เชื้อพระวงศ์หลงทาง (๒) ๒๘ ส.ต.๕๘

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

ชาจิน.....เชื้อพระรวงศ์หลงทาง

ตอนที่ ๒ บุญคุณที่ได้ตอบแทน

"เล่าเซี่ยงชุน"

ฝ่ายบริวารของอินเทียนเซก เมื่อเห็นนายตาย ก็รีบวิ่งกลับไปบ้านพาทหารมาอีกประมาณสามร้อยคนมีอาวุธครบกรูกันเข้าไปจับ ชาจิน มัดไว้แล้วก็ค้นหา ลีขุย แต่ไม่พบ จึงเอาตัวชาจินมาให้เจ้าเมืองที่บ้าน กอเหลียม แจ้งข่าวว่า พวกของชาฮงเสีย ตีอินเทียนเซกตายก็ออกมายังที่ว่าการ จัดการสอบสวนชาจินด้วยความโกรธ

ชาจินบอกว่า

"...ข้าพเจ้าชื่อชาจิน ไปสร้างบ้านเรือนอยู่ ณ เมืองซองจิวฮู้ ครั้นแจ้งว่าชาฮงเสีย อาป่วยมากจึงมาเยี่ยม อยู่ได้สองเวลาก็ถึงแก่กรรม จัดการกงเต๊กและทำบุญอยู่ที่บ้าน อินเทียน เซกกับทหารไปถึงก็ขับไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น ข้าพเจ้าขอผัดว่าจะขอฝังศพเสียก่อนก็ไม่ฟัง สั่งให้ทหารจับข้าพเจ้าจะเฆี่ยน มีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ ลิตัว ออกมาช่วยข้าพเจ้า ทุบตีอินเทียนเซกตาย.."

กอเหลียมว่าลิตัวเป็นพวกพ้องของชาจิน ถ้าไม่ใช้ก็คงไม่ทำ บัดนี้ไปอยู่ที่ไหน ชาจิน ว่าไม่ทราบ กองเหลียมจึงสั่งให้จับชาจินเฆี่ยน ชาจินก็แย้งว่า

"..ลิตัว เป็นพวกชาวบ้านมาช่วยทุบตีกันตาย จะเฆี่ยนข้าพเจ้ายังไม่ยอม ประการหนึ่งอาญาสิทธิ์เจ้าแผ่นดินแต่ก่อนพระราชทานไว้ ท่านไม่เชื่อฟังกลับหมิ่นประมาทแล้วจะมาทำกับข้าพเจ้าดังนี้ควรหรือ...."

กอเหลียมก็ยิ่งโกรธหนักขึ้นหาว่าถือดี จึงสั่งให้ทหารเฆี่ยนชาจินจนถึงกับโลหิตไหล ชาจินเจ็บเหลือทนต้องยอมรับว่าเป็นคนใช้ให้เพื่อนบ้านตีอินเทียนเซกตาย

กอเหลียมสั่งให้เอาตัวไปขังคุกไว้ก่อน ภรรยาของกอเหลียมมีความแค้นแทนอินเทียนเซก จึงยุให้กอเหลียมใช้ทหารไปจับกุม บุตรภรรยาและครอบครัวของชาฮงเสีย มาจำคุกไว้แล้วเก็บริบเอาทรัพย์สินทั้งปวงไปด้วย

ฝ่ายลีขุยเมื่อหนีออกจากเมืองกอตงจิวแล้ว ก็รีบกลับมายังเขาเนียซัวเปาะ แจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ ซ้องกั๋ง และ เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่ ทราบโดยละเอียด เมื่อปรึกษากันแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องยกพลไปแย่งชิงเอาตัวชาจิน ออกมาจากคุกให้จงได้ เพราะเป็นผู้มีคุณแก่พี่น้อง ขบวนการโจรเขาเนียซัวเปาะมากมาย

อันเมืองกอตงจิวแม้จะเล็กก็จริง แต่มีไพร่พลหนาแน่นเข้มแข็ง เสบียงอาหารก็บริบูรณ์ จึงต้องยกไปเป็นกองทัพ โดยให้นายโจรสิบสองคนคุมพลห้าพันเป็นกองหน้า แล้วซ้องกั๋ง กับโงวหยงคุมนายโจรอีกแปดคน ไพร่พลสามพันเป็นกองหนุน ยกตามไปตีเอาเมืองกอตงจิวให้ได้

ลิมชอง ซึ่งอยู่ในกองหน้านำพลไปถึงเมืองก่อน กอเหลียมก็พาทหารเอกที่มีฝีมือเข้มแข็ง ถึงสามร้อยนายออกมาสู้รบ แม้จะฆ่าทหารเอกได้สองคน แต่กองหน้าก็พ่ายแพ้แก่กอเหลียม ไพร่พลตายไปหนึ่งในห้าส่วน ต้องถอยไปตั้งค่ายพักคอยกองหนุน อยู่ห่างจากเมืองกอตงจิว ประมาณยี่สิบลี้

เมื่อซ้องกั๋งยกพลมาสมทบกับกองหน้าแล้ว ก็เปิดตำราพิชัยสงครามเข้าสู้รบกับ กอเหลียม ก็ยังพ่ายแพ้อีกต้องแตกกระจัดกระจายถอยหนีไปอีกยี่สิบลี้

แต่พอตกกลางคืนประมาณยามเศษ กอเหลียมคุมทหารออกมาปล้นค่ายซ้องกั๋งบ้าง กลับถูกซ้องกั๋งเตรียมการตั้งรับไว้อย่างดี สามารถล้อมโจมตีโต้ตอบ จนกอเหลียมถูกลูกเกาทัณฑ์ที่บ่า ต้องแตกพ่ายกลับไป

กอเหลียมรักษาแผลเกาทัณฑ์อยู่เป็นเวลานาน พอหายดีแล้วยกทหารไปรบก็แพ้พวกเขาเนียซัวเปาะอีก จึงมีหนังสือไปถึงเมืองตังเซียงเมืองโควจิวซึ่งเจ้าเมืองทั้งสองเป็นพรรคพวกที่ กอกิว พี่ชายใหญ่ของกอเหลียมได้แต่งตั้งไว้ ให้ยกทหารมาช่วย

ทางฝ่ายเขาเนียซัวเปาะเห็นมีม้าเร็ว ออกจากเมืองไปก็ไม่จับ แต่ให้พรรคพวกไปเอาไพร่พลจากเขาเนียซัวเปาะ ปลอมเป็นกองทัพของหัวเมืองยกมาช่วยกอเหลียม โดยแยกออกเป็นสองทาง

เมื่อทหารปลอมมาถึงก็ทำเป็นเข้าตีกองทัพของซ้องกั๋ง ซึ่งล้อมเมืองกอตงจิวอยู่ กองทัพของซ้องกั๋งแกล้งทำเป็นแตกระส่ำระสายถอยหนีไป กอเหลียมก็ยกทหารเปิดประตูออกจากเมืองไล่ตามตีกองทัพของซ้องกั๋ง ทหารปลอมที่มาก็กรูกันเข้าไปในเมืองไล่ฆ่าฟันทหารที่รักษาประตูและเชิงเทิน ล้มตายแตกกระจัดกระจายไป แล้วก็ชักธงยี่ห้อซ้องกั๋งขึ้นไว้เหนือเชิงเทิน
พร้อมกับรักษาประตูไว้อย่างเข้มแข็ง

ฝ่ายกอเหลียมคุมทหารตามซ้องกั๋งไป ก็ตกอยู่ในหว่างกลางกองโจรเขาเนียซัวเปาะทั้งข้างหน้าและข้างหลัง จะถอยกลับเข้าเมืองก็ไม่ได้ เพราะถูกยึดไว้แล้ว จึงต้องพาทหารที่เหลือตายแหวกวงล้อมออกไป เจอเอาลุยเหงทหารเอกของซ้องกั๋งเลยถูกตัดศรีษะเสียจนได้

ซ้องกั๋งก็ยกกองทัพเข้าเมืองกอตงจิว แล้วกำชับไพร่พลมิให้กระทำข่มเหงราษฎรชาวเมือง ให้ตั้งหน้าทำมาหากินตามภูมิลำเนา จนเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว จึงพาพรรคพวกไปหา ชาจิน ในคุก ปรากฎว่าไม่มีผู้คุมทั้งใหญ่น้อยเหลืออยู่เลย พบแต่นักโทษประหารประมาณห้าสิบคน กับครอบครัวของชาเฮงเสีย และบุตรภรรยาของครอบครัวชาจินที่ถูกจับตัวเอามาจากเมืองซอง จิวฮู้

โงวหยงเที่ยวตามหาชาจินไปทั่วคุก ก็เจอชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใช้ของผู้คุม เล่าว่า

"....เมื่อวันก่อนนั้นกอเหลียมผู้รักษาเมืองกำชับสั่งผู้คุมว่า ให้จำชาจินให้แน่นหนาขึ้นอีก ถ้าคนโทษมากก็จงทุบตีเสียให้ตาย เว้นได้สามวัน กอเหลียมถามว่าชาจินตายแล้วหรือยัง พวกข้าพเจ้าเห็นว่าชาจินเป็นคนดีมีสกุล ก็ไม่ทำอันตราย จึงแจ้งความกับกอเหลียมว่า ชาจิน นั้นเจ็บป่วยเจียนตายแล้ว จะต้องฆ่าทำไม กอเหลียมไม่ไว้ใจกลัวชาจินจะหนี จึงให้ผู้คุมเอาตัวชาจินลงไปขังในบ่อน้ำ บัดนี้จะเป็นตายประการใดข้าพเจ้าไม่ทราบ....."

ซ้องกั๋งก็ตกใจให้ชายผู้นั้นพาไปดูที่บ่อน้ำ เห็นแต่ความมืดไม่แจ้งว่าตื้นลึกเพียงใด ซ้องกั๋งก็เสียใจก็ว่าถ้าแม้นชาจินตาย ตัวเราก็คงตายเหมือนกัน โงวหยงปลอบว่าต้องลองให้คนลงไปดูก่อน

เมื่อถามหาผู้ที่จะลงไปในบ่อลีขุยก็รีบรับอาสา ซ้องกั๋งว่าดีแล้วเพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะตนเอง แล้วสั่งให้เอาเข่งใบใหญ่มาผูกเชือกให้แน่นหนา ให้ลีขุยลงไปนั่งในเข่ง ค่อย ๆ หย่อนลงไปถึงก้นบ่อ ข้างล่างก็มีแต่ความมืด ลีขุยคลำไปจนทั่วจึงพบชาจินนั่งพิงบ่ออยู่ มีอาการเจ็บป่วยจนพูดไม่ได้

ลีขุยก็อุ้มเอาใส่เข่งชักรอกขึ้นมาถึงปากบ่อ ปรากฎว่าชาจินศรีษะแตก มีบาดแผลยับเยินไปทั้งตัว จึงพากลับมาบ้านและให้หาหมอมารักษา แล้วพาเอาตัวบุตรภรรยาครอบครัวของชาฮงเสียและชาจิน ออกจากคุกมาช่วยพยาบาล

จนชาจินค่อยคลายหายป่วย จึงให้ลีขุยกับ ลุยเหง นำเกวียนบรรทุกชาจินและครอบครัวทั้งสอง กับทรัพย์สินสิ่งของเงินทองไปส่งที่เขาเนียซัวเปาะก่อน

แล้วก็สั่งให้ไพร่พลไปจับบุตรภรรยา กับครอบครัวและญาติพี่น้องของกอเหลียมมาฆ่าเสียทั้งโคตร และเก็บริบทรัพย์สินเงินทองของกอเหลียม ตลอดจนเสบียงอาหารในคลังขึ้นเกวียน ขนเอาไปเป็นสมบัติ ของกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะต่อไป

เตียวไก่ก็จัดที่อยู่ให้ญาติพี่น้อง บุตรภรรยาของชาฮงเสีย และชาจินอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบาย เมื่อชาจินหายป่วยแล้ว ก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน เป็นการรับขวัญ

ชาจินคิดถึงคุณของ เตียวไก่ ซ้องกั๋ง และพวกพ้องพี่น้องเขาเนียซัวเปาะทั้งปวง จึงคุกเข่าลงคำนับแล้วกล่าวว่า

".....ข้าพเจ้าขอบคุณท่านทั้งปวงหนักหนา ถ้าไม่ยกไป ช่วยข้าพเจ้าก็คงตาย....."

เตียวไก่ซ้องกั๋งหัวหน้าทั้งสองและพรรคพวกก็พากันคุกเข่าคำนับลงแล้วว่า

".....ซึ่งท่านมีคุณกับพวกข้าพเจ้าหาที่เปรียบมิได้ การทั้งปวงก็สำเร็จแล้วเชิญท่าน อยู่ด้วยกันที่นี่เถิด....."

ชาจินผู้เป็นมหาเศรษฐี เชื้อพระวงศ์ของฮ่องเต้องค์ก่อน จึงต้องกลายเป็นที่ปรึกษาของขบวนการโจร แห่งเขาเนียซัวเปาะไปอย่างสมบูรณ์

และทำให้กองโจรระดับชาติก๊กนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งใหญ่ติดพงศาวดารของราชวงศ์ซ้องมาอีกนานนับพันปี.

##########

จาก นิตยสารโล่เงิน
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑

๒๗ ส.ค.๕๘
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่