วันที่ 02 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22:46 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 15846 คน
มอเตอร์ทอล์ก
โดย สันติ จิรพรพนิต
มาถึงตอนสุดท้ายของ "แพะ" คันแรก
จากสัดส่วนผู้ใช้สิทธิ์ทั่วประเทศ 1.13 ล้านราย ข้อมูลของกรมสรรพสามิตแยกให้ว่าผู้ใช้สิทธิ์ซื้อเงินสด 15.21% และสินเชื่อ 84.79%
ณ จุดๆ นี้ผมคงเน้นไปที่กลุ่มสินเชื่อมากกว่า เนื่องจากบทสรุปในวันนี้จะพาดพิงไปถึง "หนี้ครัวเรือน" ที่รถคันแรกโดนกล่าวหามาตลอดว่า เป็นหนึ่งในเหตุที่ทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง จนส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจ
จากตัวเลข 84.79% แปรออกมาเป็นคัน ตกราวๆ 9 แสนคัน
จำนวน 9 แสนคันหากตีเป็นเงินเฉลี่ยคันละราวๆ 6 แสนบาท เนื่องจากรถคันแรกส่วนใหญ่เป็นรถซิตี้คาร์ และอีโคคาร์ ราคา 5 แสนไปจนถึง 7 แสนเศษ รวมถึงปิกอัพบางส่วน
เมื่อหักส่วนลดภาษีสรรพสามิต น่าจะเหลือคันละราวๆ 4 แสนเศษถึง 6 แสนเศษ เมื่อบวกกับปิกอัพที่ราคาใกล้ๆ กัน จึงสรุปให้คร่าวๆ เฉลี่ยตกคันละ 6 แสนบาท
รวมๆ แล้วโครงการรถคันแรกน่าจะมีคนซื้อผ่านไฟแนนซ์ราวๆ 5.4 แสนล้านบาท
หากนับปีเริ่มต้นโครงการคือ 2554 แต่เนื่องจากเป็นปีที่น้ำท่วมใหญ่ทำให้ยอดขายรถไม่มากนัก
จึงขอเริ่มนับจากปี 2555-2556 ถือว่ามีรถคันแรกเข้าไฟแนนซ์มากที่สุด
มาถึงปีนี้คือ 2558 ผ่านไปแล้ว 2-3 ปี นั่นหมายถึงเจ้าของรถผ่อนชำระเงินให้ไฟแนนซ์ไปแล้วราวๆ ครึ่งทาง เพราะปัจจุบันการเช่าซื้อผ่านไฟแนนซ์มักจะผ่อนระหว่าง 4-6 ปีเป็นส่วนใหญ่
เมื่อเทียบกับยอดเงินรวม 5.4 แสนล้าน ผ่อนมาแล้วราวๆ ครึ่งทาง น่าจะเหลือเป็นหนี้ในระบบไฟแนนซ์รวมกันในราว 3-3.5 แสนล้านบาท
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมตีให้แบบเผื่อๆ ว่าปัจจุบันรถคันแรกเป็นส่วนหนึ่งของหนี้ครัวเรือนราวๆ 3.5 แสนล้านบาท
ทีนี้เรามาดูหนี้ครัวเรือนทั้งระบบของประเทศไทยแถลงโดย นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 10.4 ล้านล้านบาท
นายสมหมายแยกให้ด้วยว่าในจำนวนหนี้ทั้งหมดแบ่งเป็น กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย 27% กู้ซื้อรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ 16% หนี้สหกรณ์ 15% หนี้เพื่อการพาณิชย์ทำธุรกิจ 17% รวมกัน 75%
รมว.คลังระบุว่า หนี้ครัวเรือนส่วนนี้เป็นหนี้ที่มีคุณภาพมีหลักประกันในการกู้เงิน
ส่วนที่เหลืออีก 25% เป็นสินเชื่อเพื่อการบริโภค เช่น การศึกษา ทำงานต่างประเทศ ซ่อมแซมบ้าน มีสัดส่วน 19% หนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล อย่างละ 3% รวมเป็น 6%
นายสมหมายแถลงตัวเลขหนี้เสียของหนี้ครัวเรือนโดยรวมทั้ง หมดอยู่ที่ 3.1% หนี้เสียมากที่สุดคือหนี้สินเชื่อบุคคล 4.7% รองลงมาเป็นหนี้เสียเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 3.4%
รมว.คลังไม่ได้บอกตัวเลขหนี้เสียสินเชื่อรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ว่าเท่าไหร่ แต่จากตัวเลขแล้วน่าจะน้อยกว่า 3%
กลับมาดูตัวเลขหนี้รถคันแรกที่ปัจจุบันประเมินไว้ที่ 3.5 แสนล้าน เมื่อเทียบกับหนี้ทั้งระบบพบว่าอยู่ในราวๆ 3% เศษๆ
ไม่ต้องเรียนจบบัญชี หรือเศรษฐศาสตร์ หรือสถิติหรอกครับ แค่ใช้สามัญสำนึกปกตินี่แหละ สัดส่วนหนี้รถคันแรกเทียบกับหนี้ครัวเรือนทั้งระบบอยู่ที่ 3% เศษๆ มันมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ หรือการจับจ่ายของคนไทย
ขนาดที่เป็น "ตัวการสำคัญ" หรือไม่...อย่างไร!??
"แพะ"คันแรก(จบ) - ในคอลัมน์ มอเตอร์ทอล์ก น่าสนใจทีเดียวเผื่อใครยังไม่ได้อ่าน
จำนวนคนอ่านล่าสุด 15846 คน
มอเตอร์ทอล์ก
โดย สันติ จิรพรพนิต
มาถึงตอนสุดท้ายของ "แพะ" คันแรก
จากสัดส่วนผู้ใช้สิทธิ์ทั่วประเทศ 1.13 ล้านราย ข้อมูลของกรมสรรพสามิตแยกให้ว่าผู้ใช้สิทธิ์ซื้อเงินสด 15.21% และสินเชื่อ 84.79%
ณ จุดๆ นี้ผมคงเน้นไปที่กลุ่มสินเชื่อมากกว่า เนื่องจากบทสรุปในวันนี้จะพาดพิงไปถึง "หนี้ครัวเรือน" ที่รถคันแรกโดนกล่าวหามาตลอดว่า เป็นหนึ่งในเหตุที่ทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง จนส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจ
จากตัวเลข 84.79% แปรออกมาเป็นคัน ตกราวๆ 9 แสนคัน
จำนวน 9 แสนคันหากตีเป็นเงินเฉลี่ยคันละราวๆ 6 แสนบาท เนื่องจากรถคันแรกส่วนใหญ่เป็นรถซิตี้คาร์ และอีโคคาร์ ราคา 5 แสนไปจนถึง 7 แสนเศษ รวมถึงปิกอัพบางส่วน
เมื่อหักส่วนลดภาษีสรรพสามิต น่าจะเหลือคันละราวๆ 4 แสนเศษถึง 6 แสนเศษ เมื่อบวกกับปิกอัพที่ราคาใกล้ๆ กัน จึงสรุปให้คร่าวๆ เฉลี่ยตกคันละ 6 แสนบาท
รวมๆ แล้วโครงการรถคันแรกน่าจะมีคนซื้อผ่านไฟแนนซ์ราวๆ 5.4 แสนล้านบาท
หากนับปีเริ่มต้นโครงการคือ 2554 แต่เนื่องจากเป็นปีที่น้ำท่วมใหญ่ทำให้ยอดขายรถไม่มากนัก
จึงขอเริ่มนับจากปี 2555-2556 ถือว่ามีรถคันแรกเข้าไฟแนนซ์มากที่สุด
มาถึงปีนี้คือ 2558 ผ่านไปแล้ว 2-3 ปี นั่นหมายถึงเจ้าของรถผ่อนชำระเงินให้ไฟแนนซ์ไปแล้วราวๆ ครึ่งทาง เพราะปัจจุบันการเช่าซื้อผ่านไฟแนนซ์มักจะผ่อนระหว่าง 4-6 ปีเป็นส่วนใหญ่
เมื่อเทียบกับยอดเงินรวม 5.4 แสนล้าน ผ่อนมาแล้วราวๆ ครึ่งทาง น่าจะเหลือเป็นหนี้ในระบบไฟแนนซ์รวมกันในราว 3-3.5 แสนล้านบาท
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมตีให้แบบเผื่อๆ ว่าปัจจุบันรถคันแรกเป็นส่วนหนึ่งของหนี้ครัวเรือนราวๆ 3.5 แสนล้านบาท
ทีนี้เรามาดูหนี้ครัวเรือนทั้งระบบของประเทศไทยแถลงโดย นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 10.4 ล้านล้านบาท
นายสมหมายแยกให้ด้วยว่าในจำนวนหนี้ทั้งหมดแบ่งเป็น กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย 27% กู้ซื้อรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ 16% หนี้สหกรณ์ 15% หนี้เพื่อการพาณิชย์ทำธุรกิจ 17% รวมกัน 75%
รมว.คลังระบุว่า หนี้ครัวเรือนส่วนนี้เป็นหนี้ที่มีคุณภาพมีหลักประกันในการกู้เงิน
ส่วนที่เหลืออีก 25% เป็นสินเชื่อเพื่อการบริโภค เช่น การศึกษา ทำงานต่างประเทศ ซ่อมแซมบ้าน มีสัดส่วน 19% หนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล อย่างละ 3% รวมเป็น 6%
นายสมหมายแถลงตัวเลขหนี้เสียของหนี้ครัวเรือนโดยรวมทั้ง หมดอยู่ที่ 3.1% หนี้เสียมากที่สุดคือหนี้สินเชื่อบุคคล 4.7% รองลงมาเป็นหนี้เสียเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 3.4%
รมว.คลังไม่ได้บอกตัวเลขหนี้เสียสินเชื่อรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ว่าเท่าไหร่ แต่จากตัวเลขแล้วน่าจะน้อยกว่า 3%
กลับมาดูตัวเลขหนี้รถคันแรกที่ปัจจุบันประเมินไว้ที่ 3.5 แสนล้าน เมื่อเทียบกับหนี้ทั้งระบบพบว่าอยู่ในราวๆ 3% เศษๆ
ไม่ต้องเรียนจบบัญชี หรือเศรษฐศาสตร์ หรือสถิติหรอกครับ แค่ใช้สามัญสำนึกปกตินี่แหละ สัดส่วนหนี้รถคันแรกเทียบกับหนี้ครัวเรือนทั้งระบบอยู่ที่ 3% เศษๆ มันมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ หรือการจับจ่ายของคนไทย
ขนาดที่เป็น "ตัวการสำคัญ" หรือไม่...อย่างไร!??