ถ่านหินกับก๊าซธรรมชาติ,,,, ความจริงคือ

เรื่องจริงของถ่านหิน กับ natural gas





ข้อดีของธรรมชาติคือการให้อย่างเต็มใจ เพราะธรรมชาติมีครบทุกอย่าง จนเราเหล่าสัตว์โลกไม่สามารถอยู่โดยไม่มีธรรมชาติได้ จากภาพข้างบนเจ้าของบล๊อคไม่ได้แต่งแต้มเพื่อเติมสีสันของภาพให้ดูสวยงามมากขึ้น แต่ภาพธรรมชาติที่ออกมาเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้ให้ได้ชื่นชมอย่างที่เป็น

มีผู้อ่านหลายท่านที่คิดว่า ภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่ไกลตัว จริงๆแล้วเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามาก

ลองคิดดูว่า หากเราเปรียบโลกเป็นเหมือนหม้อใบใหญ่ที่บรรจุน้ำเกือบเต็ม เปรียบเปลวเทียนที่ส่งความร้อนอยู่ใต้หม้อเหมือนกับคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ( CO2 ) และเปรียบมนุษย์และสรรพสิ่งบนโลกนี้เป็นเหมือนแบ็ททีเรียที่อาศัยอยู่ในน้ำของหม้อใบนั้น เมื่อนำหม้อน้ำใบใหญ่นี้ตั้งอยู่บนเปลวเทียนจำนวนหลายเล่มที่ส่งความร้อนพร้อมๆกัน และนานเท่าๆกัน ท่านผู้อ่านคิดว่า ,,,, น้ำในหม้อใบใหญ่นี้จะร้อนขึ้นไหม ? แล้วเมื่อเพิ่มจำนวนเปลวเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านผู้อ่านคิดว่า แบ็ททีเรียที่อยู่ในหม้อจะรู้สึกถึงความร้อนที่ได้จากเปลวเทียนไหม ?

เมื่อหม้อใบใหญ่ถูกเปลวไฟจากเทียนเผาไหม้จนทำให้ผิวของหม้อสัมผัสความร้อนจากเปลวเทียน และเมื่อผิวหม้อเก็บความร้อนมากๆเข้า ความร้อนจากผิวหม้อจะแพร่กระจายความร้อนไปยังน้ำที่อยู่ภายในหม้อ เมื่อผิวของหม้อส่งความร้อนที่เหลือไปหาน้ำที่อยู่ในหม้อ พร้อมกับเมื่อจำนวนเปลวเทียนถูกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวของหม้อที่ร้อนอยู่แล้ว ก็จะร้อนขึ้นอีกเป็นหลายเท่า คราวนี้ผิวหม้อจะทำหน้าที่แค่ผ่านความร้อนจากเปลวเทียนไปยังน้ำในหม้อโดยตรง หากน้ำในหม้อไม่มีการเติมเพื่อลดความร้อนที่จะเกิดตามจำนวนเปลวเทียนที่ถูกเพิ่ม ความร้อนที่ได้จากเปลวเทียนจะทำให้น้ำในหม้อร้อนจนเดือดในที่สุด แบ็ททีเรียที่อาศัยอยู่ในน้ำต่างก็รู้สึกถึงความเดือดของน้ำ และทำให้แบ็ททีเรียปรับตัวไม่ได้เพราะความเดือดของน้ำเผาไหม้ความเป็นแบ็ททีเรีย จนในที่สุดแบ็ทที่เรียต้องสิ้นชีวิต

หากเรานำการยกตัวอย่างที่กล่าวมาเปรียบเสมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกอยู่ในขณะนี้ คือ CO2 ( คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ) คือความร้อน ต้นไม้ น้ำทะเล และดิน เป็นขั้นตอนการเติมน้ำที่จะขจัดความร้อน เมื่อปริมาณ CO2 ที่อยู่ในอากาศ เพิ่มขึ้นเหมือนเปลวเทียนที่เพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ คงจะมีสักวันที่ธรรมชาติ ต้นไม้ ทะเล พื้นดินไม่สามารถดูดและกักเก็บ CO2 ไว้ได้อีก แต่กลับปล่อย CO2 ล่องลอยอยู่ในอากาศแทน เมื่อ CO2 มีมากเหมือนกับเราเพิ่มความร้อนให้กับโลก ความร้อนไหม้ ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลก ต้องจบสิ้นเพราะทนต่ออากาศที่ร้อนเผาไหม้ไม่ได้ คงจะเป็นวันที่เราเผ่ามนุษย์ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้จากโลกอีก

ข้อมูลจาก Wikipedia ได้กล่าวว่า Coal หรือถ่านหิน เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่โลกใช้กันมากที่สุด และนับว่าเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (CO2) ที่มากที่สุดอีกด้วยเพราะทุกคนต่างพึ่งไฟฟ้าในการดำรงค์ชีวิต ในปี 1999 ปริมาณการปล่อย CO2 ของโลกที่มาจากการเผ่าถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าวัดได้ 8,666 ล้านตัน ต่อมาในปี 2011 ปริมาณ CO2 วัดได้อีกจากการใช้ถ่านหินผลิตกระแสไฟฟ้า ปริมาณ CO2 ในอากาศคือ 14,416 ล้านตัน ทุกๆครั้งที่เราเปิดใช้ไฟฟ้า ทุกเมกกาวัตต์ถ่านหินส่ง คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ไปในอากาศ 2,000 pounds นี้คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอเมริกา หากเปรียบจากการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ natural gas การผลิตไฟฟ้าจำนวนเท่ากัน แต่ natural gas ปล่อย CO2 1,100 pounds ลดลงเกือบครึ่ง ด้วยเหตุผลนี้ในปี 2012 อเมริกาจึงลดการปล่อย CO2 ไปมากกว่าครึ่ง ในปี 2013 หัวหน้า the UN climate agency กล่าวว่า ถ่านหินที่เหลืออยู่บนโลกนี้ ควรทิ้งไว้ให้อยู่ที่ควรอยู่คือใต้ดิน เพราะ to avoid catastrophic global warming.

ที่มา wikipedia
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่