[CR] บันทึกบ้าพลัง ณ ทุ่งดอกกระเจียว

สวัสดีค่ะ >< วันนี้จะมารีวิวอุทยานแห่งชาติป่าหินงามที่เพิ่งไปเมื่อวันที่30-31กรกฎาที่ผ่านมา อาศัยช่วงวันหยุดยาวปลีกวิเวกไปเข้าป่า เดินชมทุ่งดอกกระเจียวมาค่ะ 2วัน2คืน ตบมือ แปะๆๆๆๆๆๆ อ่อ ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวนะคะ

สเต็บเทพการเดินทางค่ะ(สำหรับคนที่อยากได้แต่เนื้อ ไม่เอาน้ำ)
1.จองตั๋วรถทัวร์ (จะเที่ยวเดียวหรือไปกลับก็ได้)

ขาไป        เราจองชัยภูมิทัวร์รอบ23.00 (หมอชิต2-นายางกลัก) ไปลงที่ป้ายสามแยกบ้านไร่ ราคาคนละ225บาท
ขากลับ      จองเทียนไชยแอร์(บขส.ชัยภูมิ-หมอชิต2) ราคาคนละ290บาท(บวกค่าธรรมเนียมเซเว่นแล้ว) แต่ขากลับขลุกขลักค่ะ เพราะเราและเพื่อนเพิ่งสำเหนียกได้ว่าอุทยานห่างจากอำเภอเมืองเป็นร้อยโลค่ะ สุดท้ายได้พี่ดูแลจุดปล่อยรถเทพสถิตช่วยค่ะ เลยสามารถย้ายตั๋วเป็นเทพสถิต-หมอชิต2ค่ะ
พี่ที่ดูแลจุดปล่อยรถเทพสถิตชื่อพี่แหม่ม ใจดีมากค่ะ พี่เขาบอกว่ารอบหน้ามาชัยภูมิให้โทรบอกแก ราคารถทัวร์จากกรุงเทพ และรถเข้าอุทยานของเจ้แกถูกกว่าใครในโลกหล้า(รถทัวร์202บาท รถเข้าออกอุทยานรอบละ30บาท)
              เบอร์พี่แหม่ม    044-857064,092-254-8113

2.พกความกล้าระดับ1200% เพราะว่าต้องโบกรถแน่ๆอย่างน้อย2ครั้ง ครั้งแรกคือจากสามแยกบ้านไร่เข้าอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ครั้งที่2คือจากอุทยานออกมาข้างนอกค่ะ

3.เตรียมเงินให้พร้อม เราพกไป2000บาท เอาอยู่ค่ะ(รวมค่ารถทัวร์แล้ว) ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายก็ขึ้นกับดวงด้วย เจอร้านข้าวแพง หรือเจอราคาเหมารถแพง บลาๆๆๆ
ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายแน่ๆ
3.1.ค่ารถทัวร์ไปกลับ
3.2.ถ้าโบกรถไม่ได้ ก็เจอค่าเหมารถเข้าออกอุทยานT^T
3.3.ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท
3.4.ค่ารถขึ้นอุทยานคนละ 30 บาท
3.5 ค่าเช่าเต้นท์ ถ้าใครเอาเต้นท์มาเองก็เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท แต่ถ้าใครมาตัวเปล่าก็สามารถเช่าเต้นท์และถุงนอนได้ เราจ่ายค่าเต้นท์กับถุงนอน1ชุด  
     ราคา285บาท
3.6 ค่ากิน ค่าช็อปปิ้ง ขึ้นอยู่กับสกิลของแต่ละคนฮะ ><

4.ทริปนี้เราเน้นความคล่องตัวเป็นหลัก พยายามยัดทุกอย่างให้อยู่ในกระเป๋าเดียว กันของหายไปในตัวด้วยค่ะ(เราไปกันผู้หญิง2คนค่ะ) ที่สำคัญพกร่มไปด้วย ฝนตกเกือบตลอดทริปเลยค่ะ

5. ศูนย์นักท่องเที่ยวและร้านสวัสดิการเปิดแปดโมงค่ะ เช่าเต้นท์ได้ตอนเที่ยง(อย่าลืมพกบัตรประชาชนไปด้วย) แต่ร้านขายของ ร้านอาหารชาวบ้านเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าเลยค่ะ

โอเค เข้าสู่หมวดน้ำแล้วนะคะ
               เราและสหายร่วมทุกข์จองตั๋วชัยภูมิทัวร์ไปรอบห้าทุ่มค่ะ แต่ว่า...พอมาถึงหมอชิต เจ้แกกลับบอกว่าไม่มีชื่อ ต้องตีตั๋วใหม่ เลยได้รอบ23.45 ดีเหมือนกันค่ะ ไปถึงที่นู้นสว่างเลย


หลังจากนั่งรถ5ชั่วโมงไปถึงสามแยกบ้านไร่ประมาณ6โมงเช้าค่ะ พอลงรถ เราจำได้ว่าในพันทิปเคยเขียนไว้ว่ามีพี่วินรับส่งเข้าอุทยาน แต่ว่าสงสัยเราถึงเช้าไป ไม่เจอพี่วินค่ะ รอบๆเงียบและว่างเปล่า

แต่เราโชคดีมากค่ะ ยืนเอ๋อไม่นานก็มีรถของพี่ที่ขายกาแฟในอุทยานจอดแล้วเรียกพวกเราไปกับเขาค่ะ ร้านพี่เขาขายเครื่องดื่มอยู่ข้างๆซุ้มขายตั๋วรถอุทยานเลยค่ะ

พอมาถึงอุทยานเราอยากเช่าเต้นท์ก่อนค่ะ จะได้วางของไว้ ปรากฏว่าศูนย์บริการนะกท่องเที่ยวยังไม่เปิดค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หลังจากยืนเอ๋อรอบสอง เพื่อนเราหิวเลยไปหาอะไรกินก่อน ตาก็ไปเห็นร้านสวัสดิการค่ะ ดิ่งตรงเข้าไปเตรียมซัดโฮก แต่แม่ค้าแกบอกว่ายังไม่ขายจ้าาาา ด้วยความจากกินข้าวขั้นสุด พวกเราเลยไปแลกคูปองอาหารแล้วนั่งรอค่ะ มื้อเช้าจบที่ข้าวกะเพราหมูไข่ดาวกันค่ะ(45บาท)

ท้องอิ่มแล้วก็กะว่าจะศูนย์บริการฯน่าจะเปิดแล้วแหละ(8โมงกว่าละ) เปิดจริงค่ะ แต่ยังเช่าไม่ได้ พี่แกบอกว่าเช้าไป ให้มาอีกทีตอนเที่ยง ตอนนั้นเรากับเพื่อนเราทำใจแล้วว่าต้องแบกของไปเที่ยวแล้วละ แต่พี่แกใจดีค่ะ ให้ฝากของไว้ที่ศูนย์ฯได้ค่ะ
หลังจากฝากของ พวกเราก็เดินไปซื้อตั๋วเข้าอุทยานคนละ40บาท ตั๋วรถคนละ30บาทค่ะ ขึ้นรถกันเลยยยยย

ระหว่างที่นั่งรถ จะมีน้องๆยุวมัคคุเทศน์ช่วยแนะนำสถานที่ต่างๆในอุทยาน น้องๆแต่ละคนมีลีลาการพูดแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น
       คุณน้อง: แถวนี้นะคะเป็นป่าเต็งรังค่ะ แล้วต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นพระไม่สู้ค่ะ
       ข้าพเจ้า: งงอยู่
       คุณน้อง: ต้นพยอมค่ะ(ต้นพระยอม)
       ข้าพเจ้า: เอิ่มมมมมม

อุทยานแห่งชาติป่าหินงามมีจุดเที่ยวหลักๆ3จุดคือ
           1.ผาสุดแผ่นดิน 2.ทุ่งดอกกระเจียว 3.ป่าหินงาม

วิธีการเที่ยวของเราค่อนข้างฮาร์ดคอร์และบ้าพลังมากค่ะ เราลงรถที่ผาสุดแผ่นดิน ลงรถปุ๊บเจอป้ายอันใหญ่สะดุดตาเลยค่ะ
           เราก็เดินไปดูสายหมอกยามสาย วิวทิวทัศน์เขียวชอุ่ม แล้วก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปตรงชะง่อนผาด้วย ฮ่าๆๆๆ ไม่น่ากลัวค่ะ เดินเข้าไป หย่อนก้น ฉีกยิ้ม เสร็จสมบูรณ์ค่ะ

ทีนี้ระหว่างเดินเล่นดูวิว ก็ดันไปเห็นทางป่าเล็กๆเข้าไป เราก็รักเพื่อนมาก เฮ้ เธอ เข้าไปสำรวจกันเหอะ

ข้างในเป็นป่าเงียบๆตลอดระยะทาง1.7กิโลเมตรค่ะ มีทุ่งดอกกระเจียวขาวกับดอกกระเจียวแซมๆตลอดทางค่ะ



พอเดินสุดทางจะออกมาที่ทุ่งดอกกระเจียวพอดีค่ะ(แต่เป็นทางเดินย้อนขึ้นไป เมื่อยหน่อย) พวกเราก็เดินไปดูดอกกระเจียว ปีนี้ฝนมาช้า ดอกไม้เลยเพิ่งเบ่งบาน อ่อใช่ ปีนี้เทศกาลดอกกระเจียวมียาวถึงเดือนต.ค.นะคะ ตอนที่เราไปดอกไม้เพิ่งบานขึ้นมาค่ะ

เราก็เดินไปถ่ายรูปไปตามประสา เจอคนลงไปเดินบนทุ่งดอกกระเจียวประปราย(อย่าลงไปเลยนะ -/\-) เดินจนทั่วแล้วเราก็ค้นพบมีทางจากผาสุดแผ่นดินมาที่ทุ่งระยะทาง750เมตร ฮ่าๆๆๆๆ ด้วยความบ้าพลังเลยเดินย้อนขึ้นไปค่ะ


เดินย้อนไปย้อนมา สุดท้ายเราก็เดินมาทางทุ่งดอกกระเจียวรอรถไปป่าหินงามค่ะ เที่ยวในอุทยานไม่ต้องกลัวหิวเลยค่ะ มีร้านค้าตลอดทาง ถึงป่าหินงามเราก็สวมวิญญาณหงอคงปีนป่ายหิน ปีนจนเพื่อนเอือม+ฝนจะตก เลยนั่งรถลงมาที่จุดเริ่มต้นค่ะ

ไปติดต่อเช่าเต้นท์ ราคารวมชุดถุงนอน1ชุด=285บาท ไม่ต้องกางเองค่ะ พี่ที่ศูนย์จะให้ป้ายจองมาใบนึง แล้วเราเดินไปเสียบในช่องเต้นท์ที่ชอบได้เลยค่ะ
ห้องน้ำห้องท่า เท่าที่สำรวจเจอห้องอาบน้ำ2ห้อง ที่เหลือเป็นห้องส้วม น้ำเป็นสีโคลน ขมๆหน่อย แต่สะอาดดีค่ะ(คหสต)

เย็นวันนั้นเราไปเจอขุมทรัพย์ของกินค่ะ ร้านอาหารชาวบ้านค่ะ ฮ่าๆๆๆ ให้เดินจากที่ขายตั๋วเข้าอุทยานลงมาเรื่อยๆค่ะ ก็จะเจอเอง อาหารที่ขายเป็นอาหารอีสานซะส่วนใหญ่ค่ะ มื้อเย็นด้วยความหิวประดุจหมาไฮยีน่า เราจัดปลานิลเผาไป2ตัวเลยค่ะ

กลางคืนฝนตกทั้งคืนเลยค่ะ เบาบ้างหนักบ้าง ขณะที่กำลังนอนฟังเสียงฝนเพลินๆ เพื่อนร้องจ๊ากขึ้นมา เต้นท์รั่วจ้าาา ฝั่งเพื่อนฝั่งเดียวด้วย คืนนั้นเพื่อนเลยต้องกางร่มนอนค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

เช้าวันที่2 เพราะฝนที่ตกทั้งคืน ตอนเช้าหมอกจัดเลยจ้า ตอนแรกนึกว่าsilent hill พวกเรารีบล้างน้ำแปรงฟันแล้วขึ้นผาสุดแผ่นดินอีกรอบค่ะ หมอกจัดเต็มมากค่ะ จัดเต็มจนมองอะไรไม่เห็นเลย สวยไปอีกแบบค่ะ


หลังจากนั้นเราเดินเส้นทาง750เมตรกลับไปที่ทุ่งดอกกระเจียวค่ะ อาจจะเพราะฝนเมื่อวานก็ได้ ดอกไม้เยอะขึ้นค่ะ สีชมพูสวยสดงดงาม หลังจากถ่ายรูปจนแบตใกล้หมดแล้ว เราก็กะจะปีนหินที่ป่าหินงามต่ออีกรอบค่ะ แต่เพื่อนไม่โอเคเลยลงไปที่จุดเริ่มต้นกินข้าวเช้ากับช้อปปิ้งค่ะ

กินเสร็จก็คืนเต้นท์หาทางกลับไปข้างนอกค่ะ เวลาวัดใจมาถึงแล้วฮะ ก่อนหน้านี้ได้รับคำแนะนำจากคุณป้าขายเสื้อภูไทว่าให้ไปเคลมชื่อแกเลย เดี๋ยวก็ได้รถ แต่มันไม่ฮาร์ดคอร์พอค่ะ พวกเราเลยโบกเอง 1คัน2คัน3คัน งานงอกละไม่มีใครรับพวกเราเลย และแล้วความกลัวไม่ได้กลับบ้านก็ชนะความบ้าซะทีค่ะ พวกเราไปติดต่อจนท.อุทยานเหมารถไปส่งเราที่ท่ารถ ราคา400บาท(ตอนแรกนึกว่าท่ารถอ.เมือง)แต่ปรากฏว่าพามาส่งที่เทพสถิตค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
พอถึงท่าเทพสถิต เราผู้ที่ยังช็อกกับคำว่าท่ารถเทพสถิตก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่แหม่ม เปลี่ยนเที่ยวรถให้ค่ะ ก่อนขึ้นรถพี่แหม่มก็สอนวิธีเดินทางมากมายเลยค่ะ หนูสำนึกผิดแล้ววววว



แต่แล้วในที่สุดพวกเราก็สามารถขึ้นรถที่เปลี่ยนรอบแล้วกลับกรุงเทพได้ค่ะ(5ชั่วโมงยาวๆ) ตบมือ แปะๆๆๆๆๆๆ

จบการรีวิวทริปบ้าเลือดบ้าพลังไว้เพียงเท่านี้ค่ะ ถามว่าเข็ดกับทริปบ้าเลือดแบบนี้ไหม...ไม่เลยค่ะ มันส์ดี
ขอบคุณที่อ่านนะคะ สงสัยอะไรเม้นทิ้งไว้ได้เลยค่ะ
ชื่อสินค้า:   อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่