วีซ่าเมกา ไม่ยากอย่างที่คิด

ตามหัวข้อเลยค่ะ ไม่อยากอย่างที่คิดแต่ยากมากกกกกก

เริ่มแรกเลยน้องสาวเราไปเรียนต่อที่เมกา แล้วเราก็เพิ่งไปเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลีกับเพื่อนๆ มา โดนน้องสาวบ่นว่าทำไมไม่มาอเมริกามั่ง 5555 จี๊ดค่ะ

ก่อนหน้านี้เพื่อนสนิทเราไปขอวีซ่ามา นางบอกว่าหินมาก ถึงขนาดต้องเตรียมเอกสารหลายเดือน ยอมจดทะเบียนสมรสกับสามีนาง สปอยเราเยอะอ่ะ

เราเลยมาเปิดอ่านหาข้อมูลในพันทิพเพื่อนยากนี่แหล่ะ ผลคือจิตตกกลัวไม่ผ่านแล้วจะเสียเงินเปล่าๆ พอดีช่วงนั้นมีเรื่องที่ออฟฟิศด้วยเลยตัดสินใจว่า

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

ทำงานมา 10 ปีใครคิดว่าจะมั่นคง ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า หาข้อมูลมาเตรียมเอกสารโฉนดที่ดิน ใบกู้ยืมการผ่อนบ้าน ภาระหนี้สินมีอะไรขนไปให้หมด สมุดบัญชีเงินเดือน เงินออม กองทุน ฯลฯ

เสร็จแล้วก็ไปกรอกข้อมูลในเวป อีตอนกรอกนี่แนะนำว่าต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อม ควรมีข้อมูลเมืองที่จะไป โรงแรมที่คาดว่าจะไปพัก โลเคชั่นคร่าวๆ ด้วยหลังจากนั้นก็เอาเงินไปจ่ายที่กรุงศรี เก็บใบเสร็จไว้ แล้วก็มาลงทะเบียนจองวันสัมภาษณ์อีกทีค่ะ

ถึงขั้นตอนนี้เพื่อนๆ คงคิดว่าง่าย แต่มันยากมากค่ะ เพราะภาษาอังกฤษเรานี่ง่อยมากกกก แต่โชคดีเวปของเค้ามีแปลภาษาไทยให้ด้วยยยย แต่ก็เป็นไทยแบบง่อยๆ อ่ะค่ะ พอเดาถูกมั่งไม่ถูกมั่งตามนั้น ขั้นตอนการนัดก็ไม่มีไร เลือกวันและเวลาได้เลยเค้าจะมีภาพกว้างให้เราเห็นเลยว่าวันไหน ช่วงเวลาไหนมีคนจองไปกี่คนแล้ว แต่ขอแนะนำนิดนึงนะคะ ให้เลือกแบบเช้าสุด เพราะเจ้าหน้าที่คงยังไม่เจอคนมากและยังคงอารมณ์ดีออกจากบ้านมา 5555+ ไม่นับว่าวันไหนทะเลาะกับแฟนมานะคะ

เราเลือกรอบ 7 โมง เค้าแนะนำให้ไปก่อนเวลาสักครึ่งชม. เราเลือกเอารถไปจอดที่ รฟม. นั่งใต้ดิน ต่อ BTS แล้วเดินชิลๆ ไปค่ะ คิดว่าตัวเองไปเช้าแล้ว ยังมีคนที่ไปก่อนเราอีก ก็เข้าแถวด้านหน้าสถานทูตไป จังหวะนั้นเจอน้องผู้หญิงน่ารักคนนึงก็เลยทักทายไป คุยกันไป เคล็ดลับอีกจุดนึงของเราว่าตรงนี้ค่ะ พยายามคุยกับคนที่ไปขอวีซ่าด้วยกันเราว่ามันจะทำให้คลายความเครียดไปได้เยอะเลย อ้อตอนนั้นเจ้าหน้าที่จะมีบอกขั้นตอนคร่าวๆ ฟังให้ดีๆ แกพูดเร็วมาก

นิดนึงค่ะเตรียมกระเป๋าไปใหม่ให้พร้อม ของไม่จำเป็นเอาออกให้หมด ที่สำคัญ Power Bank เอาเข้าไปไม่ได้นะคะ ตอนแรกเรากะน้องผู้หญิงก็ตกใจ แต่เห็นมีผู้ชายยืนรับฝากของอยู่ด้านหน้า ยังไงก็ต้องไว้ใจเค้านะคะ ไม่งั้นต้องเดินเอาไปฝากแถวๆ สี่แยกซึ่งไกล และคิวอาจจะหลุดได้ค่ะ เรียงเอกสารให้พร้อม แล้วก็เข้าไปฝากกระเป๋า อนุญาตให้ถือแต่เอกสารเข้าไปเท่านั้นนะคะ

เรากะน้องผู้หญิงก็เข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ 55555+ เข้าไปจะมีส่วนคัดแยกอะไรซักอย่างจำไม่ได้ละ ส่งเอกสารให้เค้าตรวจแล้วก็นั่งรออีกแพพ ก็จะมีเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปในห้อง เดินเรียงๆ กันไปรอตรวจเอกสาร รูปตรงกับหน้ามั๊ยอะไรประมาณนั้น ขั้นตอนนี้จะมีไมค์อยู่บนหัวที่เรายืนอยู่ ฉะนั้นอย่ายืนใกล้ตู้เจ้าหน้าที่จนเกินไป เพราะเค้าจะไม่ได้ยินเสียงเรา แล้วก็เข้าคิวสัมภาษณ์ได้เลย

ตื่นเต้นๆ คิวค่อยๆ เลื่อนไปทีละคนๆ จนถึงเรา อุ๊ย...คนสัมภาษณ์เป็นหนุ่มเกาหลีด้วย เดาเอาอ่ะนะ

จนท. : สวัสดีครับ จะไปทำอะไรครับ
เรา    : ไปเที่ยวค่ะ
จนท. : ไปกี่วันครับ
เรา    : น่าจะประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ
จนท. : ไปประเทศไหนมามั่งละครับ
เรา    : เกาหลี ญี่ปุ่น ค่ะ
จนท. : ครับ ผ่านครับ
เรา    : ห๊ะ...ผ่านแล้วหรอคะ
จนท. : ครับ เดี๋ยวพาสปอร์ตจะส่งคืนไปให้ที่บ้านนะครับ
เรา    : ขอบคุณนะคะ

เดินออกมาแบบงงๆ สิ่งที่กลัว สิ่งที่กังวล หายไปหมดสิ้นนนนนนน กดโทรศัพท์หาน้องที่เมกา ชั้นได้มากแล้ววววววว กดไลน์บอกเพื่อนสาว แก๊....ชั้นได้มาแล้ว ไม่เห็นยากอย่างที่คิด 5555+

หลังจากนั้นไม่เกิน 2 อาทิตย์ ได้รับจดหมายพร้อมพาสปอร์ต ก็พลิกหาในจดหมายไหนฟระวีซ่า หรือเค้าจะส่งมาให้อีกที หาอยู่เป็นชั่วโมง สุดท้ายมาเจอในพาสปอร์ต 5555 ฟายเอ้ยยชิงด่าตัวเองก่อน เค้าติดมาให้ในพาสเลยค่ะ 10 ปี ปลื้มปริ่มมากกก

สุดท้ายเพลนก็ต้องล่มเพราะลาออกแล้ว เคลียร์งานอีกเดือน กลับบ้านไปซบอกแม่ แล้วก็ได้งาน จนถึงวันนี้น้องสาวยังโทรมาจิ๊กให้ไปอยู่เรื่อยๆ แต่ยัไงได้ก็ต้องเลือกทำงานก่อน ไม่มีงานก็ไม่มีเงินสิ เจ้ขอเก็บเงินอีกแพพนะ เด่วจะตามไปเที่ยวหานะกรี้

ปล.ตกหล่นรายละเอียดไปบ้างใครอยากรู้ก็อินบ็อกซ์มาถามได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่