
    
       “เอม!” ออยร้องอย่างตกใจ
        คนที่อยู่ด้านหลังเดินตามมา พูดข้ามศีรษะไปคุยกับน้องชายเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เหมือนเดิม “ขอบใจมาก เอม เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วจะไลน์ไปบอก”
    
        “ครับ เฮียบอส”
        เด็กตัวแสบที่ไม่เคยเคารพเกรงใจพี่สาว กลับรับคำ ‘คนนอกครอบครัว’ ด้วยน้ำเสียงเชื่อฟังสุดๆ แถมยัง...
      “เดี๋ยวนะ ‘เฮียบอส’ เหรอ”  นี่ไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน ออยมองสลับระหว่างน้องชายกับคนที่ถูกยกเป็นพี่ชายอย่างงุนงง ขณะที่เอมดึงประตูเหล็กด้านในปิด พูดทิ้งท้ายว่า “คุยกันดีๆ นะเจ้” แล้วก็ผลุบหายเข้าบ้านไป
    
         ความเงียบเข้ามาครอบคลุมอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่คนที่ยังกอดอกมองเธอนิ่งๆ จะพูดขึ้นว่า
         “เอาละ...ทีนี้ก็หนีไม่ได้แล้ว บอกมาได้หรือยังว่า วันนี้แกหลบหน้าเราเพราะอะไร”
    
          น้ำเสียงราบเรียบแต่ไร้ความขุ่นเคืองต่างจากเมื่อตอนพักเที่ยงลิบลับ ทำให้ออยใจชื้นขึ้นเล็กน้อย เธอก็เลยกล้าหันมามองอีกฝ่ายเต็มตา บอสอยู่ในชุดไปรเวท ท่าทางคงกลับไปบ้านก่อนจะมาที่นี่

       “แกไม่โกรธเราเรื่องที่เราคุยกับเฟิร์สทแล้วเหรอ?”
    เมื่อตอนกลางวันยังทำท่าเคืองสุดๆ อยู่เลยนี่นา ทำไมหายโกรธเร็วจัง
    
       “ไม่แล้ว” บอสตอบพร้อมกับถอนใจ “เราไปเคลียร์กับเฟิร์สทมาละ”
    “หือ? แกเนี่ยนะ ไปเคลียร์กับเฟิร์สท” ออยเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ บอสแทบไม่เคยคุยกับเฟิร์สทตรงๆ โดยไม่มีเธออยู่ด้วยเลยนี่นา แต่รีบไปเคลียร์ข้อสงสัยให้หายคาใจแบบนี้ก็สมเป็นบอสอยู่ละนะ
    
         “ใช่ กว่าจะง้างปากให้มันยอมเล่าว่า คุยอะไรกับแกบ้าง เสียเวลาตั้งนาน”
          ดูจากสีหน้าหงุดหงิดกับอาการถอนใจพรืดนั่นแล้ว ท่าทางการคุยกับเฟิร์สทจะไม่แค่ทำให้เสียเวลา แต่น่าจะทำให้บอสเสียอารมณ์ไม่น้อย สงสัยจะถูกคนขี้แกล้งแบบเฟิร์สทปั่นหัวมาแน่ๆ
          บอสถามย้ำประเด็นเดิมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “แล้วตกลงแกเป็นไร?”

          ออยก้มหน้าหลบตา มาถึงตรงนี้คงไม่มีทางจะให้ ‘หนี’ ได้อีกแล้ว เธอก็เลยพูดไปตรงๆ
          “เมื่อวาน เฟิร์สทเล่าให้เราฟังเรื่องที่แกโทรหาเฟิร์สทวันที่เรากินยา แล้วเฟิร์สทก็พูดเหมือนกับว่า...แก...ชอบ..เรา” เธอลากเสียงช้าๆ อย่างลังเล ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาคนฟังด้วยซ้ำ “เราก็เลย...”

           “ก็เลยอะไร?” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าขัดด้วยน้ำเสียงประชด ไม่คิดจะปฏิเสธประโยคก่อนหน้าสักนิด “ก็เลยต้องหลบหน้า? เพราะเขิน...อาย...กลัว?” เว้นช่วงไปเล็กน้อย ก่อนที่น้ำเสียงจะเปลี่ยนไป  “หรือว่า...รังเกียจ?”
           คำถามสุดท้ายที่แฝงกระแสเศร้าลึกๆ นั้นทำให้ออยใจหายวาบ จนต้องรีบเงยหน้าขึ้นมาปฏิเสธรัวเร็ว
           “เปล่า! ไม่ได้รังเกียจนะ!”

           แต่พอมองหน้าคนพูดตรงๆ เธอก็รู้ตัวว่าพลาดซะแล้ว เพราะใบหน้าคมของอีกฝ่ายไม่ได้เศร้าซึมตามน้ำเสียง ดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นฉายแวววิบวับ แถมยังมีรอยยิ้มตรงมุมปากด้วยซ้ำ
          หลอกกันนี่! คนอย่างบอสแกล้งมารยาเป็นด้วยเหรอ!

         “ไม่ได้รังเกียจ ทีนี้ก็เหลือแค่ เขินอาย กับกลัว สินะ” คนที่ออยเพิ่งรู้ว่าเจ้าเล่ห์พอตัวยิ้มกริ่ม เหยิบเข้ามาใกล้ขึ้น เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพลางทำหน้าครุ่นคิด “เขินกับอายคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากใช้เวลา...แต่ ‘กลัว’ นี่น่าจะพอแก้ไขได้”
         คนตัวสูงกว่าก้มหน้าลงจ้องตาเธอ “บอกเราได้ไหม ว่าแกกลัวอะไร”

        เสียงถามอย่างอ่อนโยน แบบที่น้อยคนจะได้ยินทำให้ออยรู้สึกเหมือนน้ำตาจะเอ่อขึ้นมาอีก จนเธอต้องก้มหน้าลง เปล่งเสียงออกมากระท่อนกระแท่น “เรา...คนอย่างเราจะมีคนมาชอบได้ยังไง เราไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่าง ทั้งขี้อิจฉา ชอบโกหก คุยก็ไม่เก่ง ไม่มีใครอยากคบ...ทำแต่เรื่องแย่ๆ”

         ออยรู้สึกเหมือนความรู้สึกอัดอั้นข้างในใจค่อยๆ หลั่งไหลออกมา “ตอนเป็นแฟนกับเฟิร์สท เรางี่เง่า เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล มีแต่คอยเป็นตัวถ่วง...ทำให้เฟิร์สทต้องพลอยรู้สึกแย่ไปกับเราตลอด..คนอย่างเราไม่ควรมีใครมาชอบหรอก”

           เธอพูดซ้ำราวกับอยากตอกย้ำตนเอง “แกเองยังเคยพูดไม่ใช่เหรอว่า เราอยากให้เฟิร์สทชอบเรา แต่เรากลับตอบไม่ได้ว่า อยากให้เฟิร์สทชอบเราตรงไหน....” ตอนที่เธอเริ่มหึงหวงขนมปังกับเฟิร์สท บอสเองยังเคยจี้ถามเธอแบบนี้เหมือนกัน
           ยิ่งพูดออยก็ยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้น คำนินทาที่ได้ยินวันนี้ดังแว่วอยู่ในหัว
         “แค่แกมาอยู่เดินข้างเรา แกก็ถูกคนอื่นมองไม่ดีแล้ว อยู่กับเรามีแต่เรื่องแย่ๆ ขนาดเรายังไม่รู้เลยว่า ตัวเรามีอะไรดีบ้าง แล้วแกจะมาชอบเราได้ยังไง”
          
           พูดจบแล้วออยนิ่งไป ก้มหน้ามองพื้น ปากเม้มแน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่