คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ขอออกตัวว่า ผมติดตามต้นเหตุแห่งเรื่องภาษาวิบัติในห้องนี้แบบปะติดปะต่อ
การสร้างคำใหม่ๆ ขึ้นมาจะเกิดจากการ "สมาส" , "สนธิ" ,"ทับศัพท์จากภาษาอื่น", "ยืม(หรือขโมย)" คำจากภาษาอื่นๆ มา ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในทุกๆ ภาษา จะสังเกตุว่าการเกิดคำใหม่ๆ ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่จู่ๆ เกิดขึ้นเลย แต่ละคำจะอิงแอบหรือมีรากฐานมาจากคำที่มีและใช้อยู่แล้วคือมีที่มาที่ไปไม่ว่าจะด้าน "เสียง"หรือ "รูป" ก็ตาม
เสียง เช่น ตะแล๊ปแก๊ป (เป็นคำทับศัพท์จากอังกฤษ Telegram) สาดด (คำผรุสวาส "สัตว์") ฯลฯ
รูป เช่น ว้า(ว่า) เป็ง(เป็น) ฯลฯ
ด้วยจิตวิญญาณและกระแสแห่งการ "อนุรักษ์" อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นแบบไทยๆ ที่เชี่ยวกรากในตอนนี้ ภาษาไทยก็เป็นหนึ่งในมรดก(มรดก? ไม่รู้ว่าใช้คำถูกหรือเปล่า?)ที่ต้องหวงแหนอนุรักษ์และรณรงค์(อย่างสุดฤทธิ์สุดเดชสำหรับบางคน)
ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี้มีคำในภาษาไทยหลายคำที่กร่อนไป ตายไป พอสมควร ยิ่งถ้าใครได้ไปอ่านกฏหมายตราสามดวงแล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของภาษาไทยมากได้ชัดเจนขึ้น ตรงจุดนี้ ถ้าคนโบราณได้มาเห็นภาษาที่เราใช้ในปัจจุบัน จะมองว่าเป็นการวิบัติหรือเห็นเป็นอื่น?? ช่วยกันตรึกดู.......
ท่านศาสตราจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิตฯ เคยกล่าวไว้ที่หน้าห้องเรียน(สมัยผมเรียนกับท่าน ไม่ทราบว่าท่านเคยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ที่ไหนหรือเปล่า)ว่า ภาษาเหมือนสิ่งมีชีวิต การเกิดคำใหม่ๆ ทั้งรูปทั้งเสียงคือการ "ดิ้น" ของภาษา ถ้าไม่มีการดิ้นหรือเปลี่ยนแปลงท้ายที่สุดก็จะตายไป
ไม่นานมานี้ อังกฤษเขาประมวลคำศัพท์ใหม่ๆ เข้าพจนานุกรม Delias จริงๆ แล้วเป็นชื่อของคนเหมือนคำว่า Boycott (บอยคอต) ที่มีชื่อเสียงด้านทำอาหาร คำว่า Delias จึงแปลว่า การทำอาหาร หรือแม้แต่คำว่า Google ก็แปลว่าการค้นหาในโลกออนไลน์ นี่คือลักษณะการ "ดิ้น" ให้เข้ากับปัจจุบันของภาษาในความหมายของท่านอาจารย์จำนงค์
การที่มีสมาชิกท่านหนึ่งเขียนผิด ผมเข้าใจว่าเขาตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ และเขาก็ประสบความสำเร็จตรงนั้นเป็นอย่างสูงซะด้วย ส่วนใครจะมองถึงขั้นวิบัตินั้น ก็ต้องดูกันต่อไปว่าภาษาที่เขาใช้ในห้องนี้จะดิ้นไปได้กี่น้ำ?
การสร้างคำใหม่ๆ ขึ้นมาจะเกิดจากการ "สมาส" , "สนธิ" ,"ทับศัพท์จากภาษาอื่น", "ยืม(หรือขโมย)" คำจากภาษาอื่นๆ มา ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในทุกๆ ภาษา จะสังเกตุว่าการเกิดคำใหม่ๆ ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่จู่ๆ เกิดขึ้นเลย แต่ละคำจะอิงแอบหรือมีรากฐานมาจากคำที่มีและใช้อยู่แล้วคือมีที่มาที่ไปไม่ว่าจะด้าน "เสียง"หรือ "รูป" ก็ตาม
เสียง เช่น ตะแล๊ปแก๊ป (เป็นคำทับศัพท์จากอังกฤษ Telegram) สาดด (คำผรุสวาส "สัตว์") ฯลฯ
รูป เช่น ว้า(ว่า) เป็ง(เป็น) ฯลฯ
ด้วยจิตวิญญาณและกระแสแห่งการ "อนุรักษ์" อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นแบบไทยๆ ที่เชี่ยวกรากในตอนนี้ ภาษาไทยก็เป็นหนึ่งในมรดก(มรดก? ไม่รู้ว่าใช้คำถูกหรือเปล่า?)ที่ต้องหวงแหนอนุรักษ์และรณรงค์(อย่างสุดฤทธิ์สุดเดชสำหรับบางคน)
ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี้มีคำในภาษาไทยหลายคำที่กร่อนไป ตายไป พอสมควร ยิ่งถ้าใครได้ไปอ่านกฏหมายตราสามดวงแล้วจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของภาษาไทยมากได้ชัดเจนขึ้น ตรงจุดนี้ ถ้าคนโบราณได้มาเห็นภาษาที่เราใช้ในปัจจุบัน จะมองว่าเป็นการวิบัติหรือเห็นเป็นอื่น?? ช่วยกันตรึกดู.......
ท่านศาสตราจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ ราชบัณฑิตฯ เคยกล่าวไว้ที่หน้าห้องเรียน(สมัยผมเรียนกับท่าน ไม่ทราบว่าท่านเคยเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ที่ไหนหรือเปล่า)ว่า ภาษาเหมือนสิ่งมีชีวิต การเกิดคำใหม่ๆ ทั้งรูปทั้งเสียงคือการ "ดิ้น" ของภาษา ถ้าไม่มีการดิ้นหรือเปลี่ยนแปลงท้ายที่สุดก็จะตายไป
ไม่นานมานี้ อังกฤษเขาประมวลคำศัพท์ใหม่ๆ เข้าพจนานุกรม Delias จริงๆ แล้วเป็นชื่อของคนเหมือนคำว่า Boycott (บอยคอต) ที่มีชื่อเสียงด้านทำอาหาร คำว่า Delias จึงแปลว่า การทำอาหาร หรือแม้แต่คำว่า Google ก็แปลว่าการค้นหาในโลกออนไลน์ นี่คือลักษณะการ "ดิ้น" ให้เข้ากับปัจจุบันของภาษาในความหมายของท่านอาจารย์จำนงค์
การที่มีสมาชิกท่านหนึ่งเขียนผิด ผมเข้าใจว่าเขาตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ และเขาก็ประสบความสำเร็จตรงนั้นเป็นอย่างสูงซะด้วย ส่วนใครจะมองถึงขั้นวิบัตินั้น ก็ต้องดูกันต่อไปว่าภาษาที่เขาใช้ในห้องนี้จะดิ้นไปได้กี่น้ำ?
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
การเมือง
น้องน้ำหวาน ขอสงสัยต่อไปว่า การกระทำเช่นไร จึงจะมีแนวโน้มทำให้ "ภาษาวิบัติ" คะ ?
โดยไม่ได้ยึดติดว่า จะต้องเป็นตามตัวอย่างนี้เท่านั้น
ท่านสามารถยกตัวอย่างเพิ่มเติมกันมาได้นะคะ
1.เขียนผิดอย่างจงใจ ไม่เป็นที่นิยม เขียนยาก มักถูกตำหนิอยู่เสมอ จึงไม่มีใครนำมาใช้แทนภาษาเดิม
2.เขียนผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นที่นิยม หลายคนชม และมักใช้แทนภาษาเดิม