ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก ๒๕ ต.ค.๕๘

กระทู้สนทนา
ลิ่วล้อเล่าเรื่องสามก๊ก (๒)

สงครามร้อยปี

       ตอนที่ ๒ ล้างผลาญกันจนสิ้นโคตร                         

                    พ.ศ.๗๔๖ โจโฉก็ยกกองทัพใหญ่ไปตีเมืองกิจิ๋ว เพื่อกำจัดอ้วนเสี้ยวให้สิ้นเสี้ยนหนาม บุตรหลานของอ้วนเสี้ยวก็ยกทหารมาช่วย แต่อ้วนเสี้ยวกำลังป่วยอยู่ เมื่อได้ข่าวว่าบุตรคนรองออกรบแล้วแตกพ่ายมา อาการโรคก็กำเริบอาเจียนเป็นโลหิตอกมาเป็นถัง ถึงแก่ความตายไป บุตรสามคนก็แย่งกันเป็นใหญ่ ไม่สามัคคีปรองดองกัน โจโฉก็ถอนทัพจากเมืองกิจิ๋ว ไปตีเมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว ปล่อยให้พี่น้องแซ่อ้วนรบกันเองไปก่อน พอเพลียแล้วก็กลับมาตีเมืองกิจิ๋วแตก และติดตามไปฆ่าสี่พี่น้องตายไปทีละคนจนหมดทั้งตระกูล แล้วจึงยกทัพกลับ

                    พ.ศ.๗๕๐ นางกำฮูหยิน ภรรยาเอกของเล่าปี่  คลอดบุตรเป็นชายชื่อ อาเต๊า เล่าปี่ก็เสาะหาผู้มีความรู้ มาช่วยคิดการสู้รบกับโจโฉ  จนกระทั่งได้ตัว ขงเบ้ง จากเขาโงลังกั๋ง อายุเพียงยี่สิบหกปี แต่มีความรู้มากมาย มาอยู่เป็นคู่คิดด้วย
                    ต่อมาโจโฉรวบรวมกำลังพล ยกทัพใหญ่ประมาณห้าสิบหมื่น  ไปตีเมืองเกงจิ๋ว  ขณะนั้น     เล่าเปียวป่วยจนถึงแก่ความตายไป เล่าจ๋อง บุตรคนรองซึ่งได้เป็นเจ้าเมืองแทนบิดา ก็ยอมอ่อนน้อมต่อ          โจโฉ  แต่เมื่อโจโฉเข้าเมืองได้ก็ฆ่าเล่าจ๋องเสีย แล้วก็ยกกองทัพไปตีเมืองอ้วนเซีย เพื่อจะไปบดขยี้เล่าปี่ที่เมืองซินเอี๋ย  เล่าปี่เห็นว่าจะสู้ไม่ได้แน่  จึงพาครอบครัวและราษฎรอพยพ  ไปอาศัย เล่ากี๋ บุตรคนโตของเล่าเปียว อยู่ที่เมืองกังแฮ และส่งขงเบ้งไปเกลี้ยกล่อม ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง กับ จิวยี่ แม่ทัพใหญ่ของกังตั๋ง ให้เป็นพันธมิตรร่วมกันรบโจโฉได้สำเร็จ

                    พ.ศ.๗๕๑ โจโฉส่งสารไปถึง  ซุนกวน  เจ้าเมืองกังตั๋งให้เป็นพันธมิตร   ช่วยกันรบกับเล่าปี่  แต่ซุนกวนถูก ขงเบ้ง กุนซือของเล่าปี่เกลี้ยกล่อมไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ตกลงด้วย และเตรียมรบกับโจโฉโดยมี จิวยี่ เป็นแม่ทัพใหญ่ เพราะขงเบ้งบอกว่าโจโฉ มาตีกังตั๋งครั้งนี้ก็เพื่อจะเอานางทั้งสอง คือภรรยาของซุนเซ็กและภรรยาของจิวยี่ ซึ่งทั้งคู่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ไปเป็นนางบำเรอ
                    จิวยี่กับขงเบ้งจึงร่วมกันวางแผนรบกับกองทัพอันใหญ่โตมีกำลังประมาณแปดสิบหมื่นของ  โจโฉ กับกองทัพเรือนับพันลำ ด้วยกำลังทหารของกังตั๋งเพียงห้าหมื่น รวมกับทหารของเล่าปี่อีกไม่ถึงหมื่นคน จนเผากองทัพเรือและค่ายทัพบกวอดวายไปในกองเพลิงสิ้น จนตัวโจโฉเองต้องหนีหัวซุกหัวซุนพร้อมกับทหารที่เหลือเพียงสามสิบนาย รอดไปถึงเมืองลำกุ๋นได้อย่างหวุดหวิด และต้องกลับไปพักฟื้นที่เมืองฮูโต๋  ด้วยความแค้นแน่นหัวอก
                    เมื่อบำรุงกำลังทหารให้เข้มแข็งแล้ว โจโฉก็เตรียมจะยกทัพไปตีเมือง กังตั๋งเป็นการแก้ตัว แต่ห่วงว่าม้าเท้งจะยกมาตีเมืองฮูโต๋ จึงหลอกม้าเท้งมาฆ่าเสียก่อน  ม้าเฉียว บุตรชายคนโตของม้าเท้งจึงยกทัพจากเมืองเสเหลียงมาแก้แค้นแทนบิดา รบกันอย่างสุดฝีมือ แต่สุดท้ายม้าเฉียวก็เป็นฝ่ายแพ้ แตกยับเยินแทบไม่เหลือทหาร ต้องหนีออกไปอยู่ที่เมืองเจี๋ยงนอกเขตแดนจีน
                    ฝ่ายขงเบ้งเมื่อแอบหนีจิวยี่ กลับมาจากเมืองกังตั๋งแล้ว  ก็วางแผนให้เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ยึดเมือง ลำกุ๋น เมืองซงหยง และเมืองเกงจิ๋วไปครอบครองไว้ได้  โดยไม่ต้องลงทุนเลย ฝ่ายกังตั๋งที่เสียรี้พลไปเป็นอันมาก กลับไม่ได้อะไรเลย ซุนกวนให้คนไปทวงถาม  เล่าปี่ก็ว่าจะคืนให้แต่ก็ผลัดเรื่อยไป  จิวยี่จึงออกอุบายให้ซุนกวนล่อ ให้เล่าปี่มาแต่งงานกับ นางซุนหยิน น้องสาวต่างมารดาของซุนกวน แล้วจะจับฆ่าเสีย  แต่ ขงเบ้งก็รู้ทันความคิด จึงซ้อนกลจนเล่าปี่ได้แต่งงานสำเร็จ  และพานางซุนฮูหยินกลับไปอยู่กันที่เมืองเกงจิ๋วด้วย

                    พ.ศ.๗๕๓ จิวยี่แพ้รู้ขงเบ้งอีกหลายครั้ง เมืองทั้งสามก็ไม่ได้กลับคืนมา  จึงช้ำใจจนป่วยหนัก และถึงแก่ความตายไป  ซุนกวนจึงอาฆาตแค้นเล่าปี่  และตัดไมตรีกันตั้งแต่นั้น

                   พ.ศ.๗๕๕ ขุนนางเมืองฮูโต๋ ก็เสนอความชอบของโจโฉ  ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้เลื่อนยศเป็น        วุยก๋ง  แล้วก็ยกทัพไปตีเมืองฮันต๋งได้  แล้วก็เลยไปตีเมืองกังตั๋ง  ซุนกวนก็จัดกองทัพออกไปสู้รบ แต่ก็ไม่แพ้ชนะกันต่างทัพต่างก็ยกกลับเมืองไปทั้งสองฝ่าย
                    ด้านเล่าปี่ได้ บังทอง ศิษย์สำนักเดียวกับขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษาอีกคน  จึงยกพลไปเมือง           เสฉวน ซึ่ง เล่าเจี้ยง เจ้าเมืองนั้นก็เป็นญาติกัน เล่าปี่ก็ยึดครองเมืองเสฉวนได้ แต่ต้องเสียบังทองไปในการรบ ที่ทุ่งลกห้องโหหน้าเมือง ระหว่างที่เล่าปี่ยกพลไปตีเมืองเสฉวน ซุนกวนก็ทำอุบายให้นางซุนฮูหยินกลับไปเมืองกังตั๋ง

                    พ.ศ.๗๕๗ ขุนนางผู้ใหญ่เมืองฮูโต๋คิดจะขอเลื่อนตำแหน่ง ให้โจโฉเป็น เจ้าวุยอ๋อง แต่ยังมีขุนนางบางคนไม่เห็นด้วย โจโฉก็โกรธ  พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ไม่สบายพระทัย จึงคบคิดกับบิดาของ นางฮกเฮามเหสี และขันทีคนหนึ่ง จะถือรับสั่งไปให้เล่าปี่  กับซุนกวนยกทัพมากำจัดโจโฉเสีย แต่โจโฉก็จับได้อีกตามเคย  จึงประหารชีวิตเสียหมดทั้งโคตรรวมทั้งมเหสี และราชบุตรอีกสององค์ด้วย

                     พ.ศ.๗๕๘  โจโฉสงสารพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นม่ายไร้มเหสี จึงยกบุตรสาวของตนให้เป็นมเหสีแทน ตนเองก็เลยมีอำนาจมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็ยกกองทัพไปรบกับซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง คราวนี้ซุนกวนยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉ ขอส่งเครื่องบรรณาการทุกปี

                     พ.ศ.๗๕๙  โจโฉได้เลื่อนเป็น เจ้าวุยอ๋อง เพราะมีความชอบที่รบชนะ เมืองกังตั๋ง และเป็นบิดามเหสีด้วย เมื่อเป็นเจ้าแล้วโจโฉก็ไปสร้างปราสาทราชวังอยู่ที่เมืองเงียบกุ๋น และตั้งให้ โจผี บุตรชายคนโตเป็นทายาทในตำแหน่งเจ้าชีจู๊

                    พ.ศ.๗๖๒ เล่าปี่ยกทัพมาตีเมืองฮันต๋งได้จากโจโฉ ชาวเมืองจึงยกขึ้นเป็นเจ้าฮันต๋ง เล่าปี่ก็ให้กวนอูไปปกครองเมืองเกงจิ๋ว  โจโฉก็โกรธว่าตั้งตนเองเป็นเจ้า จึงมีหนังสือไปชวนซุนกวน ให้ยกทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วคืน  ซุนกวนยังไม่อยากร่วมมือกับโจโฉ จึงส่งคนไปทาบทามขอบุตรสาวกวนอู ให้เป็นภรรยาบุตรชายของตนเพื่อจะหาพวกรบกับโจโฉ แต่กวนอูปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ซุนกวนจึงยกทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วจนแตก และจับตัวกวนอูมาประหารเสีย แล้วตัดศรีษะส่งไปให้โจโฉ ทำให้โจโฉล้มป่วยลง รักษาอย่างใดก็ไม่ทุเลา

                    พ.ศ.๗๖๓ โจโฉสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้หกสิบหกปี โจผีก็ได้เป็นเจ้าวุยอ๋อง   แทนบิดา อีกประมาณสิบเดือนต่อมา ก็บังคับให้พระเจ้าเหี้ยนเต้สละราชสมบัติให้ตน เป็นพระเจ้าอวยโซ่ เริ่มราชวงศ์วุย

                    พ.ศ.๗๖๔ ขงเบ้งกระทำพิธีอุปภิเษกเล่าปี่  ให้เป็นฮ่องเต้ครอบครอง แคว้นเสฉวนทางภาคตะวันตกของแผ่นดินจีน เรียกว่า จ๊กก๊ก แล้วพระเจ้าเล่าปี่ ก็ยกทัพใหญ่ไปรบกับซุนกวนเพื่อแก้แค้นแทนกวนอู ตามคำสาบานที่ให้ไว้ต่อกันเมื่อสามสิบหกปีก่อน แต่เตียวหุยได้ถูกลิ่วล้อฆ่าตายเสียก่อนที่จะยกทัพไป  พระเจ้าเล่าปี่รบด้วยความประมาท จึงพ่ายแพ้แก่ซุนกวนอย่างยับเยิน

                      พ.ศ.๗๖๖  พระเจ้าเล่าปี่เมื่อแพ้แก่ซุนกวนแล้ว ก็ไปอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ ด้วยความตรอมใจจนถึงกับประชวรแล้วสิ้นพระชนม์ลง เมื่อเดือนหก แรมเก้าค่ำ อายุได้ หกสิบสามปี พอนางซุนฮูหยินซึ่งอยู่ที่เมืองกังตั๋งได้ข่าวว่าพระเจ้าเล่าปี่แตกทัพสิ้นพระชนม์ ก็โดดน้ำตายตามไปด้วยความรัก
                          ขงเบ้งก็ยกอาเต๊าขึ้นครองราชสมบัติเป็น  พระเจ้าเล่าเสี้ยน  สืบต่อไป โดยมีขงเบ้งเป็นมหาอุปราช เมืองกังตั๋งก็กลับเป็นไมตรีกับจ๊กก๊กดังเดิม

                    พ.ศ.๗๖๗ พระเจ้าโจผียกทัพไปตีเมืองกังตั๋งแต่ไม่สำเร็จ ถูกซุนกวนตีแตกกลับไป    

                    พ.ศ.๗๖๘ ขงเบ้งยกกองทัพไปปราบขบถ ที่เมืองชายแดนด้านตะวันตก  แล้วก็เลยไปตีเมืองมันอ๋อง ซึ่งเป็นพวกฮวนนอกแผ่นดินจีน  จนได้ชัยชนะถึงเจ็ดครั้ง ตัว เบ้งเฮ๊ก  เจ้าเมืองมันอ๋องถูกจับแล้วปล่อยตัวไปทั้งเจ็ดครั้ง  จึงยอมอ่อนน้อมต่อขงเบ้ง โดยสิ้นเชิง                    

                    พ.ศ.๗๗๐ พระเจ้าโจผีครองราชสมบัติวุยก๊กได้เจ็ดปี ก็สิ้นพระชนม์ลง พระเจ้าโจยอย ขึ้นเสวยราชย์ต่อจากพระบิดา ขงเบ้งจึงยกกองทัพ ไปรบกับวุยก๊กถึงห้าครั้ง ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ต้องถอยทัพกลับทุกครั้ง

                    พ.ศ.๗๗๒ พระเจ้าซุนกวนทำพิธีราชาภิเษก ขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่ง ง่อก๊ก ณ เมืองกังตั๋งครอบครองอาณาจักรฝ่ายใต้ แล้วก็เป็นพันธมิตรกับจ๊กก๊กตลอดไป

                    พ.ศ.๗๗๗  ขงเบ้งยกทัพไปตีวุยก๊กครั้งที่หก แต่ก็ไม่สำเร็จและป่วยตาย   ท่ามกลางสนามรบ เมื่อเดือนสิบ แรมแปดค่ำ อายุได้ห้าสิบสี่ปี

                    พ.ศ.๗๘๓ พระเจ้าโจยอยแห่งวุยก๊กสิ้นพระชนม์ พระเจ้าโจฮอง อายุแปดปี บุตรเลี้ยงของพระเจ้าโจยอยก็ได้สืบราชสมบัติต่อ เกียงอุย ศิษย์ของขงเบ้งได้เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งจ๊กก๊ก  ก็ยกกองทัพไปตี            วุยก๊ก ตามเจตนาเดิมของขงเบ้ง ถึงสองครั้งก็ไม่ได้ผลตามเคย

                   พ.ศ.๗๙๕ พระเจ้าซุนกวนสิ้นพระชนม์ เมื่ออายุได้เจ็ดสิบเอ็ดปี  พระเจ้าซุนเหลียง ได้รับราชสมบัติ ครองง่อก๊กต่อ เมื่ออายุได้สิบเอ็ดปี วุยก๊กก็ยกกองทัพมารุกราน แต่สามารถต้านทานไว้ได้
                    พระเจ้าโจฮองครองราชย์อยู่สิบสี่ปี ไว้ใจญาติให้เป็นมหาอุปราชจนทำให้ราชการฟั่นเฟือนไป เลยถูก สุมาสู บุตรของ สุมาอี้ มหาอุปราชคนก่อน ถอดออกจากตำแหน่งเมื่อมีอายุได้เพียงยี่สิบสองปี

                    พ.ศ.๗๙๗ พระเจ้าโจมอ หลานพระเจ้าโจผี ได้รับเชิญให้เป็นฮ่องเต้  สืบต่อจากพระเจ้าโจฮอง  เกียงอุยก็ยกทัพไปรบวุยก๊กอีกสี่ครั้ง ไม่สามารถรุกล้ำดินแดนเข้าไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
                    แต่พระเจ้าโจมอนั้นอยู่ในราชสมบัติได้เพียงหกปี ก็ถูกปลงพระชนม์โดย ฝีมือของลิ่วล้อคนสนิท ของ สุมาเจียว มหาอุปราชเอง
                     ทางฝ่ายง่อก๊ก ก็มีการแย่งชิงตำแหน่งมหาอุปราชกันเอง จน ซุนหลิม ได้อำนาจ ก็กล่าวหาว่า พระเจ้าซุนเหลียงไม่เอาใจใส่ต่อราชการบ้านเมือง มัวเมาอยู่แต่อิสตรี  จึงถอดออกจากบัลลังก์ เมื่ออายุได้สิบเจ็ดปี       

                    พ.ศ.๘๐๑ พระเจ้าซุนฮิว  ราชบุตรองค์ที่หกของพระเจ้าซุนกวน ได้ขึ้นครองราชย์แล้วก็สามารถกำจัดซุนหลิมลงได้                     

                    พ.ศ.๘๐๓ เมื่อพระเจ้าโจมอถูกปลงพระชนม์  พระเจ้าโจฮวน หลานของพระเจ้าโจโฉได้ขึ้นครองวุยก๊กต่อ เกียงอุยก็ยกทัพไปรบกับ เตงงาย ทหารเอกของ วุยก๊กที่เขากิสานอีกสองครั้ง ในครั้งสุดท้ายนี้กำลังจะได้เปรียบข้าศึก พระเจ้าเล่าเสี้ยน เชื่อคำยุยงของขันที เรียกตัวเกียงอุยกลับ เกียงอุยก็หมดกำลังใจ  จึงขอลาไปขัดตาทัพ  สะสมเสบียงและฝึกทหาร อยู่ที่ตำบลหลงเส  

                    พ.ศ.๘๐๖ สุมาเจียว มหาอุปราชของพระเจ้าโจฮวน ก็ยกทัพใหญ่ซึ่งมี เตงงาย กับ จงโฮย เป็นแม่ทัพ เข้าตีจ๊กก๊กถึงแปดทิศทาง และเข้าถึงเมืองเสฉวนก่อนที่เกียงอุยจะป้องกันได้ทัน  พระเจ้า      เล่าเสี้ยนไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้ จึงขอยอมแพ้มอบตัวให้กับเตงงายแม่ทัพของวุยก๊ก  เกียงอุยพยายามที่จะกอบกู้แว่นแคว้น เป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ไม่สำเร็จ สามารถฆ่าเตงงาย และ จงโฮย แม่ทัพของข้าศึกได้ แต่ตนเองก็ไปไม่รอด  ต้องเชือดคอตายตาม
                    พระเจ้าเล่าเสี้ยนต้องไปอยู่เมืองลกเอี๋ยงในตำแหน่ง อ่านลกก๋ง และอยู่ในฐานะเจ้าประเทศราช ต่อไปอย่างมีความสุขสำราญ
                    พระเจ้าซุนฮิวก็วิตกที่พันธมิตรต้องพ่ายแพ้แก่ศัตรู จึงเตรียมป้องกันเมืองกังตั๋งอย่างเข้มแข็ง แต่รออยู่อีกหลายปีข้าศึกก็ยังไม่ได้ยกมา

                   พ.ศ.๘๐๘  สุมาเจียว มหาอุปราชของวุยก๊ก ก็ป่วยถึงแก่ความตายอย่างกระทันหัน สุมาเอี๋ยน บุตรชายได้เป็นมหาอุปราชแทนจึงบังคับให้พระเจ้าโจฮวน ยกราชสมบัติให้ตนขึ้นเป็นฮ่องเต้  เหมือนเช่นที่โจผีบรรพบุรุษต้นราชวงศ์วุย ได้กระทำแก่พระเจ้าเหี้ยนเต้เมื่อ สี่สิบห้าปีก่อนโน้น แล้วเปลี่ยนเป็นราชวงศ์จิ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่