กินเรื่องใหญ่

กระทู้สนทนา
กินเรื่องใหญ่เรื่องตายเรื่องเล็ก ตายแล้วเผา ไม่ต้องล้มวัวล้มควายตายตาม สร้างบาปกรรมซ้ำซ้อน หรือจะด้วยพิธี สวดสาธยายขายคนบนหลุมศพก็ไม่เอา
              จากโบราณกาลมาคนอินเดียถือว่า ตายแล้วต้องเผาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เช่น เดียวกับประเพณีพิธีฝังศพคนยิวกับคนมุสลิม แม้แต่พระพุทธองค์ก็ยังให้ตายแล้วเผา โดยไม่ต้องรอญาติอยู่ไกลที่ยังมาไม่ถึง เพราะความตายที่เห็นๆกันอยู่นั้น  ไม่ใช่ตายจริงเพราะ “ตายเรื่องเล็ก” เล็กจนเป็นศูนย์ (นิพพาน) ตายที่เห็นๆจึงเป็นแค่เครื่องมือหากินสำหรับหลอกเด็กขี้มูกโป่ง  กับคนโง่ที่หลงยึดเอาความตายเป็นเรื่องใหญ่พิรี้พิไรไม่รู้จบ  เพราะแท้ที่จริงแล้วซากศพก็คือ คราบที่สัตว์เลื้อยคลานลอกทิ้งไว้เบื้องหลัง
          เรื่องกินนี่ซิเรื่องใหญ่  เพราะนอกจากจะกินอาหารได้อย่างแม่นเป้าเข้าประเด็น แล้วยังต้องปลอดสารพิษที่รู้ที่ไปที่มาว่าปลอดภัยด้วย                 ด้วยเหตุนี้และเพื่อความไม่ประมาท  คนยิวจึงกินแต่อาหาร KOSHER         ตามพระคำภีร์ยิว ในขณะที่คนอินเดียกินอาหารมังสวิรัติตามคำสอนพระศิวะ โดยไม่ยอมสะเปะสะปะในสุขภาพ ทั้งพระพุทธองค์ก็ยังต้องให้สงฆ์พิจารณาอาหารก่อนฉัน  และฉันด้วยความสงบสำรวมทุกครั้งไป
              อวัยวะทุกส่วนในร่างกายจึงต้องสะอาด สะดวก สบาย จนรู้สึกได้ถึงความสงบอบอุ่นใจในทุกมื้ออาหาร โดยเฉพาะอารมณ์หงุดหงิดโกรธแค้นหรือความไม่สบายใจแม้น้อยนั้นต้องไม่มี เพราะอารมณ์บูดทำให้อาหารเน่า สมองเสื่อมปัญญาทราม จนเกิดแก๊สพิษประท้วงขึ้นในกระเพาะ ก่อเชื้อมหันต์ภัยไม่รู้จบต่อสุขภาพทันที
          จึงเป็นธรรมดาธรรมชาติของคนดี ที่จะเตรียมกายวาจาใจใสสดสวดมนตร์ขอพรพิจารณาอาหาร ด้วยความนอบน้อม เพื่อการกินดีอยู่ดีต้องหลีกเลี่ยงการดูหนัง ฟังท่าน อ่านหนังสือหรือแม้แต่ความคิดที่จะหักหันความสนใจไปอื่นในขณะกินอาหารนั้นอันตราย ที่จะมีลมในท้องกับกรดไหลย้อนให้เห็นเป็นประจักตามมา แต่จะปล่อยให้หัวใจสงบอบอุ่นได้ระเริงรื่นหยอกล้อคลอเคลีย ไปกับเสียงอารมณ์รสมิติใหม่ในอากัปกริยาโภชนาหารอันโอชะเท่านั้น….จะไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนแขกอินเดียจึงเป็นคนหัวกะทิสมองดีหัวไว จนคนไทยตามไม่ทัน กระทั่งคำไทยแต่โบราณขานกล่าวมาว่า ถ้า “เจอแขกกับงูให้ตีแขก” กระนั้นก็ตาม คนไทยก็ยังไม่ยอมเปิดห้องรับชาติจีนหรือฝรั่งมังค่าอื่นใดในโลก นอกจากจะเปิด “ห้องรับแขก”เท่านั้น เพราะเหตุปัจจัยในการกินที่ถูกวิธีกับอาหารดีโดยแท้ ที่มิใช่เท่าแต่คนไทย แต่ทั่วโลกต้องยอมรับ ยกให้ประเทศอินเดียเป็นโรงอาหารมังสวิรัติผูกขาด ในการสร้างสมองและสร้างชาติให้เป็นปึกแผ่น  ตลอดจนการสร้างปราชญ์ศาสดาส่งออกเพียงแห่งเดียวในโลก ชนิดที่สูสีคู่คี่ไปกับคนยิว แม้มีจำนวนเพียงน้อยนิดแต่สมองอัจฉริยะยิวแท้ที่ใช้อาหารKOSHERเป็นส่วนสร้างนั้นโลกต้องยอมรับว่าเป็นเลิศ
           อาหารสมอง
            อาหารมื้อเช้าสร้างสมอง มื้อเที่ยงให้กำลังงานมื้อเย็นเสริมสมรรถภาพทางเพศ  จะเห็นได้ว่านอกจากพ่อแม่ชาติชนคนหัวกะทิจะใช้แป้งข้าวสาลีที่เหนือชั้นมาปรุงเป็นขนมปัง,จานปาตี  อาหารหลักสำหรับสร้างสมองแล้ว เขาก็ยังให้ลูกกินถั่วแดงหลวงต้ม ,นมสดผสมกับอาหารแห้ง,หรือไม่ก็กินอินทผาลำ,ลูกเกด ไปจนถึงผลมะเดื่อสวนเอเดนฯลฯ ยอดผลไม้สร้างสมองเป็นอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน นอกเหนือไปจากนั้นพระศิวะยังได้สอนคนอินเดียให้ดื่มน้ำนมวัวกับกะทิมะพร้าวสร้างสมองมาแต่โบราณกาล  ทั้งยังใช้น้ำมันอัลมอนด์หยดหยอดชโลมกระหม่อมพร้อมกันกับผสมในนม  ให้เด็กแรกเกิดดื่มสร้างสมองไปจนกระทั่งโต แล้วเด็กอินเดียก็ยังเดินล้วงเม็ดอัลมอนด์ดิบที่แช่น้ำข้ามคืนจากกระเป๋ากางเกง มาเคี้ยวกินระหว่างทางไปโรงเรียนจนติดเป็นนิสัย....ใครหนอทำให้เขารู้มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกว่า “กินเรื่องใหญ่” กินจนเป็นใหญ่เป็นมหาอำนาจทางสมองได้ถึงปานนั้น
                                         ไม้ร่ม
                                      ๔ ก.ย.๕๘
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่