ชีวิตของการเป้นลูกคนเดียวไม่น่าอิจฉาอย่างที่คิดเลย

สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะนำเรื่องเรื่องของตัวเองมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ลองคิด อาจจะเป็นประโยชน์ หรือไม่เป็นประโยชน์ จขกท ต้องขอโทษไว้ก่อนนะค่ะ
คนเราทุกคนมักจะคิดว่า การเกิดมาเป้นลูกคนเดียวมันช่างสบาย อยากได้อะไรก็ได้ ไม่ต้องแบ่ง ไม่ต้องแย่ง ไม่ต้องแชร์ กับใคร แต่สำหรับเราแล้ว เราได้รับความรู้สึกทั้งการมีพี่น้อง และ การเป้นลูกคนเดียว ! ใช่ เราอาจจะเคยคิด ว่าทำไมเราต้องมีพี่น้องให้มาทะเลาะกัน อยากเกิดเป็นลูกคนเดียว แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ เชื่อเหอะ ว่าคุณจะไม่อยากให้มันเป็นแบบที่คุณคิดหรอก
ครอบครัวเรามีกัน 4 คน พ่อ แม่ เรา (พี่สาวคนโต) และน้องชาย ที่มาอายุห่างกัน 5 ปี .. ซึ่งแน่นอนเด็กผู้หญิงและผู้ชาย นิสัยต่างกัน ความชอบต่างกัน ตอนเด็กๆ เรามักจะทะเลาะกันบ่อยๆ แล้วสุดท้ายเราเองต้องโดนลงโทษไม่ว่าเราจะผิดหรือไม่ก็ตาม แม่จะทำโทษเราเสมอ ทำให้เรารู้สึกว่าทำไม?แม่ต้องตีเรา ทำไม? เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ทำไมเราต้องมีน้อง ? นี่คือสิ่งที่เราเชื่อว่าหลายคนตอนเป็นเด็กอาจจะเคยคิดแบบนี้ เราคิดว่าแม่รักน้องเรามากกว่าเรา เราไม่ใช่ลูกคนโปรด แต่เมื่อมาถึงตอนนี้เรามานั่งย้อนคิดทุกอย่าง เราอยากกลับไปโดนตี เราอยากกลับไปทะเลาะกับเด็กผู้ชายคนนั้น แต่มันไม่มีวันเกิดขึ้นจริง  เพราะในวันนี้เราได้ชื่อว่าสถานะ ลูกสาวคนเดียว หรือ ลูกคนเดียว ที่เมื่อเราไปไหนทุกคนมันจะอิจฉาชีวิตเรา ที่เกิดมาเป้นลูกสาวคนเดียว แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเจ็บปวดกับครอบครัวเท่าไหร่เมื่อมีคนมาถามพ่อแม่ หรือ แม่กระทั่งตัวเราเองว่า มีพี่น้องกี่คน เราเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องตอบว่าเราคือลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง และเราก็รู้ความรู้สึกนี้ดีว่าพ่อแม่เราต้องู้สึกยังไง? เมื่อตอบคำถามนี้ มันไม่ใช่คำตอบที่เราเลือกได้ มันไม่ใช่คำตอบที่เราอยากตอบ แต่มันคือคำถามที่ต้องตอบเพื่อให้ทุกอย่างมันจบ ...
ครอบครัวเราได้สูญเสียเด็กผู้ชายตัวอ้วนๆๆ น่ารักๆ ไปเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนนั้นเราอายุเพิ่งจะ 10 ขวบ มันเป็นการสูญเสียครั้งแรก และ ใหญ๋มากสำหรับเรา และครอบครัว น้องเราเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุคอนที่เค้าอายุได้เพียง 5 ขวบ และนี่คือเหตุผลทำไมครอบครัวของเราถึงเลือกที่จะตอบว่า มีลูกสาวคนเดียว เพราะมันเป็นการปิดหัวข้อสนทนานี้ได้เร็วที่สุด โดยไม่มีใครถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้เราต้องรู้สึกขึ้นมาอีก จากวันที่น้องเราเสียชีวิตจนถึงตอนนี้ก็15ปี วันที่ 5 ธันวาคนนี้ที่จะถึงก็เข้าปีที่ 16 แต่เวลามันเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน 15 ที่ผ่านมาเราเลี่ยงที่จะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนเราต่างรู้ดี "ไม่มีใครสามารถลืมเด็กชายคนนั้นที่เข้ามาอยู่ในความความทรงจำดีๆของพวกเรา" ทุกคนคืดว่าเราสุขสบาย อยากได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้ อยากเรียนที่ไหน อยากใช้ของดีๆ ถ้าพ่อแม่เราสามารถให้ได้ ก็ไม่เคยขัด ใช่ค่ะ มันคือเรื่องจริง แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งของเหล่านั้นมันทดแทนความสูญเสียไม่ได้ ที่พ่อแม่ให้เราทุกอย่างไม่ใฃ่เพราะเราคือลูกคนเดียว แต่ เพราะเราเคยสูญเสีย เราเลยถนอมความรู้สึกเวลาที่อยู่ด้วยกัน ให้ความสุขแก่กัน เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันไหนจะมีใครคนใดคนหนึ่งจากไป
ตอนนี้เราอายุ 25 ย่างเข้า 26 เรากลับมานั่งคิดทบทวนถ้าวันนี้เรายังมีน้องชายอยู่ก็คงดี เวลาเรามีปัญหาอย่างน้อยยังมีคนรับฟัง ไม่ใช่ว่าพ่อแม่เราจะไม่รับฟังนะ แต่บางครั้งมันคือปัญหาเล็กๆเราไม่อยากให้พ่อเเม่ต้องมากังวลกับปัญหาของเรา เราอยากเป็นพี่สาวที่คอยอยู่แก้ปีญหาให้น้องชาย อยากเป็นทั้งพี่สาว และเพื่อนสาวให้กับเขา แต่มันก็เป็นไปไม่ได้  เวลาที่เรารู้สึกแย่ เราอิจฉาคนที่เค้ามีพี่น้อง ได้ปรึกษาได้พูดคุย ถึงจะทะเลาะกันบ้างแต่ไม่ได้เกลียดกันหรอก แต่รู้มั้ย?ว่าการสูญเสียเด็กผู้ชาย 5 ขวบคนนั้น ทำให้เด็กผู้หญิง10ขวบคนนั้นเติบโตเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งแระมีสติมากขึ้น เราคิดเสมอว่าไม่มีปัญหาอะไรจะทำให้เราเสียใจได้อีกแล้ว เพราะเราได้พบเจอทั้งการจากลาและลาจากมาแล้ว ปัญหาต่างๆในชีวิตเรามันกลายเป้นเรื่องเล็กน้อย เพียงแค่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ ใช้สติให้มาก มันอาจจะเหนื่อยที่เราต้องแก้ปัญหาที่เข้ามาเพียงคนเดียว แต่เราก็ผ่านมันมาได้ไม่ใช่เพราะเราคนเดียว แต่เพราะการสูญเสียเลยทำให้เราเข้มแข็งและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ต่างหาก
เด็กผู้ชาย5 ขวบคนนั้นไม่เคยหายไปไหน แต่เค้าคือิความเข้มแข็งที่อยุ่กับเรามาตลอดจนถึงวันนี้ เราไม่รู้หรอกว่าวันไหนคนรอบข้างจะจากไปหรือตัวเราจะจากไปเมื่อไหร่ ทำดีกับคนรอบข้าง ทำดีกับคนที่รักเรา ดูแลครอบครัวของเรา และ เลือกที่จะไม่สนใจคนที่เค้าทำไม่ดีกับเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่