[CR] เมื่อ 2 สาวที่ไม่มี plan ใดๆอยากไปสัมผัสชีวิต Slow Life ที่หลวงพระบาง

ขอออกตัวไว้ก่อนนะคะ รีวิวนี้เป็นรีวิวการท่องเที่ยวรีวิวแรกใน pantip เมื่อก่อนเวลาอยากเที่ยวที่ไหน pantip จะเป็นหนึ่งแหล่งข้อมูลที่เรามักจะเข้ามาหาข้อมูล ดังนั้นเราก็อยากตอบแทน + กับอยากแชร์ ประสบการณ์จากการเดินทางกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในห้องบลูแห่งนี้เช่นกัน เลยเขียนรีวิวนี้ขึ้นหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ

การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นมาจาก คนปีชงคนนึงที่แน่นอนว่าอะไรๆก็ไม่ได้ดังใจไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องสภาพจิตใจ ปัญหาที่เจอ รวมกับปัจจัยหลายๆสุดท้าย เลยตัดสินใจ หยุดพัก และมองหาสถานที่ที่เวลาสามารถเดินช้าลง ไม่เร่งรีบ และ slow life สถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ให้สามารถไปเก็บพลังกลับมาสู้ใหม่ สถานที่นั่นคือ
v
v
v
v
v
v
v
หลวงพระบาง



ตอนแรกก็ไม่ได้บอกใครว่าจะไปแต่ด้วยความที่เพื่อนสาวสุดสนิทมันรู้สถานการณ์และเป็นห่วง + กับที่ตัวมันเองก็อยากไป ทริปนี้จึงเกิดขึ้น การเตรียมตัวสำหรับทริปนี้บอกเลยว่าใช้เวลาน้อยมาก น้อยมากจริงๆ เมื่อเทียบกับทริปอื่นๆที่ไปมา ทริปนี้หาแค่ข้อมูล รถขาไป โรงแรมที่จะนอนในคืนที่ 2 (แล้วคืนแรกหล่ะนอนไหน? อยากรู้ต้องตามอ่าน) กับเงินอีก 6,000 บาท จากนั้นก็ออกเดินทาง

วันที่ 1
เป็นคืนวันเสาร์ที่ 25 มกราคม (ทริปนี้ไปเมื่อต้นปี 2558 ตอนนี้กลับมาแล้วก็ยังคิดถึงอยู่)ด้วยความที่ต้องไปทำธุระก่อนดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะกลับมาเก็บของอาบน้ำและออกจากบ้านก่อน 6 โมงเย็นแต่ด้วยการจราจรในกรุงเทพอย่างที่รู้ๆกัน ทำให้กลับมาถึงตอน 1 ทุ่มครึ่ง ส่วนรถที่จองไว้ออกตอน 3 ทุ่ม!!! จะรออะไรหล่ะ รีบสิค่ะ เก็บของทุกอย่างอาบน้ำแต่งตัวเสร็จภายใน 30 นาทีจากนั้นเรียกแท็กซี่ให้เหาะไปยังนครชัยแอร์ตรงจตุจัตร ให้ทันก่อน 3 ทุ่ม พี่คนขับก็แสนจะรู้ใจพอบอกแค่นั้นแหละ พี่แกจัดให้เลยจ้า ถึงก่อน 3 ทุ่มจริงๆ คืออีก 10 นาที 3 ทุ่ม ถึงอย่างฉิวเฉียด แค่เริ่มต้นก็ระทึกแล้วมั้ยหล่ะ

วันที่ 2

หลังจากที่พนักงานนครชัยเอาขนม น้ำ นม มาเสริฟ พวกเราก็เป็นย้อนกลับไปเป็นเด็กอนุบาลอีกครั้ง กินเสร็จ เข้าห้องน้ำไปบ้วนปาก กลับที่แล้วก็นอน  ตืนเช้ามาอีกทีรถก็ใกล้ถึงขนส่งอุดรแล้วหลักจากลงที่ขนส่งเราก็ไปเข้าแถวซื้อตั๋วรถบัสไปเวียงจันทร์ค่ารถคนละ 80 บาท หลังจากซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็ไปหาข้าวเช้ากินกันแถวๆนั้น พอใกล้เวลารถออกก็เดินไปรอจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์


และที่ด่านนี่เองก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั่นก็คือ ตกรถ!!! คือรถ เทียวนี้เป็นเที่ยวรถของลาวดังนั้นเค้าจึงไม่มีใบผ่านด่านให้กรอกตั้งแต่อยู่บนรถ ต้องไปยืนกรอกที่ด่าน แน่นอนว่าคนก็เยอะกว่าจะผ่านด่านกว่าจะแลกตังค์เสร็จชะนี 2 นางก็ตกรถเสียแล้ว เอาหล่ะสิทำไง จากการที่อ่านข้อมูลมาน้อยนิดเค้าบอกว่ามันมีรถตรงด่านไปถึงขนส่งได้แต่ขึ้นอยู่กับการต่อราคา ฉันก็ใช้ทุกกลเม็ดในการต่อ จนสุดท้ายเสียไปคนละ 100 บาทจากด่านไปยังขนส่งสายใต้ที่เวียง
จันทน์ ยัง ยังไม่พอตอนที่คุยกับคนขับรถสองแถวเล็กเค้าบอกว่าถ้าเราจ่ายที่ราคานี้รถจะออกเลย และมีแค่เรา 2 คนกับอีก 3 คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น แต่ความจริงคือ พี่คนขับโกหกเรา T^T กว่าจะได้ออกก็อีก 20 นาที และคนที่ไปกับเราไม่ใช่แค่ 3 แต่เป็นเต็มรถ!!! ไอ้เราใจห่วงของที่อยู่ในกระเป๋าที่อยู่บนรถ ก็ได้แต่เร่งพี่คนขับ ในที่สุดรถที่ (เหมือนเราจะเหมามา)ก็มาถึงหลังจากรถบัสถึง 15 นาที ด้วยความรีบเลยวิ่งไปหาพี่คนขับพอพี่คนขับเห็นเราเท่านั้นแหละเค้าพูดเลยว่ากระเป๋าน้องอยู่ที่ห้องขายตั๋ว แทบไม่ต้องถามให้มากความหลังจากขอบคุณพี่เค้าแล้วพวกเราก็ไปที่ห้องขายตั๋วทันทีพร้อมกับยื่นตั๋วรถให้เค้าดูว่าเรามากับรถเทียวนี้จริงๆนะ อะไรแบบนี้ ป้าที่อยู่ในช่องขายตั๋วมองหน้าแป๊บนึงก็บอกให้เดินเข้าไปเอากระเป๋าข้างใน



จากเหตุการณ์นี้สอนให้รู้ว่า ต้องรีบ ต้องตรงเวลา เพราะรถบัสจะไม่รอคุณ และถ้าคุณตกรถไม่ต้องตกใจเพราะรถบัสจะเก็บกระเป๋าให้คุณที่ห้องขายตั๋วเพียงแค่คุณเก็บตั๋ว และบัตรฝากกระเป๋าอยู่กับตัวคุณเป็นพอ!!!

หลังจากได้กระเป๋าคืนมาแล้วก็นั่งพัก และตัดสินใจต่อว่าจะเอายังไง สรุปได้ว่าจะไปจองรถที่จะไปหลวงพระบางกันก่อน เอาหล่ะสิงานเข้า เพราะเราหาข้อมูลมาแค่ถึงขนส่งสายใต้ของเวียงจันทน์เท่านั้น 0_0 คราวนี้ก็ต้องงัดเอาประสบการณ์ สัญญาณมาใช้โดยการถามสิ ถาม ตอนแรกถามคนที่อยู่แถวนั้นเค้าบอกให้ไปรถตู้บ้างหล่ะ ให้เหมารถคล้ายๆรถสกายแลปบ้านเราไปที่ขนส่งสายเหนือแล้วไปซื้อตั๋วที่นั่นบ้างหล่ะ แต่ก็อย่างว่าราคาย่อมแพงมหาโหด ดังนั้น เราก็เพื่อนเลยตัดสินใจเดินไปหาป้าที่ช่องขายตั๋วอีกครั้งและก็ถามว่ามีรถคันไหนไปที่ขนส่งสายเหนือบ้าง ป้าแกก็ใจดีบอกว่าให้นั่งรถสาย 139 ไปราคาแค่ 20,000 กีบ หรือประมาณ 20 บาทซึ่งถูกกว่าสกายแลปเกือบ 10 เท่าตัว เรากับเพื่อนก็ไม่รอช้าเดินไปหาจน เดินไปอีกประมาณ 2 ล็อคจากจุดที่รถบัสจากอุดรจอด





จากนั้นก็ไปถามลุงคนขับว่ารถคันนี้ไปสายขนส่งสายเหนือหรือเปล่าลุงบอกว่าไปๆ ขึ้นเลยรถจะออกแล้ว ไอ้เราก็รีบสิเดี๋ยวตกรถอีก แต่พอขึ้นไปนั่งอีกเกือบครึ่งชั่วโมงลุงแกเพิ่งจะออก -..-





พอถึงเราก็ไปซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋ว ก่อนซื้อต้องอ่านดีๆนะ เพราะมันมีไปหลายสายมากคือถ้าบอกผิดนี่พาไปคนละจังหวัดเลยทีเดียว สำหรับตั๋วที่เราซื้อเป็นตั๋วรถนอน (ภาพในหัวคือนครชัยแอร์ลอยมาเต็ม สบายแล้ว) แต่ความจริงกับความคิดมันต่างกันมาก! ถ้าอยากรู้ว่าต่างกันอย่างไงโปรดติดตามอ่านตอนต่อไป



หลังจากซื้อตั๋วเสร็จเราก็หาอะไรกินที่ขนส่งเพราะมันเที่ยงแล้วเริ่มหิวกันแล้วดังนั้นจึงไปจบลงที่ร้านเฝ่อ จากนั้นก็นั่งรถปอสาย 139 กลับมาที่ขนส่งสายใต้อีกครั้งเพื่อจะไปเที่ยวในเวียงจันทร์และจากการต่อรองสรุปเราก็ได้เหมารถสกายแลปคิดเป็นเงินไทยราคา 450 บาท ต่อ 2 คนไปเที่ยว 4 ที่ โดยที่แรกที่ไปก็วัดศรีเมืองที่นี่ไม่ได้ถ่ายรูป จากนั้นก็ไปหอพระแก้ว



ตามด้วยพระธาตุหลวง







และจบด้วยประตู ซึ่งทั้ง 4 ที่นี้อยู่ไม่ไกลกันเลย







หลังจากเที่ยวครบทั้ง 4 ที่แล้วก็ให้สกายแลปไปส่งที่ขนส่งจากนั้นก็เดินข้ามฝากไปซื้อ sim card และที่นี่เองที่เพื่อนสาวของฉันต้องจ่ายราคาซิมเป็น 2 เท่าเป็นเพราะไม่เข้าใจระบบ sim บ้านเค้า หลังจากที่จัดการเรื่อง sim card เสร็จพวกเราก็นั่งรถปอ.139 ไปที่ขนส่งสายเหนืออีกครั้งเพื่อเตรียมตัวไปขึ้นรถ รถออก 6 โมงเย็น แน่นอนว่าหลังจากที่เดินเหงื่อไหลไคลย้อยกันมาทั้งวันก่อนที่จะขึ้นรถนอนพวกเราก็อยากอาบน้ำกันเป็นธรรมดาและที่นี่เค้าก็มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำไว้ให้บริการด้วย



อันนี้ห้องอาบน้ำ



หลังจากที่พวกเราเช็ดตัวล้างหน้ากันแล้วก็ถึงเวลาเตรียมขึ้นรถ และนี่คือรถนอนของเรา





แต่พอขึ้นรถไปเท่านั้นแหละเราก็ถึงกับ อึ้ง ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึ๋ง ตึงงงงงงงงง เพราะมันคือ รถนอนจริงๆคือมาเป็นหมอนมาเป็นเบาะเลย และที่พลาดที่สุดคือ พวกเราดันเลือกนอนข้างล่าง TT หากใครอยาลองมานอนดูขอแนะนำว่าให้นอนข้างบนและกินยาแก้เมารถไว้ด้วย และนี่ที่นอนเรากับเพื่อน



หลังจากรถออกพวกเราก็หลับเอาแรง และรู้สึกตัวอีกทีตอนตีหนึ่งกว่าๆ เพราะรถหยุดและได้ยินเสียงทุกคนเดินลงจากรถไปเข้าห้องน้ำและกินเฝ่อ อันนี้เค้าให้กินฟรีโดยเอาหางตั๋วรถไปยื่น แต่ถ้าใครไม่กินเฝ่อจะแลกเป็นขนมหรือน้ำอัดลมก็ได้แต่เราแลกเฝ่อมา 1 ชามดังที่เห็นนี้ จะว่าไปการได้กินเฝ่อแบบนี้มันฟินสุดๆ เพราะตกกลางคืนอากาศหนาวช่วงที่เราไปเป็นช่วงเดือนมกราคมอากาศยังคงหนาวถึงจะหนาวไม่มากอยู่ที่ 16 องศาแต่ก็ถือว่าเย็นกว่าประเทศไทย ส่วนคนไหนไม่กินก็อาจจะเดินซื้อของ









หลังจากกินเสร็จก็ขึ้นรถและเดินทางทางต่อ


สำหรับคืนนี้ขอจบวันที่ 2 ไว้แค่นี้ก่อนนะคะเดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อวันที่ 3 กันค่ะ
ชื่อสินค้า:   หลวงพระบาง-เวียงจันทร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  บันทึกนักเดินทาง เที่ยวต่างประเทศ Backpack หลวงพระบาง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่