วันที่เงินเดือนเกิน 200,000 ครั้งแรกในชีวิต

ยาวนะ จะอ่านจริงเหรอ ?
เสริช google ดูโน่นนี่อยู่ มาเจอกระทู้พันทิพเลยลองอ่านดูเล่น ๆ  นึกขึ้นได้เรามี account นี่นา ลอง log in ดู ป้อน password ผิดหลายครั้ง reset password ก็ยังเข้าไม่ได้ ไม่ได้มาหลายปีเลย ที่ไหนได้ User name ก็ผิด อมยิ้ม07
ห้องที่ผมชอบอ่านก็ต้องสีลม พวกชีวิตการทำงาน Sales , Sales IT การทำธุรกิจ อะไรประมาณนี้นะครับ จริง ๆ ผมชอบแนะนำ ชอบสอน
แต่ไม่มีคนมาถาม อยากรู้จัง น้อง ๆ ทำงานใหม่ ๆ คิดอะไรยังไง เรื่องแผนชีวิตการทำงาน ความก้าวหน้า การพัฒนาตัวเอง  ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เรา
ต้องศึกษา เรียนรู้และได้รับคำแนะนำ ผมเองตอนหนุ่ม ( ตอนนี้แค่หนุ่มใหญ่) ไม่ค่อยมีใครแนะนำเพราะหัวดื้อ ไม่ค่อยเชื่อใครมีความคิดเป็นของ
ตัวเอง และก็ไม่เคยเอาเงินตั้งเป็นเป้าหมาย

เข้าเรื่องเลยดีกว่า อายุ 43 แล้วครับ จั่วหัวไว้ว่าเกิน 200,000 นี้มาจาก 3,x00,000 OTE  60/40 ผจก ฝ่ายขายประจำประเทศไทย
บริษัทชั้นนำของโลกแห่งหนึ่ง ถ้าตามนี้คงนึกออกว่า vendor ไม่มีออฟฟิสในเมืองไทย achieved 100% เกินสามแสน ( มีอีกหลายคนที่อยู่ใน
ฟิลนี้ มีรายได้เยอะกว่านี้นะครับ)  ทำงานค่อนข้างอิสระ เจ้านายอยู่สิงคโปร์ (ส่วนใหญ่ก็สิงคโปร์ทั้งนั้น ) พวกนี้หลายคนก็เก่ง ช่วยเหลือ
เป็นเจ้านายที่ดี บางคนก็ Chasing เอาตัวเลขอย่างเดียว ปัญหายิ้มแก้เองตรูไม่เกี่ยว ตรูเอาตัวเองรอดจากนายที่ US เป็นควอเตอร์ ๆ จวนตัวสั่ง
Preload คุ้น ๆ มะ 555

เรื่องเงินและรายได้ที่เป็นตัวเงินไม่ได้เป็นประเด็นหลัก แต่ผมอยากแชร์แง่คิดในการทำงานมากกว่า  เงินที่มากกว่าเดิมหรือว่ามากขึ้นไม่ได้เป็นเครื่อง
ยืนยันว่าเรามีความสุขหรือว่าเราเก่งขึ้น   เงินเดือนเยอะไม่ใช่ความสุขเยอะ  เปลี่ยนงานได้เงินเยอะขึ้นไม่ใช่เก่งขึ้น พวกที่เปลี่ยนงานเรื่อย ๆ
เอาเงินเดือนขึ้นแต่ไม่เก่งขึ้น  ถึงจุดนึงต้องเปลี่ยนฟิวครับ  เพราะสมัยนี้จะรับคนเนี้ยเช็คตรวจสอบกันกระจาย Bad Record ทีนี้เม้าส์กันเละนะครับ
แต่งโปรไฟล์ใน CV หรือ Linkedin เจ๋ง ๆ บวกให้คน referrence ดี ๆ ไม่พอนะ เค้าเช็คกันเยอะกว่านั้น

ทำยังไงเราถึงจะได้เงินเยอะไปนาน ๆ  มีความสุข มีสุขภาพที่ดี มีเพื่อนร่วมงานที่ดี และมีเจ้านายที่ดี ( เรื่องเจ้านายที่ดีนี่ต้องคุยกันยาว )
ถ้าได้ตามนี้ ชีวิตดี๊ ดี เนอะ  ผมเล่า milstone ชีวิตการทำงานผมให้ฟัง แล้วจะสอดแง่คิดไปด้วยแล้วกัน ( ไม่เห็นด้วยไม่ต้องมาเถียงนะ
เพราะมันเป็นความเห็นส่วนตัว )

เอากันตั้งแต่ตอนเด็กเลยดีกว่า ครอบครัวแตกแยกครับ มีแม่รับราชการเลี้ยงลูกสามคน แม่ต้องสอนหนังสือพิเศษหลายที่ ผมช่วยแม่ทุกอย่างเท่าที่
ทำได้ตั้งแต่ช่วยยกของขึ้นรถเมล์ ( แม่เอาของมาขาย ) ที่โรงเรียนที่แม่สอน ขายผลไม้ด้วยนะ ทำรถรับส่งนักเรียน แม่ขับเอง
ตรงนี้เองครับผมถึงเริ่มทำงานเร็ว จบสายพานิชย์ ปวช มาก็ทำงานเลยแล้วเรียนภาคค่ำเอา ปวส คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ปริญญาตรี คอมฯ  
หัวดีคนนึงครับแต่ขี้เกียจนรก ชอบเตะบอล ดูดบุหรี่ตั้งแต่อายุ 15 กินเหล้าเป็น เกเรคนนึงเลย แต่ยังรักดีอยากให้แม่สบาย ช่วงนัไม่มีอะไรต้อง
highlight มาก มีเรื่องนึงคือชอบภาษาอังกฤษ นิสัยส่วนตัวคือ มีความคิดเป็นของตัวเอง ชอบลองผิดลองถูก ( มานึกดูทำไมไม่ถามนะจะได้ไม่ผิด )

เรียนจบจนถึงอายุ 28

จบ IT ครับอยากเป็น programmer ได้ไปอยู่ Bank แห่งนึงทำพวก Data Operator มีเขียนโปรแกรมบ้างเล็กน้อย ใช้คอมต้องโหลด DOS อะ
เงินเดือน 14,000 + ค่าวิชา 4,000  แถมมี OT ด้วยนะรายได้เกือบ 20,000 เกือบ 20 ปีก่อน มันซิครับมีเพื่อนเป็นแก๊งค์เลย คน Bank เหมือนกัน
เละเทะเลยทีนี้  ติดบัตร เที่ยวเล้าน์ เล่นบอล เบื่อ ลาออก เปลี่ยนงานไปเป็นเซล IT  ออกไปทำกิจการส่วนตัว เจ๊งมีหนี้เกือบ 2 ล้าน
ช่วงชีวิตนี้มี Highligh อยู่ครับ  
          - ผมยอมลดเงินเดือนตอนมาเริ่มทำ Sales IT ครั้งแรก เงินเดือน 12000 + ค่าเดินทาง 4,000 เพราะอยากลองทำ Sales ดู
            ใครที่ไม่รู้ตัวเอง หาสิ่งที่ตัวเองชอบงานที่ตัวเองชอบให้เจอ  อย่าไปติดกับเรื่องเงิน  มีเหรอไม่มีประสบการณ์ เปลี่ยนฟิวมาเค้าจะให้เงินเดือน
            เยอะเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม  พวกที่บ่นเบื่อแล้วก็ทนทำไปนาน ๆ เข้ามีภาระ ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มีครอบครัว มีน้อง ก็เปลี่ยนงานไม่ได้อีก
            แล้วก็ทนทำไป พออายุเยอะด้วยความที่เบื่อ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เรียนรู้ โดน layoff  
           สรุปนะครับ หาตัวเองให้เจอ หางานที่เราชอบ งานต้องอยู่กับเราไปอีกหลายปี ทำงานให้สนุก มีความสุขกับมัน เดี๋ยวเงินตามมาเอง
           เพราะฉะนั้นถ้าคุณอายุยังน้อย  อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนงาน ให้ศึกษา หาข้อมูล ถามพี่ ๆ ที่มีประสบการณ์ ลองทำดูซักหกเดือนปีนึง ไม่ OK เปลี่ยน
           ไม่ต้องไปสนใจว่าเดี๋ยว Profile ดูไม่ดีเปลี่ยนงานบ่อย หาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร สนใจอะไรสำคัญกว่า
           ผมหาเจอว่าอยากทำ Sales นี่แหละขาย IT เพราะเรียนมา แล้วก็ต่อยอดหาความรู้เพิ่มเติม อ่านหนังสือ เรียนรู้ product ซนไปเรื่อย
         -  ผมลองงานที่ผมสนใจรวมถึงลองทำธุรกิจด้วย ตอนอายุ 28 ก็ที่บอกว่าเจ๊งมาเป็นล้านนะแหละ suffer มากครับแต่ก็ใช้หนี้หมดตอนอายุ 34
           ได้บทเรียนครั้งใหญ่เลยและผมว่าคุณสมบัติข้อนึงที่ติดตัวผมมาก็คือ การเข้าใจการทำธุรกิจ ถ้าคุณอยากทำธุรกิจเอง การเริ่มต้นด้วยการเป็น
           ลูกจ้างเค้าโดยการเป็น Sales  นี่ดีครับเราจะเข้าใจธุรกิจ บริษัทออกเงินให้เราลองทำธุรกิจ (คิดซะยังงั้น สบายใจ) มีทักษะว่างั้น  
           บริษัทที่ประสบความสำเร็จใหญ่โตจะมียอดขายมหึมา และส่วนสำคัญก็มาจาก Sales Man นี่แหละครับ model การทำธุรกิจที่ดีบนเว็บ
           ก็มาจากความเข้าใจเรื่อง Sale ของคนพัฒนา  ยอดขาย ช่องทางการขาย พนักงานขาย มีความสำคัญกับการทำธุรกิจ
           อยากเป็นเจ้าของกิจการต้องเริ่มต้นตรงนี้  อย่าฝัน เจ๊ง เดือดร้อนนะ  ถ้าไม่ได้มีกิจการที่บ้าน ไม่รวย อยากเป็นเจ้าของกิจการ
           ลองไปสมัครเป็นเซลในฟิวที่คุณสนใจ แข็งแรงแล้ว ลองทำเองดู อย่าเอาเงินทั้งหมดมาทำ ลองเล็ก ๆ ก่อน อีกครั้ง เจ๊ง เดือดร้อน ขอย้ำ
            สรุป ช่วงชีวิตการทำงานตรงนี้ได้บทเรียนจากความซ่าไปหลายตังค์  แต่ก็ได้ทักษะการทำธุรกิจติดตัวมาพร้อมหนี้บานเลยครับ

ผมหาตัวเองเจอว่าอยากทำอะไร สนใจอะไร เวลาว่างอ่านหนังสือที่ตัวเองสนใจ  แก้ปัญหาเก่ง เริ่มมีเป้าหมายในชีวิตแล้วครับ เป้าแรกต้องใช้หนี้ให้หมด
ผมประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย เพราะไม่มี 5555 จากเดิมป๋า สปอร์ต กทม กับเพื่อนและหญิงตลอด  ลืมเล่าไปมีแฟนนะครับ รู้จักกันเพราะเค้ามาฝึกงานที่แบงค์
เค้าอดทนมากเลยนะ ยอมคบผมได้ตั้งแต่ตอนนั้นอะ (เรื่องแฟนนี้ต้องขยายครับเพราะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมมาถึงจุด ๆ นี้) เดี๋ยวไปต่อช่วงต่อไปกันเลย

ช่วงอายุเกือบ 30 - จนถึง 36

กลับมาแว้ว กลับมาเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม หายซ่าเลยมีหนี้สองล้านได้ ต้องเอาบ้านไปรีไฟแนนท์ แต่มีรถขับคันนึง สงสารแม่ สงสารแฟน ต้องมาลำบากไป
กับเราด้วย ผมกลับมาทำบริษัทด้าน IT เหมือนเดิมเงินเดือน 35,000 ย้ายครั้งนึง มาอยู่บริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า IT Security
รายได้เฉลี่ย 5 -60,000  ตำแหน่ง Sales Manager ทั้งบริษัทมี 3 คน GM , Engineer แล้วก็ผมเป็นเซล
ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญครับ เหนื่อยแต่สนุกกับงาน เรียนรู้  ขยัน ประกอบกับได้ทำสิ่งที่ตัวเองสนใจ ลุยแหลก เอาเป็นว่าเริ่มต้นขายของให้ Vendor จากไม่มี
Side Referrence จนขึ้นเบอร์หนึ่งของเมืองไทย แล้วก็ถือ Products อีกหลายตัว บริษัทขยายกลายเป็นมีคนเกือบ 20 คน  
ทำงานร่วมกับ Vendor จากสิงคโปร์หลายคน หลาย Vendor กลายเป็นที่รักของเฮีย ๆ สิงคโปร์หลายคน  มาเมืองไทยผมดูแลจัดเต็ม ผมขออะไรให้หมด 555  เจ้านายพูดไม่ให้ ผมขอให้เว้ย 555 ใครดี ใครกวนตรีน ใครรับสมัครพนักงาน  รู้หมด
เริ่มสร้างชื่อ เพราะเราจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่หลอกเค้า ( มีตีหัวเอามาร์จิ้นบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง ) ถ้าผม commit หมายถึง PO เข้าชัวร์ ถ้า slip
ผมหามา patch ผมและทีมลุยแหลก Product ไม่ใช่เกรด A ทุกตัวแต่ก็ทำตลาดได้ Position ให้ถูก Focus ให้ถูกที่และจริงใจกับลูกค้า partner
ยอดขายกระฉูด บริษัทขยายตัว ค่าคอมหาได้เพิ่มเอาไปใช้หนี้  เจ้าของบริษัทตัวจริง Happy ( ไอ้ GM นะแหละตัวปลอม แค่หุ้นส่วน วัน ๆ ไม่รู้ทำอะไร
ยังดีไม่ทำแต่ก็ไม่มาสร้างปัญหา )

ช่วงนี้การได้รันทีมขาย ทำให้ผมอยู่กับคนมากขึ้น ลูกน้องกลัวผมเพราะความขาลุย อยู่ในสภาพแวดล้อมของการแข่งขัน บางคนก็กลัวเกิน
ตอนนี้ได้เป็น ผจก เต็มตัวครับ มีลูกน้อง 5-6 คนแต่ยังขายเองอยู่นะ สัมภาษณ์งาน ทดลองงาน ให้ออก ไล่ออก ที่พอฝึกได้ก็ฝึกกันไป
บริษัทเล็ก ๆ ครับไม่สามารถจ้างคนที่มีประสบการณ์ได้มากนัก รายได้ก็ไม่ได้ขยับอะไรมาก เราไม่คิดอะไรถือว่าโตไปด้วยกัน ผมเริ่มบริหารทีมงานขาย
ให้โอกาส สอนคน พัฒนา ก็ตอนนี้ แล้วในทางกลับกัน ให้ออกและไล่ออก

พอหนี้หมดผมก็จะแต่งงาน  แฟนผมหรือภรรยาผมนี่มีส่วนสำคัญกับชีวิตผมสูงมาก ผมดีเค้าก็อยู่ ผมล้มเค้าก็อยู่ ผมกลับมาดีใหม่ มีครั้งนึงทำท่าไม่อยู่อะ
เสีย self ไปเลยนะ แต่ในที่สุดเค้าก็แต่งงานกับผม งานแต่งค่าจัดเลี้ยง 300,000 เจ้าของบริษัทฯ ผมออกให้เลยนะ ( จริงๆ ไม่น่ารับเล้ย )
แต่ก็ลดค่าใช้จ่ายสบายแฮ หลังแต่งงานผมยกเงินเดือนให้ภรรยาดูแลทั้งหมด เอาบัตร ATM สมุดบัญชีไปเลย

กลับมาเรื่องงาน ขายเยอะปัญหาเยอะ บริหารจัดการไม่ดี เริ่มหาตัวช่วย GM ไปเอาญาติมาทำการเงิน พยายามมาวุ่นวายกับผม จะให้ผมขออนุมัติเค้าก่อน
ให้ Discounted นึกดู ผจก ฝ่ายขายต้องขออนุมัติ ผจก การเงินก่อน มีที่ไหน ผมว่าเค้าคงจะพยายามมาเล่นการเมือง เพราะผม power เยอะกว่า GM
ผมเริ่มเซ็งออกดีกว่า คราวนี้เอาหละซิติดหนี้บุญคุณกันทำไงอะ  ผมรอจนปิดโปรเจคนึง 40 ล้านได้ กำไรประมาณ 6 ล้าน ยกค่าคอมคืนเค้าไป
ผมทำงานที่นี่หลายปีเลยนะ หลังจากที่ออกซักพักนึง สามสีปีให้หลัง  บริษัทนี้ปิดตัวไปแล้ว มานั่งนึกแล้วลูกค้าตรูทำไงเนี้ย  

ย้ายไปทำงานก็เพราะ Vendor มาตรงนี้แหละเริ่มเป็น Vendor รายได้แตะ 100,000 หรือเกินบางควอเตอร์ ไม่มีลูกน้อง ไม่มี Engineer รู้ทุกอย่าง

Higlight ช่วงนี้นะครับ

ถ้าเราสนุกกับงาน เราก็จะตั้งใจทำ  มีอุปสรรคเราก็ฝ่าฟันไป นี่ไงคีย์ ความสำเร็จก็ตามมา
เราซื่อสัตย์ ไม่คดโกง จริงใจ กับลูกค้า, คู่ค้าทั้ง partner vendor,  เพื่อนร่วมงาน ใครก็สนับสนุน ทำงานผิดพลาดก็มีคนช่วยเหลือ แก้ไข แก้ต่าง 5555
ทำธุรกิจต้องใช้ความไว้วางใจ ซึ่งสำคัญมากครับ อะไรที่เรามี Commitment ต้อง Delivery ให้ได้  ลูกค้า, คู่ค้า, vendor ให้เกียรติ
เจ้านาย ผจก ที่ไม่สอนหรือลูกน้องกลัว จะเหนื่อย มีน้องที่ผมให้ออก ( ไม่ใช่ไล่ออก ) เดินมายกมือไหว้ผมเจอกันโดยบังเอิญ เค้าบอกว่าจำผมไม่ลืม
จำที่ผมสอน เค้าเล่าปัญหาตอนทำงานกับผมให้คุณแม่เค้าฟัง ผ่านไปหลายปีคุณแม่เค้ายังพูดถึงผมอยู่เลย  ตอนนี้เค้าอยู่บริษัท IT ใหญ่มากกกก
ผมโหดจริงแต่ก็ช่วยเหลือแล้วผมก็สอน นิสัยขาโหดผมลดลงแล้ว สไตล์เราต้องปรับเปลี่ยนไปตามลูกน้อง บางคนต้องโหด
บางคนต้องไม่โหดชี้แจงเหตุผล ทางทีดีเป็น ผจก ที่ดีอย่าโหด โหดแล้วลูกน้องที่ยังไม่เก่งหรือฝึกอยู่แล้วเค้าออาจจะเก่งเค้าลาออก คุณก็เหนื่อยฟรี
เก่งกว่า เก่งเท่ากัน หรือเก่งน้อยกว่า คนนึงพูด Eng ได้ เค้าเลือกคนพูดได้ เข้าใจ สื่อสารได้นะครับ Eng สำคัญ
บริษัทคนไทยใครจ้างคนเงินเดือน 100,000 บ้าง ต้องผู้บริหารระดับสูงนะ Vendor แสนกว่าเยอะแยะ บริษัทฝรั่งด้วย อีกครั้ง Eng.  

โหยเพิ่งจะ 100,000 - กว่าเอง ไว้มาต่อแล้วกัน ช่วงหน้า เริ่มเป็นขาใหญ่  ยิ่งบู๊ขึ้นชื่อว่านักบู๊ต้องบาดเจ็บ  จาก ผจก ไปเป็น ผจก อาวุโส เจอนายกวนตรีน โดนการเมืองชิงอำนาจ  ลาออกอีก coming atraction krub.

PS อยากถามอะไรถามได้ครับ ถ้ามีประโยชน์จะตอบ ห้ามเดาว่าผมเป็นใครคุณจะไม่ได้รู้ ใครที่คิดว่าไม่ได้เป็นประโยชน์ไม่ต้องโผล่มา post OK ?

มีต่อตอนสอง คห 10 และ คห 100 หาตัวเองยังไง หางานที่เหมาะกับเรายังไง  รู้ยัง[/
คห128  มาใหม่ 200,000 ใช้ยังไงให้หมด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่