คุณพี่จะเอาคำตอบแบบวิชาการหรือตอบแบบเล่นๆอ่ะครับ

ถ้าแบบวิชาการคือ
ถ้างูสวัดมันเป็นมากจนมีง.งู(และไม้เอก)เพิ่มมาอีกตัว
มันก็จะกลายเป็นงูส่งวัด
มันก็จะทำให้ตายได้

ถ้าตอบเล่นๆ
การติดเชื้องูสวัดจากไวรัส VZV
แม้ว่าสิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจนจากภายนอกคือรอยโรคที่ผิวหนัง
แต่จริงๆแล้วถ้าเป็นมากมันเป็นที่อวัยวะภายในได้ด้วย
หรือกระทั่งเป็นพอสมควรในคนที่ภูมิปกติ
บางทีเอาไปตรวจเลือดดูบางรายยังพบว่ามีเอนไซม์ตับสูงขึ้นได้
ซึ่งแสดงว่าตัวโรคมันมีผลทำให้เกิดตับอักเสบร่วมด้วยได้
แต่รอยโรคที่ผิวหนังมักจำกัดอยู่ที่เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงเป็นแขนงตาม dermatome
ซึ่งสมมาตรกัน2 ด้าน ไม่ข้ามมายังอีกซีกของลำตัว
ยิ่งถ้าในคนที่ภูมิต้านทานตำ่
โอกาสเกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้นก็ยิ่งสูง
ถ้าเป็นการติดเชื้อที่ผิวหนังที่รุนแรงแบบที่มีการแพร่กระจายไปทั่ว
มันก็จะไม่จำกัดอยู่ที่ dermatome ซีกเดียวแล้ว
ก็เรียกว่า cutaneous dissemination
ถ้ามีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะภายใน
ก็เรียกว่า visceral dissemination
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่อวัยวะภายในก็มีได้หลายระบบเช่น
ระบบประสาท เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ(meningoencephalitis)
ระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ(pneumonitis)
ตับอักเสบ(hepatitis)  
เป็นต้น
โดยผป.กลุ่มที่ภูมิต้านทานตำ่ที่พบว่ามีการติดเชื้อแบบแพร่กระจายของผิวหนังมากที่สุด
คือพวกที่เป็นมะเร็งต่อมนำ้เหลืองทั้ง Hodkin และ Non Hodkin's lymphoma
โดยพบได้สูงถึง ~ 40%
ในกลุ่มที่มีการติดเชื้อแบบแพร่กระจายของผิวหนังก็มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงสูงขึ้น~ 5-10%
อย่างไรก็ตาม แม้ในกลุ่มที่ภูมิตำ่เอง อัตราตายจากงูสวัดก็ยังน้อยครับ
แต่มีผป.อีกกลุ่มที่ภูมิตำ่ที่มีโอกาสเกิดปัญหาจากงูสวัดมากเป็นพิเศษ
คือกลุ่มที่ได้รับการปลูกถ่ายสเตมเซลล์(Recipients of hematopoietic stem cell transplants)
กลุ่มนี้มีโอกาสติดเชื้อ VZV สูงถึง 30% ใน 1 ปี
โดยในกลุ่มมีที่ติดเชื้อ VZV นี้ ครึ่งหนึ่งจะเกิดใน 9 เดือน( 50% ของ 30%บรรทัดข้างบน)
45%ของผป.ที่ติดเชื้อจะมีการติดเชื้อแบบแพร่กระจายของผิวหนังหรืออวัยวะภายใน
และมีโอกาสเสียชีวิตได้ประมาณ 10% ( 10% ของ 45% บรรทัดข้างบน)

ปล.อย่าเชื่อผมมาก ผมเดา